xs
xsm
sm
md
lg

“เสนาลิง” เปิดใจนาทีลูกสาวป่วยหนักที่จีน อยากบินไปหาแต่ถูกเบรกไว้ กอดงานแน่นๆ เหลือแค่ 3 รายการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เสนาลิง” ใจหายลูกสาวป่วยหนักที่จีน เผยใจพ่อแทบอยากบินไปหา แต่ลูกสาวเบรกไว้ ล่าสุดกลับบ้านได้แล้ว พร้อมห่วงอนาคตวงการบันเทิงไทย หลังเหลือแค่ 3 รายการ เสียดายคอนเทนต์ไทยหดหายจนคนต้องหันไปเสพคอนเทนต์ต่างชาติแทน

ทำเอาหลายคนตกใจที่เห็นข่าว “น้องนกยูง” ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพิธีกรรุ่นเก๋า “เสนาลิง สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์” ล้มป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอจนต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งเป็นช่วงที่น้องนกยูงไปเรียนที่ประเทศจีนเพียงคนเดียว ล่าสุดได้เจอตัวเสนาลิงในงานบวงสรวงละคร 3 เรื่อง 3 รส คืนนี้ผมนอนไม่หลับ , ท่วงทำนองที่เลือนหาย และ คุณปู่วุ่น Y หลานชาย Y วุ่น ณ ศาลพระพรหม ไทยพีบีเอส ถ.วิภาวดีรังสิต เจ้าตัวก็เผยว่าตอนนี้ลูกสาวได้กลับบ้านโฮสต์แล้ว แต่ยังต้องคอยไปตรวจอยู่เรื่อยๆ

“ตอนนี้ออกจากโรงพยาบาลมาที่พักที่บ้านของโฮสต์ ก็โทร.คุยกันถามว่าเป็นยังไง แม่เขาก็ถามว่าน้อยใจไหมที่พ่อกับแม่ไม่ได้ไป รู้สึกแบบไหน เขาก็บอกว่าเฉยๆ คือมาก็ดี แต่ไม่มาก็ไม่เป็นไร เพราะถ้ามาก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ ก็ให้เป็นเรื่องของหมอ แต่สภาพจิตใจลูกสาวดีครับ แต่ตอนแรกเขาก็กังวลนิดหน่อย เพราะเขาจัดการเองไม่ได้ เพราะสื่อสารกันภาษาจีนกับอังกฤษ แต่ตอนที่มีข่าวว่าเข้าโรงพยาบาลอย่าว่าแต่คนอื่นตกใจเลย พ่อแม่ก็ตกใจ ผมบอกกับภรรยาเลยว่าบินไปเดี๋ยวนี้เลย เพราะเราไม่รู้ว่ามันหนักแค่ไหน เพราะเห็นแค่ภาพกับการคุย แต่เดี๋ยวนี้โชคดีที่มีวิดีโอคอลได้ ถ้าสมัยก่อนเราคงคิดภาพไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง

ลูกสาวโทร.มาตอนเช้าเลย คือคืนนั้นเรานอนดึกกันมากสองคนผัวเมีย ประมาณตี 4 กว่า พอเช้าประมาณ 8 โมงลูกก็โทร.มา ก็คุยกับแม่เขาก่อน บอกว่าแม่ไม่ต้องตกใจ หนูอยู่ที่โรงพยาบาล เป็นลม แล้วก็นั่งรถฉุกเฉินมาอยู่ที่โรงพยาบาลเรียบร้อย ตอนนี้รอคิวหมออยู่ แต่ก็รอเป็นวันเลย ก็คือเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ พอติดแล้วก็กระจายเลย ตอนนี้ก็รักษาตัวเรื่อยๆ แต่การรักษาตัวของที่โน่นก็ดีนะครับ เพราะเขาก็เชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้ คือสมมติหวัดหายแล้วก็ไปรักษาปอดอักเสบต่ออะไรแบบนี้

พอ 1 เดือนต่อจากนี้ก็ต้องกลับไปดูว่าปอดเป็นยังไง รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลประมาณสัก 5-6 วัน แต่เราก็คุยกันตลอดเวลา คือพอเขาตื่นเขาก็โทร.มา ถ้าแม่ไม่รับก็จะโทร.หาพ่อ เราก็จะสแตนบายกัน ผมว่าเลยทำให้เขารู้สึกว่าพ่อแม่อยู่ใกล้ๆ แต่ถ้าติดต่อไม่ได้เลยเขาก็อาจจะเครียด อันนี้ก็ทำให้เขาสบายใจว่าภายในเวลา 5-6 ชม. ถ้าคุณเอ็กซิเดนต์อะไร แม่หรือพ่อไปถึงแน่นอน”

ยอมรับกังวล แต่เชื่อว่าลูกดูแลตัวเองได้
“ด้วยความที่นกยูงเป็นนักกีฬาก็เป็นเด็กที่จัดการอะไรได้ เขาเข้าแคมป์บ่อย ตั้งแต่แคมปฺ์ของอเล็กซ์ เรนเดลล์ แคมป์ป่า แคมป์สัตว์ ถึงขั้นผ่าสัตว์ได้แล้ว แล้วก็ไปนอนกับเพื่อนๆ ผมก็เลยคิดว่าการไปใช้ชีวิตของเขา เขาดูแลตัวเองได้ แค่มันไกล ทีนี้เรื่องการดูแลตัวเองไม่เท่าไหร่ แต่ดันป่วยเท่านั้นเอง มันเลยทำให้กังวล แต่ก็ไม่ถึงขั้นอยากให้น้องกลับไทยนะ เขาเป็นคนบอกว่าพ่อกับแม่ไม่ต้องไปด้วย มาก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้ ก็ให้เป็นหน้าที่หมอ แต่ใจเราก็กังวล อยากจะบินไปเลย

แต่เป็นครั้งแรกที่น้องป่วยขนาดนี้ เขาไม่เคยเข้าโรงพยาบาลแบบนี้เลย ไม่เคยนอนเลย คือตอนเด็กมีแค่นิดหน่อย ไปพ่นจมูก เป็นหวัดแค่นั้น แล้วก็ใช้วิธีธรรมชาติบำบัดซะมาก ทุบหอมแดงใส่ในอ่างแล้วนอนแช่ตอนเป็นหวัดให้มันหาย แล้วก็ใช้วิธีเช็ดตัวให้ไข้ลด แต่นี่เขาอยู่คนเดียว เขาต้องเช็ดตัวเอง ถึงอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่มีใครเช็ดตัว ต้องทำเองหมด พอเริ่มดีขึ้นถ้าเขาอยากกินอาหารที่ไม่ใช่ของโรงพยาบาล เขาต้องสั่งและลงไปเอาเองขึ้นมานั่งกิน ก็ต่อสู้”

เสียดายภาพรวมวงการบันเทิง ผลิตคอนเทนต์น้อย ทำให้ต้องเสพสื่อต่างชาติกันเยอะขึ้น
มันก็มีหายๆ ไปบ้าง สุดท้ายเหลืออยู่ 3 รายการที่เราก็รู้สึกดีกับมันอยู่แล้ว เพราะอยู่มานานทั้งหมด ก็มี 12 ราศี มี WHO IS MY CHEF แล้วก็มี ไมค์หมดหนี้ ก็รู้สึกดีใจและอยากกอดรายการเอาไว้นานๆ จะบอกผู้จัดว่าอยู่ไปเรื่อยๆ นะครับ ผมก็จะได้อยู่ไปเรื่อยๆ ยังผ่อนบ้านไม่หมดเลย ช่วยทำต่อไปเรื่อยๆ นะ ก็อยากทำไปนานๆ แหละ เพราะเราทำรายการแล้วเรามีความสุข แต่ถามว่าเคยหวั่นใจว่ารายการจะค่อยๆ หายไปไหม หวั่นตลอด คือพอเห็นบางอันของเพื่อนรุ่นน้องไปแล้ว อำลาแล้ว เราก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เราก็อยากทำไปตลอด ทำไปเรื่อยๆ มันมีความสุข สนุก เหมือนได้เล่นละคร

ก็รู้สึกเสียใจและเสียดายนะ แต่เราเข้าใจในความเป็นไปในแต่ละวงจรของทุกอาชีพ วันนึงเราก็ไม่คิดว่าอาชีพนักบินจะตกงาน เราไม่คิดว่าอาชีพนักแสดงจะมีปัญหาและในวงการบันเทิง มันไม่ใช่แค่นักแสดง แต่มันเป็นองค์รวมของวงการบันเทิง ซึ่งมันใหญ่มาก แต่ผมเสียดายอย่างนึงที่เราจะไร้คอนเทนต์ที่เป็นคอนเทนต์ที่สมบูรณ์แบบในการที่จะนำเสนอสู่โลกภายนอก มันไม่ใช่แค่ประเทศไทย ฉะนั้นเราจะเสียดุลเรื่องการรับสาร กลายเป็นเราต้องเสพสื่ออื่น เราต้องดูละครต่างชาติ ซีรีส์ต่างชาติ เราต้องดูเรื่องราวของเขาแทนที่จะดูเรื่องของเรา

ฉะนั้นถ้าเรายิ่งผลิตน้อยหรือทำรายการน้อยลง เราก็ยิ่งต้องเสพของคนอื่น เราก็เสียซอฟต์พาวเวอร์ เหมือนที่เราต้องไปดูซีรีส์เกาหลี จีนมากขึ้น เพราะเราไม่ได้ผลิต มันก็จะเป็นการเสียหายในเชิงมหาภาพมากๆ ผมอยากให้รัฐอุดหนุนเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าต้องมาชดเชยบริษัทนะ แต่หมายถึงอะไรที่มันจะมีงบประมาณผลักดัน หรืออะไรที่มันจะปลอดภาษีได้ เพื่อให้สปอนเซอร์ลงมาจ่ายเงินกับการทำละคร ทำรายการต่อไป ไม่อย่างนั้นยากเลยนะ วันนี้ประเทศไทยผลิตละครปีนึงไม่ถึงร้อยเรื่องในทุกสถานี มากที่สุดตอนนี้คือจีเอ็มเอ็ม มันก็จะทำให้เราไม่ได้เสพคอนเทนต์ เราก็จะไปดูคอนเทนต์แนวตั้ง ก็เสียดายเท่านั้นเอง เพราะถ้าคอนเทนต์บางเรื่องมันดี มันโดนจริงๆ มันไปไกลมาก อย่างออเจ้า หรือหนังเรื่องสัปเหร่อ มันพาประเทศไทยไปด้วย”









กำลังโหลดความคิดเห็น