กรณีที่ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” รัชนก สุวรรณเกตุ เคยผุดโปรเจกต์จัดเฟสติวัล 5 รอบ 5 ภาค ทั่วประเทศไทย คิดค่าเช่าบูธละ 1 ล้านบาท โดยตั้งเป้าเริ่มเดือนม.ค.69 พร้อมช่วยสินค้าแบรนด์เล็กจากภูมิปัญญาชาวบ้านให้ขายฟรี ซึ่งโปรเจกต์ดังกล่าว เกิดขึ้นระหว่างเทศกาลไลฟ์สดของเจนนี่กำลังบูมสุดขีด ยอดคนดูไลฟ์หลักแสนหลักล้าน
แต่ภายหลังเทศกาลเจนนี่ได้ปิดฉากลงไป เจนนี่กลับมาไลฟ์เหมือนเดิม ยอดคนดูเหลือแค่หลักหมื่น เจนนี่ได้ออกมาประกาศอีกครั้ง ว่าจากเดิมตั้งเป้า 1 พันบูธ เหลือแค่ 100 บูธ พร้อมเปลี่ยนมาจัดในห้างดัง
แต่ล่าสุดเมื่อวานนี้ เจนนี่ได้เปิดใจผ่านการถามตอบกับ “นารา เครปกะเทย” อนุวัติ ประทุมถิ่น ผ่านไลฟ์ในติ๊กต๊อกที่ถามเรื่องบูธ 5 ภาค โดยเจนนี่ยอมรับว่าตอนนี้เลิกทำแล้ว พร้อมคืนเงินลูกค้า
“ตลาดเจนนี่ไม่ทำแล้ว นี่พูดครั้งแรก มี 50 กว่าแบรนด์ที่รอทำ ที่ไม่ทำแล้วเพราะคนดูไม่ใช่หลักแสน หลักหมื่นแล้ว ณ วันที่เราขายงาน คนดูหลักแสน เราไม่รู้ว่าจะไปขั้นไหน แต่ตอนนี้คนดูเหลือหลักพันหลักหมื่น ถ้าเราเป็นผู้ประกอบการ จ่ายเงิน 1 ล้านแล้วคนดูเท่านี้ เรารู้สึกว่าไม่คุ้ม เราไม่อยากเป็นศัตรู อยากสร้างพันธมิตรกับทุกแบรนด์ เราเลยคิดว่างั้นเราไม่ทำ หรือแบรนด์ไหนอยากจ้างเรา ก็เปลี่ยนจากงานมาเหมาไลฟ์เหมาคลิป ทำอะไรแล้วให้แบรนด์คุ้ม จัดงานคนคุ้มคือยิวกับเจน แต่แบรนด์ไม่คุ้ม เรารู้สึกว่างั้นไม่เอา ถ้าจะคุ้มก็ต้องคุ้มกันทุกคน ก็เลยเปลี่ยน บางท่านก็มาเหมาคลิป เหมาไลฟ์ หรือเปลี่ยนมาปักตะกร้าแทน
เราขายโซเชียลเป็นหลัก มันอยู่ที่ยอดคนดู การจัดงานทั่วไป เราจัดได้อยู่แล้ว แต่ต้องไม่ใช่หลักล้าน นี่คือความเป็นจริง บางคนอคติก็มีมุมอคติอยู่ดี แต่นี่คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เราไม่สวนกระแส อย่างที่เจนนี่พูดว่าจ้างเราต้องคุ้ม อย่างคนถามทำไมรับงานเรต 3 หมื่น เราต้องดูกระแสด้วย ณ ตอนนี้ไม่มี แต่อนาคตไม่แน่ ณ วันนั้นมีสิ่งที่อยากทำหลายอย่าง แต่สุดท้ายเราก็รู้กำลังตัวเองว่าทำได้ประมาณไหน ณ วันนี้กระแสมันเปลี่ยน เงินลูกค้าที่จ่ายมา เราต้องอย่าไปอยากได้ขนาดนั้น
ตอนนั้นคิดว่าเป็นตลาดได้ การที่มีคนดูหลักแสน หลักล้าน อยากทำอะไรได้หมดอยู่แล้ว อยู่ที่กระแสจะไปได้นานแค่ไหน ถ้างานที่จะจัดอยู่ในช่วงต.ค.-พ.ย. ยังไงก็แมส ยังไงก็บูม ยังไงลูกค้าก็คุ้ม แต่ทำไม่ทัน ก็เลื่อนไปม.ค.69 แต่ตอนนี้คนดูเรากลับมาเหมือนเดิม ไม่ใช่เทศกาล เป็นเจนนี่จริงๆ
เรารู้สึกว่าไม่อยากให้ลูกค้ารู้สึกเสียใจที่จ้างเรา คืนเงินกันดีกว่า หรือทำอย่างอื่นที่คุ้มกันดีกว่า หรือถ้าสมมติลูกค้าอยากทำอีก เดี๋ยวมาคุยกัน อนาคตอาจมี แต่ดูข้อเสนอกันใหม่ เพราะข้อเสนอที่เรายื่นไปวันนั้นคนดูหลักแสน เราจะมัดมือชกไม่ได้ว่าพี่จ่ายหนูแล้วล้านนึง มายกเลิกได้ไง หนูควบคุมกระแสไม่ได้ อย่างนี้เราสร้างศัตรู เราอยากสร้างพันธมิตร เพราะลูกค้าซื้อบูธ คนนึง 10 ล้าน คนนึง 5 ล้าน เราคิดว่านี่คือพันธมิตรที่เราควรจริงใจต่อกันไว้ เราควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน”
พร้อมแจง แยกย้าย “บูม เทยกะทะ” ไลฟ์สไตล์ไม่ได้ตรงกันทุกเรื่อง แต่ไม่ได้เกลียดกัน
“กับบูมก็แยกย้าย แต่ไม่จำเป็นต้องเกลียดกัน ไลฟ์สไตล์ไม่ได้ตรงกันทุกเรื่อง เราทำงานทุกอย่าง 24 ชม. บูมมีสังสรรค์ มีดื่มบ้าง ดื่มที่บ้านมีหลานก็อาจไม่เป็นตัวเอง ก็แยกย้ายกันไปบ้าง แต่ไม่ใช่ชีวิตนี้จะไม่เจอกันแล้ว ว่างเมื่อไหร่ก็เจอกัน ก็เป็นไปได้ที่ไม่มีเทศกาลเจนนี่แล้ว ณ วันที่คนยังเยอะ เรางานหนักต้องการคนช่วย ก็ถูกต้องแล้วที่บูมมาช่วย แต่ ณ วันนี้งานไม่ได้เยอะขนาดนั้นแล้ว รายได้ไม่ได้ขนาดนั้น บูมก็แยกไปไลฟ์กับคนนั้นคนนี้บ้าง”


