“ทนายสายหยุด” เชื่อ “นานา” ไม่ได้ฉ้อโกงประชาชน เร่งตรวจสอบยอดเงิน เพื่อวางแผนทยอยชดใช้ ยันไม่มีพลิกคดี อันไหนผิดให้รับผิดอยู่แล้ว เผยภาพรวมน่าหนักใจทั้งหมด แอบห่วงไม่มีกำลังชำระหนี้ รับว่าความทั้งที่ทัวร์ลง เพราะได้ค่าจ้าง
“ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู” ทนายของ “นานา ไรบีนา” เปิดใจกับสื่อหลังมาออกรายการโหนกระแส โดยเผยถึงแนวทางการต่อสู้คดี ว่าอันไหนผิด ก็ให้ยอมรับผิด แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่การฉ้อโกงประชาชน เพราะเป็นการยืมกันในกลุ่มเพื่อน ไม่ได้โพสต์ลงสื่อสาธารณะ
“อัปเดตคดีตอนนี้ ก็แจ้งข้อกล่าวหาครับ แล้วก็นำไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาลอาญา หลังจากนี้ก็จะไปขอทราบรายละเอียด เพราะวันนั้นที่จับผมไม่อยู่ ตอนแจ้งข้อกล่าวหาให้น้องทีมงานไป ก็ยังไม่ได้จดรายละเอียด ว่ากล่าวหาว่าไปกระทำความผิดกับใครบ้าง เหตุผลที่ยื่นประกันตัวไปเมื่อวาน เบื้องต้นเลยผมบอกว่าคุณนานาเขาไม่มีพฤติกรรมหลบหนีเลย อย่างที่ผมเคยโพสต์ไป ว่าผมทราบว่าเขาอาจจะโดนหมายจับหรืออาจจะโดนแจ้งข้อหา ผมเลยพาเข้าไปพบ ซึ่งตามกฎหมายก็พาไปพบได้ ตำรวจก็นำไปฝากขังได้เลย โดยไม่ต้องออกหมายจับ ถ้าจะค้นก็ไปขอหมายค้นต่างหากแยกไป
แต่พอผมไปก็ไม่มีใครมารับตัว ให้เบอร์ไว้ก็ไม่มีใครนัดหมายผม ผมพาคุณนานาเข้าไปกองบัญชาการสอบสวนกลาง เราเคยเข้าไป ถ้าเอารถไปต้องเสียบบัตรประชาชน แล้วเขาก็จะบันทึกไว้ ผมก็ให้คุณนานาขับรถเข้าไปเอง ศาลก็พิจารณาเหตุผลข้อแรก เชื่อว่าถ้าประกันแล้วคุณนานาจะไม่หลบหนี”
โต้หลังตำรวจชี้แจง ว่าไม่รับเรื่องเพราะตอนนั้น “นานา” ยังไม่มีสถานะเป็นผู้ต้องหา
“ไม่ครับ ก็ฝากทุกคนไปดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (2) คนจะเป็นผู้ต้องหาต่อเมื่อถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด ผมถามว่าคุณนานาโดนกล่าวหามานานหรือยัง เขาไปแจ้งความกันมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่ฟ้องต้องศาล ถ้าฟ้องศาลเขาจะกลายเป็นจำเลย ดังนั้นถ้าวันที่ 1 ตอนเย็นผมไม่พาไป วันที่ 2 ไปขอหมายจับได้ยังไง วันนั้นผมก็บอกว่าถ้าจะสอบปากคำลูกความผม ก็ให้นัดผมได้ หรือไม่ต้องออกหมายจับหรอก พาเขาไปที่ศาลเพื่อฝากขังได้เลย เพราะถ้าพาไป ผมมีสิทธิ์ที่จะได้ประกันตัวสูง เพราะผมเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ผมไปแล้วถีบผมออกมา อีกวันหนึ่งออกหมายจับ ไปจับเขาที่บ้าน แล้วก็ไปแถลงข่าว ไม่รู้ทำไมทำแบบนั้น
วันนั้นผมไปผู้กำกับเขาบอกว่าผู้กำกับเก่าออก คนใหม่ยังไม่มา ผมก็เลยดูที่บอร์ดแล้วโทร.ไปหาหัวหน้างานยศพันตำรวจโท เขาก็อึกอักๆ บอกว่าไม่รู้รายละเอียด ผมก็เลยเขียนหนังสือนั้นขึ้นมา เพื่อแสดงเจตนาว่าลูกความผมไม่หนีนะ 5 โมงส่งหนังสือแล้ว รอจนเกือบทุ่มครึ่ง ผมก็บอกคุณนานา ตำรวจคงไม่ติดต่อแล้ว แล้วต่อมาก็มาออกหมายจับทีหลัง มันก็ไม่แฟร์ คนที่เขามาพบ ไปจับเขาทำไม ทำให้เป็นข่าวอึกทึกครึกโครม”
ท้าไปเปิดกล้องดูได้ว่าไปจริงไหม
“วันที่ไปผมให้เขารอในรถ เพราะเขาเป็นดารา แล้วมีนักข่าว ก็ให้เขารอเดี๋ยวผมติดต่อ ผมไม่ได้พาเขาเดินแห่ไป ก็ให้เขาเปิดกล้องวงจรปิดก็ได้ แล้วก็ไปเปิดบันทึก ว่าคุณนานาเอาบัตรประจำตัวประชาชนมาเสียบจริงไหม เปิดดูได้ (จะฟ้องมาตรา 157 ไหม?) ไม่ฟ้องหรอก มันเป็นดุลยพินิจของเขา ผมแค่จะอธิบายให้เข้าใจ ว่าเป็นผู้ต้องหาแล้ว ตามกฎหมายก็บอก แค่นั้นเอง แต่ต้องไปดูอีกว่าการออกหมายจับของเขา ถ้าติ๊กว่ามีพฤติกรรมหลบหนี ก็ไปคิดเอาเองว่ามันตรงหรือไม่ตรง มันไม่ได้เสียหายหรอก การจับกับการไปมอบ แต่เราตกใจ เตรียมตัวไม่ทัน”
ยันอันไหนผิดให้รับผิดอยู่แล้ว รอยอดเงินเสถียร กำลังทำบัญชีอยู่
“อันไหนถ้าเขาผิด ผมให้เขารับผิดอยู่แล้ว แต่ต้องมาคุยเรื่องยอดเงินให้มันเสถียร เป็นข่าว 400 ล้าน เมื่อวานฝากขัง 152 ล้านเศษ ซึ่งผมกำลังทำบัญชี ว่ามันเท่าไหร่กันแน่ คนไหนโกงเขาจริง หลอกเขาจริง เช่นคุณเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ เอาเงินเขามาไม่ทำอะไร ก็ต้องคืนเขาก่อน เร่งคืนเขาไป ส่วนคนอื่นที่ดอกไปบ้างแล้ว ก็เอามาหักลบแล้วก็เจรจากันว่าเหลือเท่าไหร่ เพราะเขาเพื่อนกันทั้งนั้น ผมไม่อยากเอ่ยชื่อใคร เอาเป็นว่าคนเสียหาย ก็ต้องให้เขามาขยับตัวเลขกันก่อนว่าเท่าไหร่ เพราะมันเร็วมาก ผมเพิ่งรับงานเขามาไม่เกิน 7 วันเอง
ทีแรกจะนัดประชุมเจ้าหนี้กันวันที่ 3-4 เขาอ้างว่าเขาขายร้านตัดผมได้ มันเป็นหุ้นส่วนเขา 30 เปอร์เซ็นต์ ก็อาจจะได้เงิน ไม่รู้ว่ากี่สิบล้าน ก็จะเอามาเฉลี่ยกันไป เพื่อชำระหนี้ว่าจะใช้ใครได้เท่าไหร่ ติดคุกมันไม่ได้เงินอยู่แล้ว ทำอะไรไม่ได้ ยอดที่ผมคำนวณตอนนี้ประมาณ 150 ล้านบวกลบ ก็ต้องดูว่าของคนไหนกี่บาท เพราะมันมีซ้อนกัน ก็ต้องดูรายละเอียดว่าเขาจะหาตรงไหนมาชำระหนี้ได้ไหม
ทางฝ่ายโน้นเขาบอกว่าชวนลงทุนปล่อยกู้ ทางนี้บอกกู้ยืม ทางโน้นบอกมีพฤติกรรมการหลอก มีการปลอมสลิป ซึ่งผมต้องไปตรวจสอบรายละเอียด ผมยังไม่ได้โฟกัสเนื้อหาเลย โฟกัสแค่ว่าลูกความจะโดนจับวันไหน ได้ประกันตัวไหม 4-5 วันผมทำการบ้านเรื่องนี้เรื่องเดียว แชตเป็นลังๆ เลย ก็ต้องอ่านให้ละเอียด
ตอนนี้อันไหนผิด ก็ต้องรับว่าผิดไป แต่ที่ผมมองดูว่ากู้ยืมเงิน มันจะเป็นฉ้อโกงประชาชนหรือเปล่า เพราะมันเป็นกลุ่มเพื่อน ที่สำคัญคือเขาไปยืมหรือไปหลอกก็แล้วแต่ เขาไปพูดกับคนทีละคน เขาไม่ได้มาหลอกคนครั้งเดียวกัน มันเป็นกลุ่มเพื่อนเล็กๆ จะเป็นประชาชนตามที่เขากล่าวหาหรือเปล่า ก็ต้องดูข้อกฎหมาย ถ้าเป็นไลน์กลุ่มปิดก็ไม่ใช่ ถ้าเป็นแบบโพสต์เฟซบุ๊กอันนี้ประชาชนแน่นอน ก็ดูให้มันเป็นฉ้อโกงธรรมดา อย่างน้อยก็ยอมความได้
เรื่องร้านตัดผมเขาบอกว่าขายอยู่ มีบริษัทชื่อดังจะมาเทคโอเวอร์ไป แต่เขาเทคไปก็กลัวว่าถ้าคุณนานาไม่อยู่บริหาร คุณเวย์ ไทเทเนี่ยมไม่ได้อยู่ส่งงานต่อ เขาก็บริหารต่อไม่ได้ ต้องให้สองคนนี้เป็นพี่เลี้ยงก่อน พอเขาเดินได้ก็ไปทำเอง เขามองว่าขายได้ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมา ร้อนตังค์ก็ซื้อถูก”
ไม่รู้ “นานา” มีทรัพย์สินเท่าไหร่ เดี๋ยวต้องมาคุยกันอีกที
“เรื่องทรัพย์สินผมยังไม่เคยถามเขาเลย ผมจะถามในมุมคดี พอได้ตัวเลขชัดเจน ผมก็ต้องถามต่อว่า สมมติ ตัวเลข 100 ล้าน มีเจ้าหนี้ 20 คน คุณจะมีแผนชำระหนี้ยังไง ถ้าไปซักไซ้ไล่เลียงก็เหมือนไปซ้ำเติมเขา ผมดูเนื้อหาเป็นหลักเลย ตอนนี้ก็ยังสรุปตัวเลขไม่เสร็จ ถ้าเจ้าหนี้คนไหนพร้อมจะคุย ยังไม่ดำเนินคดี ก็พยายามจะเรียกมาคุยกันครับ (ยังไม่ทราบว่านานามีทรัพย์สินเท่าไหร่?) ยังเลย 3-4 วันวุ่นอยู่แค่นี้”
ทยอยโทร.หาเจ้าหนี้ยอดน้อยๆ เพื่อทำแผนชำระ
“ผมให้ทีมงานทยอยโทร.ถาม คนที่เป็นหนี้น้อยๆ หลัก 1-3 ล้าน จะได้มาทำแผนว่าเขาจะชำระยังไง”
“นานา” จะโกหกหรือไม่ ตนไม่ก้าวล่วง
“จะโกหกไม่โกหก ก็เป็นเรื่องของเขา ผมไม่ก้าวล่วงหรอก แต่ผมมองในมุมกฎหมาย และผลงานเยียวยา ให้มันไปรอด สุดท้ายถ้าเขารับโทษ ก็รับโทษอย่างเหมาะสม ไม่ใช่ทุกอย่างที่โดนกล่าวหา ตัวเลขก็ต้องกระทบยอดกัน สภาพหนี้ที่ผมมีอยู่ 4 ใบ เกือบ 200 ล้าน แค่เจ้าหนี้ 4 คน แต่แจ้งความเจ้าหนี้ 17 คน ยอดเหลือร้อยกว่าล้าน แล้วสภาพหนี้ที่ทำไว้สองร้อยกว่าล้านคืออะไร มันก็ต้องไปดูในรายละเอียด ซึ่งผมก็ต้องไปดูทั้งหมดครับ”
ไม่แน่ใจ “เวย์” จะโดนด้วยไหม ต้องไปสอบรายละเอียดก่อน
“ไม่แน่ เพราะเขาใช้คำว่าร่วมกันฉ้อโกงประชาชน คำว่าร่วมกันอย่างน้อยก็ 2 คนขึ้นไป แต่ผมไม่รู้ว่าจะเป็นชื่อคนที่รับโอนหรือว่าคุณเวย์ ก็เดี๋ยวต้องไปสอบรายละเอียดครับ เรื่องนี้มันละเอียดอ่อน ต้องค่อยๆ ถามไป แต่เงินโอนเข้าบัญชีเท่าที่ตรวจสอบ ยังไม่มีเข้าบัญชีเวย์ (สลิปปลอมทั้งหมดเท่าไหร่?) ไม่ได้ดูเลย ปลอมก็คือปลอม แต่มันไม่ได้ปลอมแล้วไปเอาเงินเขา คือไปเอาเงินเขามาแล้วอ้างว่าลงทุนคนละครึ่ง ผู้เสียหายครึ่งหนึ่ง เขาปลอมครึ่งหนึ่ง”
“เมื่อวานผมอยู่ที่ศาล แอบนักข่าวอยู่ เสร็จแล้วก็กลับบ้านเลย เพราะผมเครียด แล้วผมก็ต้องถามคุณนานาด้วย ว่าเขายินดีให้สัมภาษณ์ไหม ผมก็ไม่กล้าผลีผลามพูดอะไรไป แล้วตำรวจก็โทร.ให้มาดูของที่ยึด อะไรไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจะคืนให้ เขาไม่ได้ซีเรียสอะไร แค่ซีเรียสแหวนแต่งงาน เพราะมันได้มาก่อนมีเรื่อง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลยคืนมา แล้วก็จะให้ไปเปิดรหัสกระเป๋าเงินดิจิทัล ผมเลยบอกว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่ต้น แล้วพอพาเขามา เขาก็มองถ้าผมว่าไหนให้เอามาแหวนแต่งงาน สุดท้ายให้มาเปิดรหัส เขาก็มองว่าผมรู้กับตำรวจหรือเปล่า ผมก็บอกว่าถ้าเขาเลิกจ้างผม ผมจะทำยังไงก็โวยวายกับตำรวจไป”
เผยเมื่อวาน “เวย์” ไปด้วย จับมือกันสู้ไม่หนี
“ไป (เขายังจับมือไปด้วยกัน?) เขาไม่หนีหรอก หนี้มันร้อยล้านบวกลบ ศักยภาพเขาถ้าไม่ได้เสียหายเรื่องชื่อเสียงมาก อย่างน้อยมันก็น่าจะหมุนเวียนไปได้ ถ้าขายร้านตัดผมได้มูลค่า 2-3 ล้านอย่างที่เขาพูดจริง แต่พอโดนจับเสียชื่อเสียง ก็ไม่รู้ใครจะมาร่วมทุนด้วย ก็ต้องสักพักหนึ่ง ช่องทางมันยังพอมี”
ตัวที่ให้ใส่รหัส คนเข้าใจว่ามีมูลค่าเยอะ
“เอาจริงๆ มันมีเหรียญชิบะเป็นเงินไทยไม่ถึงแสนบาท แต่เรียกผมไปให้เปิด ผมเลยไม่เปิด ผมถามเขาว่ามีอะไร เขาบอกเหรียญชิบะพี่ นิดเดียว คือผมรู้อยู่ตั้งแต่ก่อนเปิด แต่เมื่อวานตำรวจใช้วิธีนั้นถือว่าหลอกผม ก็เลยบอกว่าวันหลังมีอะไรให้ออกหมายเรียกมาดีกว่า อย่ามายืมปากผมให้หลอกลูกความผมมา (ไม่ได้มีร้อยล้าน?) ไม่มี มีก็จ่ายหนี้หมดแล้วสิ มีหลักไหนก็บอกไม่ได้เงินเขา”
ภาพรวมน่าห่วงทั้งหมด ห่วงไม่มีกำลังชำระหนี้
“ภาพรวมมันก็หนักใจทั้งหมดแหละ ถ้าเขายังมีรายได้ หาเงินมาชำระหนี้มันก็จบ ถ้าเป็นฉ้อโกงธรรมดา แต่ผมห่วงว่าเขาจะไม่มีกำลังชำระ เจ้าหนี้ไม่ให้โอกาส เบื้องต้นก็ต้องสู้คดีไปก่อน จะทยอยผ่อนก็ว่ากันไป กว่าจะสืบพยานผมว่าน่าจะถึงกลางปีหน้า ผมมาคุยกับเขาวันแรก เขาก็บอกผมว่าอันนี้เขาผิดนะ เขาทำแบบนี้ ผมก็บอกว่าถ้าคุยอย่างนี้ก็ไปกันได้ ถ้าไม่ผิด ไม่ทำ ไม่รับอะไรเลย ผมก็ไม่ทำอยู่แล้ว”
โอดที่น่ากลัวคือข้อหาฉ้อโกงประชาชน
“ที่น่ากลัวคือฉ้อโกงประชาชนนี่แหละ เพราะมันยอมความไม่ได้ อย่างคุณเจนี่ ถ้าคืนเงินเขา เขาก็คงจะยอมความไปแหละ แต่ผมยังไม่ได้ดูรายละเอียด ว่าเขาโอนอะไรให้ใคร มันเยอะมาก (ดูหมดแล้วจะไม่มีอะไรพลิก?) มันไม่พลิกหรอก เขายอมรับว่าผิดจริง เอาไปจริง เขาไม่เคยเถียงว่าไม่ได้หลอก คือเอาดอกคนใหม่ ไปจ่ายคนเก่า มันหมุนเวียนแบบนี้ ผมถามว่า 400 ล้านเอาไปใช้ส่วนตัวเท่าไหร่ เขาบอกไม่น่าเกิน 15-20 ล้าน ที่เหลือก็หมุนเวียน”
คาดสภาพจิตใจคงดีขึ้นหลังได้ประกันตัว
“ไม่ได้ถามเรื่องจิตใจเขาเลย เท่าที่เห็นเขาก็โอเคนะ ดีใจที่ได้ประกัน ก่อนได้ประกันก็คงแย่เหมือนกัน เขาก็คงดีขึ้น”
รับว่าความให้ “นานา” ทั้งที่โดนทัวร์ลง เพราะได้ค่าจ้าง
“ได้ค่าจ้างครับ เรียกค่าจ้าง เขาจ่าย เราก็ทำงานครับ ตอนนี้ก็อยู่ภายใต้การดูแลของผู้ให้คำปรึกษา เป็นคลินิกจิตวิทยาของศาล คือกลัวจะเครียด จะไปทำความผิดซ้ำ เขาก็จะมีโครงการของศาลอยู่ ศาลเขาสั่งเอง เพราะเขากลัวจะเครียด แล้วเป็นผู้ดูแลด้วย โทร.เช็ก ไปไหน อยู่ไหน ทำอะไร เพื่อที่จะดูว่าออกนอกเขตหรือเปล่า ไปต่างประเทศหรือเปล่า”


