“ม้า อรนภา” ในวัย 71 ปี มีความสุขในทุกวัน ทำมาหากินมีเงินเก็บ ไม่เคยก้มหัวขอโทษดรามา ทุกวันนี้กาลเวลาพิสูจน์ทุกอย่างแล้วใครคือของจริง มีเด็กๆ เข้ามาขอโทษที่เคยด่าว่าตนเมื่อครั้งก่อน
ยังอยู่ได้อย่างแข็งแรง สำหรับอดีตพิธีกร “ม้า อรนภา กฤษฎี” ในวัย 71 ปีที่ทุกวันนี้ ถือกระเป๋าแอร์เมสใบละ 2 ล้าน เปิดแผงขายห่อหมกตามตลาดนัดในห้าง หลังเหตุการณ์ดรามาด่าเด็กที่มีความคิดเห็นต่างกันทางการเมือง จนกลายเป็นประเด็นใหญ่ในสังคม ม้า ถูกปลดจากงานหน้าจอแทบทุกรายการ วันเวลาได้พิสูจน์อะไรบางอย่าง ในรายการแฉ ม้าได้มาเล่า วันนี้ในวัย 71 ปี มีความสุขกับชีวิตมาก และไม่เคยคิดขอโทษดรามาที่ผ่านมา
“วันนี้ชีวิตมีความสุข แฮปปี้มาก ไม่มีภาระอะไรให้ต้องหนักใจ อาชีพหลัก อาชีพหลักตอนนี้คือแม่ค้าขายห่อหมก ก็ดีใจนะที่มีเด็กๆ เจนซีอยากจะมากินห่อหมกเรา ดีใจขายของหมดทุกวันเลย ขายตั้งแต่ 11.00 น. พอ 14.00 น. ก็ไม่เหลือแล้ว ดีใจจริงๆ ที่ทุกคนได้มากินของอร่อยๆ ของโบราณที่มันใช่จริงๆ ตอนนี้มีเมนูใหม่เข้ามาด้วยนอกจากห่อหมก
รายได้เราไม่หาย ทุกวันนี้รายได้ขายห่อหมกก็พอๆ กับตอนที่ทำงานอยู่ในวงการนั้นแหละ แต่จะไปอยู่ในส่วนของออนไลน์ ตรงนั้นจะได้เป็นน้ำเป็นเนื้อมากๆ ฉันอายุ 71 ยังหารายได้ๆ อยู่ ไม่ได้ใช้เงินเก่าเลย กิจวัตรประจำวันของดิฉัน เช้ามาต้องเล่นโยคะก่อน แล้วค่อยไปบ้านแม่ เอาของไปขาย ตอนแรกว่าจะเปิดเป็นเชฟเทเบิ้ล แต่คิดไปคิดมาอย่าหาเรื่องเลย”
กี่ร้อยดรามาก็ทำอะไร “ม้า อรนภา” ไม่เคยออกมาขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แถมยังยืนอยู่ได้เหมือนเดิมแม้สถานะจะเปลี่ยนไป ลั่นมีคนอินบ็อกซ์มาขอโทษตนด้วยซ้ำ
“ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันอะไรนักหนา ฉันไม่ขอโทษเพราะฉันไม่ได้ทำผิดอะไร คนที่ทำคือคนที่จะต้องขอโทษ ไม่ใช่ฉันออกมาขอโทษ เพราะเธอทำผิดฉันถึงต้องทำอย่างนี้ พอฉันพูดว่ากลายเป็นฉันผิดเหรอ ไม่ดูก่อนเหรอ ฉันไม่ใช่คนบ้าที่ไปด่าใครโดยไม่มีเหตุผล แต่ที่ไปด่าเพราะว่าฉันมีเหตุและผลต่างหากถึงได้ด่า แล้วลืมไปแล้วเหรอว่าทำอะไรไว้ ลืม…กลายเป็นเอาฉันมาเป็นตัวนำ ว่าฉันไปด่าเด็ก ก็เลยไล่ฉันออกซะ แต่เหตุผลว่าทำไมต้องด่า ลืมกันไปหมดแล้วใช่ไหมเรารับไม่ได้กับการดูถูกสถาบัน จบ
เหตุการณ์ผ่านมา 5 ปี จนถึงวันนี้ฉันก็ไม่เคยขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนที่สนับสนุนฉันเขาก็ไม่ได้แอนตี้ฉัน เขาเห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่ฉันทำว่ามันถูกต้อง แล้ว ณ ตอนนี้เด็กพวกนั้นหายไปไหนหมดแล้ว ถ้าเป็นของแน่จริงมันก็ต้องอยู่จนถึงวันนี้สิ แล้วตอนนี้เด็กพวกนั้นอยู่ไหน เขาก็กลับไปเป็นเด็กดีกันหมดแล้ว
ฉันอยากจะเอาข้อความที่มีเด็กๆ เขียนมาถึงฉัน เชื่อไหมว่าเขามาขอโทษฉัน น้องชื่อนี้นะคะ น้องขอโทษที่เคยด่าพี่ในโซเชียล น้องผิดไปแล้วค่ะ เพราะน้องไปหลงเชื่อ โดนล้างสมอง ถูกกดดันจากสังคมที่ตัวเองอยู่ ตอนนี้น้องเข้าใจหมดแล้วทุกอย่าง น้องขอโทษพี่มากๆ หนูรักและเคารพคนที่รักในหลวง เชื่อว่าเขาจะไม่มีวันเป็นอะไร ขอให้พี่เจริญๆ ร่ำรวย แข็งแรง เหมือนเด็กพวกนี้เขาโตขึ้นแล้ว”
ถอนหายใจหากใครยังมองว่าตนตกอับ
“(ถอนหายใจ) ก็แล้วแต่ ฉันไม่ประมาทกับชีวิต ฉันประมาณตลอด ฉันประมาณชีวิตของฉันตลอด ณ วันนั้นมันก็มีนอยด์บ้างแหละ แต่เราก็อยู่กับปัจจุบัน อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เป็นสัจธรรมทุกๆ อย่างตั้งอยู่แล้วเดี๋ยวมันก็จะดับไป มันมาแล้วมันก็ผ่านไป ตั้งสติอยู่กับมัน ฉันเข้าใจแล้วว่าเขาไล่ฉันออก เราก็จบจากตรงนั้น ขอบพระคุณนะที่ 30 กว่าปีที่ผ่านมาทำให้ฉันได้ทุกสิ่งทุกอย่างเหนือคนอื่นเยอะมาก ทำให้ฉันมีทุกอย่าง ขอบพระคุณมาก แล้วก็จบ จากนี้ฉันจะเริ่มต้นใหม่
ตอนนั้นเพื่อนๆ ก็ผลัดกันพาไปเที่ยว 1 เดือนที่ได้พัก รู้สึกว่าการพักผ่อนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง มันมีความสุขมาก เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้พักเลยทำแต่งานงกๆๆ มันทำให้เราได้รู้ว่ากลับมาแล้วเราจะทำอะไร เรามานั่งขำๆ กับแม่ช่วยแกทำห่อหมกดีกว่า แล้วก็มีเพื่อนฝูงหยิบยื่นงานมาให้ อยู่ที่เราจะทำไหม ก็แค่เดือนเดียว จากนั้นก็ยุ่งฉิxหายเลย”
จากแต่งตัวสวยต้องเปลี่ยนบทบาทเป็นแม่ค้า เริ่มนับ 1 ใหม่ในวัย 65 ปี มันไม่ยาก เพียงเปลี่ยนมายด์เซ็ตและลงมือทำ
“ตอนนั้นคิดอะไรได้ทำไปก่อน ทำเลย ไลฟ์ขายของ คิดว่าในเมื่อคนอื่นทำได้ฉันก็ต้องทำได้เหมือนกัน มันก็เป็นแรงฮึด ลองผิดลองถูก ก็ทำอะไรผิดบ้างถูกบ้างไปจนเข้าใจมัน จนมันติดแล้ว เดี๋ยวนี้แทบไม่ต้องไลฟ์ โพสต์เฉยๆ ก็ขายได้แล้ว
เธอฉันจะบอกว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข ถ้าเราจะเปลี่ยนมันก็ต้องเปลี่ยน อย่าไปเสียใจกับมันนาน เดินหน้าต่อ ตอนนี้เงินมันอยู่ในอากาศ เป็นเรื่องที่จริงมากๆ แทบไม่น่าเชื่อเลยนะ เงินมันหมุนติ้วๆๆ รอบเรา ขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านมากนะคะ ทุกคนน่ารักกับดิฉันมากๆ
สำหรับคนที่ต้องเริ่มต้นใหม่ อันดับแรกดูก่อนว่าเราถนัดอะไร ถนัดทำอาหาร ถามตัวเองก่อนทำอร่อยไหม ถ้าไม่อร่อยอย่าทำ ถ้าอร่อยก็ต้องอร่อยให้จริงนะ เชื่อไหมอยู่ในซอกหลืบไหนคนก็ไปซื้อ อย่างห่อหมกของดิฉันที่มันอร่อยจริงๆ และไม่เหมือนเจ้าอื่นของเราเป็นสูตรโบราณ ทำอะไรก็แล้วแต่ขอให้มันเป็นของที่จริงๆ ของแท้ รู้ลึกรู้จริง แล้วลงมือทำมัน”
อีกหนึ่งอานิสงส์ชีวิตที่ต้องทำให้ตัวเองคือการออกกำลังกาย
“อย่าหยุดอยู่เฉยๆ เชียร์ตัวเองเข้าไป ให้ออกไปขยับร่างกาย อย่าอยู่เฉยๆ มันคืออานิสงส์อย่างนึงที่ไม่สามารถซื้อหาได้ มันต้องทำด้วยตัวเอง เราต้องทำตัวเองให้แข็งแรงไม่ให้เป็นภาระคนอื่น เราเป็นอะไรไปใครจะมาดูแลเรา เราไม่ประมาท มีเงินเก็บไว้ไปเรื่อยๆ จนตายได้ ความแข็งแรงของร่างกายซื้อไม่ได้ ต้องทำด้วยตัวเอง ทุกวันนี้ฉันซิตอัปวันละ 600 ครั้งทุกวัน ขนมขบเคี้ยวของฉันคือ ถั่ว กุ้งแห้ง แอปเปิ้ล ในชีวิตฉันเคยแอดมิตเข้าโรงพยาบาลแค่ครั้งเดียว”
เฉยๆ กับช้อปปิ้ง ไม่อยากได้อะไรเท่าไหร่แล้ว
“เรื่องช็อปปิ้งเดี๋ยวนี้ไม่สนอะไรแล้ว เดินผ่านกี่แบรนด์ฉันไม่สนเลย ต่อให้เซลล์ฉันก็ไม่สน เชิ่ดใส่แล้ว มันเฉยไปหมด ของแบรนด์เนมต่างๆ ก็มีขายทิ้งไปบ้างแล้ว สมัยเป็นนางแบบตอนซื้อก็ซื้อหลักแสน ตอนนี้ขายไปได้หลักล้าน ฉันรู้สึกว่าฉันอยู่ในจุดที่เฉยกับมัน ฉันผ่านมันมาหมดแล้ว ไม่ได้บอกว่าฉันจะเลิกช้อปปิ้งนะ แต่ฉันเฉยๆ ความสุขของฉันตอนนี้คือฉันมีชีวิตที่แฮปปี้มากๆ ทำงานมีเงินเหลือเก็บ”


