หากใครได้ดูคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ที่ปีนี้ใช้ชื่อคอนเสิร์ตว่า “BIRD FANFEST 20XX” ที่ “พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์“ ได้มอบรอยยิ้มและความสุขกับแฟนๆได้อิ่มเอมใจกันเหมือนทุกปี แต่ปีนี้กลับมีความรู้สึกจุกที่ใจบางอย่าง หลากหลายความรู้สึก บางคนร้องไห้ บางคนน้ำตาซึม และพร้อมที่จะทำใจยอมรับว่าพี่เบิร์ดที่เราคุ้นเคย ซุปตาร์เมืองไทยที่ท้้งร้องทั้งเต้นสนุกสุดเหวี่ยงเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
พี่เบิร์ดที่ปีนี้กำลังจะก้าวเข้าสู่อายุคน 67 ปีแล้ว ไม่ว่าจะไปดูคอนเสิร์ตด้วยตาเนื้อหรือชมจากคลิปในโซเชียล ทุกคนรับรู้ได้จากมูฟเมนต์ของพี่เบิร์ดที่ช้าลงมาก บางทีก็หลงลืมว่าต้องพูดอะไร ลิ้นแข็งพูดรัวจนฟังไม่รู้เรื่อง แดนเซอร์ ศิลปินรับเชิญคอยเซฟพี่เบิร์ดตลอดคอนเสิร์ตให้ผ่านพ้นไปได้ตลอด 4 ชั่วโมง แม้พี่นกน้อย ผู้จัดการส่วนตัวจะออกมาตอบคอมเมนต์แฟนๆที่เป็นห่วงสุขภาพว่าพี่เบิร์ดสบายดี ไม่ได้ป่วยอะไร แต่ใครที่อยู่ใกล้ชิดผู้สูงอายุ ย่อมรู้ดีถึงสัญญาณอะไรบางอย่างที่เห็นจากพี่เบิร์ด
39 ปี กับคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์
ตั้งแต่เข้าวงการเป็นนักร้องดัง พี่เบิร์ด ได้มีการจัดคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งแรกในปี 2529 ซึ่งถือเป็นคอนเสิร์ตลำดับแรกที่แกรมมี่เป็นผู้จัด และได้มีการเปลี่ยนชื่อหมุนเวียนไป ซึ่งถือเป็นคอนเสิร์ตประจำของพี่เบิร์ดที่จะได้พบปะกับแฟนๆ บางปีก็พี่เบิร์ดก็เล่น 20-30 รอบการแสดง การชมคอนเสิร์ตของพี่เบิร์ดถูกส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น จากแม่พาลูกไปดูคอนเสิร์ต ก็เปลี่ยนเป็น ลูกพาแม่มาเจอพี่เบิร์ด บางบ้านแม่พาคุณย่า คุณยายมาดูคอนเสิร์ตพร้อมหลานพ่วงด้วย การได้มาชมคอนเสิร์ตพี่เบิร์ด จึงเป็นมากกว่าการมาชื่นชมศิลปินที่ชื่นชอบ แต่เป็นความรักความผูกพัน เป็นสายใยที่พันผูกกันมายาวนาน จากการที่เราเห็นพี่เบิร์ดมาตั้งแต่เด็ก แบบที่ใครๆก็พูดว่าโตมากับพี่เบิร์ด เวลาผ่านไปจนเราไม่ทันได้คิดว่านี่พี่เบิร์ด ร้อง เล่น เต้น บนเวทีคอนเสิร์ตมาจะ 40 ปีแล้วนะ
“พี่เบิร์ด” กับการต้นแบบอาชีพ “ศิลปิน”
ทุกคนพอจะทราบเรื่องราวชีวิต พี่เบิร์ด กันบ้างแล้วว่าตั้งแต่เอาเท้าเหยียบเข้ามาทำอาชีพศิลปิน พี่เบิร์ด ได้อุทิศตัวเองเพื่อแฟนๆ และการเป็นบุคคลสาธารณะอย่างเต็มใจ เรียกว่าทั้งชีวิตทั้งร่างกายและจิตวิญญาณนี้มีไว้เพื่อสร้างความสุขและรอยยิ้มให้แก่ผู้คน ชีวิตส่วนตัวเป็นศูนย์ เก็บตัวเงียบไม่มีแฟน อุทิศตนเพื่อเป็นคนต้นแบบ “อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม” ผู้บริหารแกรมมี่ เคยเล่าว่า “เขาเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว เขาไม่มีชีวิตส่วนตัว การประพฤติปฏิบัติตัวของเขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อได้ทั้งในแง่บวกและลบเสมอ ซึ่งในแง่ลบตัวเองพอจะทนได้ แต่เป็นห่วงแม่ เพราะแม่จะกังวล สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือเก็บตัวเงียบ เงียบเพื่อไม่ให้เป็นข่าวใดๆ เลย“
พี่นกน้อย ผู้จัดการส่วนตัว พี่เบิร์ด เคยเล่าว่า… "ถ้าอยู่เมืองไทย เขาไม่ค่อยมีเวลาและโอกาสที่จะไปไหนตามลำพัง จนบางทีเขาก็ตามสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ทัน เขาไม่เคยเดินซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้า นอกจากเวลาไปเมืองนอก” หนุ่ม กรรชัย พยายามคะยั้นคะยอชวนพี่เบิร์ดไปเดินตลาดอยู่หลายครั้ง แต่พี่เบิร์ด ก็ปฎิเสธทุกครั้ง เพราะไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายตามมา ด้วยนิสัยที่ชอบเป็นคนตัวเล็กๆ พี่เบิร์ดไม่ต้องการชีวิตส่วนตัว และไม่ได้รู้สึกสูญเสียอิสระ ในชีวิตพี่เบิร์ดไม่ได้ต้องการอะไรมากเพราะสมัยเป็นเด็กในสลัมบางแคก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยว ได้ใช้เงิน จึงไม่อยากไปช็อปปิ้ง ดูหนัง หรือไปเที่ยวเหมือนคนทั่วๆไป
ในส่วนของชีวิตส่วนตัว พี่เบิร์ด เป็นคนที่ได้รับการชื่นชมว่าเป็นคนที่มีวินัยในการดูแลตัวเองสูงมากๆ คนนึง พี่เบิร์ดยังคงเรียนร้องเพลง และซ้อมเสมือนขึ้นคอนเสิร์ตทุกวัน แม้จะไม่มีคอนเสิร์ต พี่เบิร์ดจะเปิดเพลงตัวเอง5 วันต่อสัปดาห์เพื่อซ้อมร้องให้เหมือนกับต้นฉบับของตัวเองให้ได้มากที่สุด จนทุกวันนี้เวลาพี่เบิร์ดขึ้นคอนเสิร์ตก็ยังมีคนถกเถียงอยู่ว่าพี่เบิร์ดร้องสด หรือลิปซิงค์ กันแน่ เพราะเสียงเหมือนต้นฉบับที่ฟังมากๆ ความจริงก็คือแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่เพราะพี่เบิร์ดผ่านการฝึกฝนทุกวันจนสามารถร้องสดได้เหมือนเสียงต้นฉบับตัวเองนั้นเอง พี่เบิร์ดเคยให้สัมภาษณ์ว่าชอบเต้น อยากเต้นไปจนแซยิด (60ปี) นี่ก็เลยแซยิดมาหลายปีแล้ว
วิชาน่ารัก จากพี่เบิร์ด
นอกจากการประพฤติตัวเป็นต้นแบบที่ดีแล้ว พี่เบิร์ดยังเป็นที่รักของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าจะใครก็ตามที่ได้พบเจอพี่เบิร์ดต่างก็ประทับใจ หลงรักและชื่นชมพี่เบิร์ดแทบทั้งสิ้น ด้วยเพราะที่เป็นคนนิสัยชอบทำตัวเล็กๆ จดจำรายละเอียดในทุกสิ่ง มองโลกในแง่ดี ตรงต่อเวลา ให้เกียรติทุกคนที่ร่วมงานด้วย และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
และที่หลายคนยกย่องมากๆ คือความกตัญญูของพี่เบิร์ด เพราะพี่เบิร์ดเติบโตมาจากการไม่มี จึงรู้คุณค่าและเคารพ ให้เกียรติกับทุกๆอย่างที่ทุกคนหยิบยื่นให้ แม้แต่ในหลวงรัชกาลที่9 ยังเคยตรัสชื่นชม “เบิร์ดเป็นคนดีที่หนึ่ง”
ใน BIRD FANFEST 20XX พี่เบิร์ดให้ความสุขพวกเรามาเกือบ 40 ปีแล้ว พี่เบิร์ดยังคงเป็นพี่เบิร์ดคนเดิมที่คอยส่งรอยยิ้มและพลังบวก ให้ความสุขให้คนดู เพราะนั่นก็คือความสุขของพี่เบิร์ดเช่นกัน วันนี้เราดูคอนเสิร์ตพี่เบิร์มาถึงจุดที่ต้องให้แดนเซอร์ช่วยประคองเวลาเดินขึ้นลง พวกเราเริ่มฟังพี่เบิร์ดพูดไม่ค่อยชัดแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้ติดใจหรือเป็นอุปสรรคใดๆทั้งสิ้น เรายังใจฟูและรักพี่เบิร์ดเหมือนเดิม
ไม่รู้ว่าปีหน้าจะมีคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์?
พี่เบิร์ดยังจะไหว? แต่ไม่เป็นไรเลย แม้จะแอบเศร้าและมีน้ำตา พี่เบิร์ดก็คือมนุษย์คนหนึ่ง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และโรยรา เพียงแต่เราแฟนๆไม่ทันจะได้เตรียมใจเพราะ 6 เดือนยังเห็นแกแข็งแรงดีมากๆ
จากนี้ต่อให้พี่เบิร์ดจะนั่งวิลแชร์ออกมาร้องเพลง ก็ยังจะมีคนที่รักพี่เบิร์ดมากมายซื้อตั๋วไปชมคอนเสิร์ต เพราะอยากจะไปให้กำลังใจพี่เบิร์ด ได้เห็นพี่เบิร์ดทำสิ่งที่ตัวเองรัก ได้ร้อง ได้เต้น มีความสุขไปด้วยกัน มากกว่าการชมคอนเสิร์ต มันคือความรักและความผูกพัน


