แม้จะมีเรื่องราวมากมายบนเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2025 แต่วันนี้ ทุกอย่างก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว หลังมงฯ ลงหัว “ฟาติมา บอช เฟอร์นันเดซ” มิสยูนิเวิร์สเม็กซิโก วัย 25 ปี
ฟาติมา บอช เฟอร์นันเดซ เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2000 ที่เมืองบียาเอร์โมซา รัฐตาบัสโก ประเทศเม็กซิโก ตั้งแต่วัยเยาว์ เธอโดดเด่นด้วยบุคลิกที่ร่าเริง ความรักอันลึกซึ้งต่อธรรมชาติ และความชื่นชมในวัฒนธรรมอันมีสีสันของรัฐบ้านเกิด รายล้อมด้วยสัตว์น้อยใหญ่ เธอซึมซับความเห็นอกเห็นใจและความเมตตาซึ่งต่อมากลายเป็นจุดมุ่งหมายในชีวิต
เมื่ออายุได้ 6 ขวบ ฟาติมา ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคดิสเล็กเซีย (ความบกพร่องในการอ่าน), สมาธิสั้น (ADHD) และภาวะไฮเปอร์แอ็กทีฟ ซึ่งทำให้การเรียนในวัยเด็กเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยความพยายามและศรัทธา เธอสามารถเปลี่ยนอุปสรรคเหล่านั้นให้กลายเป็นจุดแข็ง พร้อมค้นพบความคิดสร้างสรรค์และความยืดหยุ่นในตัวเอง
เมื่ออายุ 16 ปี ฟาติมา เดินทางไปศึกษาที่รัฐเวอร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เปิดโลกทัศน์และช่วยให้เธอพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยม หลังจากกลับมายังเม็กซิโก เธอก็ได้ทำความฝันในวัยเด็กให้เป็นจริง ด้วยการคว้าตำแหน่ง ฟลอร์ ตาบัสโก (Flor Tabasco) เมื่ออายุเพียง 17 ปี
ต่อมาเธอได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาด้านการออกแบบแฟชั่นและเครื่องแต่งกายที่มหาวิทยาลัยไอบีโรอเมริกานา (Universidad Iberoamericana) ในกรุงเม็กซิโกซิตี และศึกษาต่อที่สถาบันศิลปะ NABA – Nuova Accademia di Belle Arti ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ด้วยความหลงใหลในแฟชั่นอย่างยั่งยืน เธอจึงสร้างสรรค์งานออกแบบจากวัสดุเหลือใช้ เพื่อคืนชีวิตใหม่ให้กับสิ่งของ พร้อมผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน
นอกเหนือจากงานออกแบบ ฟาติมา ยังอุทิศตนให้กับงานอาสาสมัครมานานกว่า 9 ปี โดยเฉพาะการช่วยเหลือเด็กป่วยโรคมะเร็ง จัดกิจกรรมบริจาคของขวัญในช่วงคริสต์มาสให้แก่โรงพยาบาลมะเร็งเด็กแห่งรัฐตาบัสโก ผ่านโครงการริเริ่มทางสังคมอย่าง Ruta Monarca และ Corazón Migrante เธอผสานความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับพันธกิจมนุษยธรรม สนับสนุนผู้อพยพ และส่งเสริมสุขภาพจิตพร้อมหวังให้กำลังใจแก่ผู้คน
ในปี 2025 ฟาติมา ได้รับตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สเม็กซิโก กลายเป็นผู้คว้ามงกุฎระดับชาติคนแรกของรัฐตาบัสโกอย่างภาคภูมิใจ ผ่านเวทีแห่งนี้ เธอมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นกล้ายอมรับความแตกต่างของตนเอง และเป็นผู้นำด้วยความเมตตา ด้วยความเชื่อที่ว่า “ความงามที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การรับใช้ผู้อื่น ความเมตตา และแสงสว่างในใจ”


