xs
xsm
sm
md
lg

“ต้องเต” เคลียร์ทำหนังจนรวยแต่เลือกใช้ชีวิตสมถะ? เผยแก๊งไทบ้านแยกย้ายกันไปเติบโต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ต้องเต” โต้ทำหนังจนรวยแต่เลือกใช้ชีวิตสมถะ บอกสัปเหร่อ 1 ได้ 700 ล้านแต่ตนไม่ได้เป็นเจ้าของเงินทั้งหมดที่ได้มาก็แบ่งไปทำธุรกิจ ต่อทุนสร้างหนัง ส่วนแก๊งไทบ้านแยกย้ายไปเติบโตมีบริษัทของตัวเองก็จะรวมตัวกันยากหน่อย แต่ปีหน้ามีโปรเจกต์รวมตัวกันแน่นอน

หายหน้าหายตาไปเลย หลังจากถ่ายทำภาพยนตร์ สัปเหร่อ 2 ผู้กำกับดัง “ต้องเต ธิติ ศรีนวล” ก็เริ่มเดิมสายออกงานให้ได้เจอกันบ้าง โดยเผยว่าปีหน้าจะได้เห็นโปรเจกต์ใหญ่และงานอีกมากมาย

“งานเยอะครับ เพราะว่าอยู่ในช่วงเขียนบทแล้วก็รอโปรเจกต์ปีหน้าครับ ซึ่งปีหน้าค่อนข้างทำหลายเรื่อง แล้วก็มีโปรเจกต์ใหญ่ๆ เยอะด้วยครับ หนังสัปเหร่อ 2 ตอนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วเหลือแค่รอเข้าโรงภาพยนตร์

(หนังหลายเรื่องปีนี้รายได้ไม่ค่อยดี ไม่เข้าเป้า มีได้ 100 ล้านแค่ไม่กี่เรื่อง กังวล?) มันเป็นเหมือนยุคก่อน ยุคก่อนที่สัปเหร่อภาคแรกจะเข้า มันก็คล้ายๆ แบบนี้ครับ ผมว่าอันนั้นมันหนักกว่า อันนี้หนังไทยเยอะกว่าปีนั้นด้วยซ้ำ มันอาจจะเป็นเพราะหนังเยอะหลายเรื่อง คนดูไม่ทัน มันเยอะมาก อย่างเช่นเดือนนี้หนังไทยก็ 6-7 เรื่องแล้ว เราพูดในฐานะคนดู เราก็ดูไม่ไหว ขนาดเราสนับสนุนหนังไทยเรายังดูไม่ทันเลย”

เผื่อใจไว้หนังอาจทำรายได้ไม่เท่าเดิม เผยจากภาคก่อนทำรายได้ 700 ล้าน คนเข้าใจไปว่าตนรวยจากการทำหนังไปแล้ว
“ก็เผื่อใจอยู่ครับ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้คาดหวัง แรงกดดันมันจบไปแล้ว เพราะว่าทำหนังเสร็จไปแล้ว ถามว่าคาดหวังไหมมันก็คาดหวังเล็กๆ ข้างใน ไม่ได้บอกว่าไม่ได้คาดหวัง ไม่เจ๊งก็บุญผมแล้ว ไม่เจ๊งก็โอเคแล้ว ก่อนหน้านี้หนังทำเงินเยอะ หลายคนถามว่าเอาเงินไปไหน เขาก็บอกว่าจริงๆ เรารวยแต่ก็ยังใช้ชีวิตสมถะ ครอบครัวพ่อแม่อยู่ยากแล้วครับ เขาคิดว่ารวยหมดแล้วตอนนี้

คือ 700 ล้านจริงอยู่ แต่เราไม่ได้ 700 ล้านนะครับ ต้องพูดก่อน มันมีสัดส่วน หมายถึงว่าเรื่องต่อๆ ไปเราก็คิดเป็นระบบธุรกิจขึ้น อย่างเรื่องต่อๆ ไปก็เริ่มมีเงินลงทุนเองบ้าง เริ่มทำเป็นธุรกิจบ้าง แต่ก่อนเราอยากทำเฉยๆ แต่ก่อนขอแค่ได้ทำ มีโอกาสได้ทำแล้วพอทำเสร็จ ครอบครัวต้องอยู่ต้องใช้ปัจจัยหลายอย่าง เราอยากมีเงินทำหนังเอง อยากทดลองนั่นนี่มันก็ต้องใช้งบประมาณ ก็ต้องเริ่มเป็นธุรกิจครับ”

แก๊งเพื่อนแตกไปทำบริษัทของตัวเอง จะมารวมตัวทำงานร่วมกันทีก็ยากหน่อย มีทะเลาะกันเป็นปกติ
ก็เปลี่ยนไปเยอะครับเพราะว่าเพื่อนก็พยายามแยกออก คนถนัดด้านไหนก็แยกไปเปิดบริษัทของตัวเอง เซียนหรั่งก็เปิดเป็นแพลตฟอร์มของรายการ ผมก็แยกออกมาเป็นโปรดักชั่น ไทบ้านก็อยู่ในโปรดักชั่น ก็มีหลายบริษัทแต่ก็ยังมีงานที่มันต้องโคกัน อย่างเช่นหนัง มีกลับมาเล่นหรือไปเล่นค่ายอื่นอย่างเช่นเล่นเรื่องนี้ครับ

การทำงานกับเพื่อนเป็นแบบบริษัทมันก็ยากอยู่ครับ เพื่อนผมมันไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับหลังบ้านเท่าไหร่ เราไม่ค่อยได้ยุ่งกับหลังบ้านเท่าไหร่ (แสดงว่าทุกคนมีหน้าที่โปรดักชั่นอย่างเดียว?) ใช่ครับ เราคิดงาน เราทำงานแค่นั้น เวลาทำงานด้วยกันก็มีทะเลาะกันปกติ ทุกวงการทุกกลุ่มมันทะเลาะกันปกติอยู่แล้ว ตรงกลางสำหรับกลุ่มไทบ้าน ผมว่าเหตุผลครับ แล้วก็เป้าหมายของเรามากกว่า”

แต่ละคนเริ่มเติบโตประสบความสำเร็จในทางของตัวเอง แต่ก็ยังต่อกันติดปีหน้าเปิดโปรเจกต์ใหญ่
“สนุกครับ เพราะว่าล่าสุดก็ไปเขียนบทด้วยกัน นัดกันเขียนบท เหมือนกลับมาทำโปรเจกต์ด้วยกัน มันเหมือนเราไปเติบโตในที่ที่เราต้องการที่เราอยากทำแล้วพอมารวมกัน มันเหมือนเราไปเรียนรู้อะไรบางอย่างจากข้างนอกมา

ไม่ได้รู้สึกว่าเงื่อนไขเยอะขึ้น พอดังแล้วแยกวง ไม่รู้สึกเลย มันเหมือนใครสำเร็จเราก็แค่ยินดีแค่นั้น เราอยากให้เพื่อนเราสำเร็จอยู่แล้ว เพื่อนเราเก่งอยู่แล้ว เพื่อนทุกคนในคนรอบข้างผมเก่งหมดเลย ปีหน้ามีโปรเจกต์ใหญ่ๆ เยอะเลย”







กำลังโหลดความคิดเห็น