“ณพ ณรงค์เดช” แถลงเจ้าของธุรกิจ วินด์ เอนเนอร์ยี่ ตัวจริงคือ “คุณหญิงกอแก้ว” ส่วน “เกษม” เป็นแค่ตัวแทนออกหน้า แล้วตนจะปลอมลายเซ็นเพื่ออะไร ย้ำพ่อสอนเสมอไม่ให้เอาของคนอื่นมาเป็นของตนเอง พร้อมให้ข้อเท็จจริงกับทุกรายการ แต่ให้เชิญ “กฤษณ์-กรณ์” ไปด้วย ลั่นเรื่องมาขนาดนี้แล้วคงเป็นพี่น้องกันไม่ได้แล้ว
วันนี้ (14 พ.ย.68) “ณพ ณรงค์เดช” ได้เชิญสื่อร่วมฟังแถลงข่าว ชี้แจงข้อเท็จจริงประเด็นคดีเอกสารโอนหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หลังศาลอาญาสั่งจำคุก 2 ปี ตนและแม่ยาย “คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา“ จนตอนนี้ถูกสังคมดิสเครดิต เป็นคนขี้ขโมย เป็นลูกอกตัญญู โดย ณพ ได้เผยถึงที่มาในการถูกดิสเครดิตว่าตนปลอมแปลงเอกสาร
-เรื่องปลอมลายเซ็น ผมได้ซื้อ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ในปี 2558 ในวันนั้นได้ถามพี่น้องว่าสนใจร่วมลงทุนไหม ก็ไม่มีใครร่วม เพราะทุกคนมองเป็นเรื่องเพ้อฝัน ในปี 2559 ผมได้ขายธุรกิจให้กับคุณหญิงกอแก้ว เท่ากับคุณหญิงกอแก้วเป็นเจ้าของหุ้น คุณหญิงอยากจะส่งตัวแทนมาถือหุ้น เพราะไม่อยากจะออกหน้า ตั้งใจมอบธุรกิจนี้ให้เป็นของหลานคุณหญิง ก็คือลูกของผม ผมจึงขอให้คุณพ่อมาเป็นตัวแทนคุณหญิงที่ไม่อยากจะออกหน้า วันนั้นผมก็คิดว่าเป็นคุณพ่อ คือคนที่เหมาะสมและเป็นคนที่ผมไว้ใจที่สุด คุณพ่อก็ยินดี แกก็คิดอยู่ 2-3 วันก่อนจะให้คำตอบ
-ในปี 2559 จึงมีหนังสือแต่งตั้งตัวแทนขึ้นมา เพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย คนที่ทราบเรื่องนี้มีผม คุณหญิงกอแก้ว คุณพ่อ และทนาย ที่พี่น้องไม่ได้ทราบด้วยเพราะไม่ได้ลงทุนด้วย ตอนคุณพ่อเซ็นได้มีการโอนผ่านไปยังบริษัทนึงแล้วโอนคืนให้คุณหญิง
-ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจเข้ามา ไม่ว่าจะ วินด์ เอนเนอร์ยี่ หรือโรงพยาบาล ผมจะถามครอบครัวทุกครั้งว่าจะร่วมลงทุนกับผมหรือไม่ ในเมื่อไม่ลงทุนก็ไม่ได้หุ้น ของฟรีไม่มีในโลกนี้ ตรงนี้ไม่ได้เป็นมรดก แต่เป็นธุรกิจที่ต้องลงทุน
-ในปี 61 วินด์ เอนเนอร์ยี่ จะเข้าตลาดหลักทรัพย์จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดชื่อเจ้าของหุ้นตัวจริงก็คือคุณหญิงกอแก้ว ประกอบกับคุณพ่อมีความเบื่อที่จะต้องเซ็นเอกสารอุตหลุดจึงมีการโอนคืนกลับไปให้ การที่เอาหุ้นไปฝากไว้ในชื่อคุณพ่อเกษม คุณพ่อไม่ได้จ่ายเงินค่าหุ้น เป็นการเซ็นผ่านหุ้นออกไปเลย แล้วการปลอมเอกสารคืออะไร ในหุ้น วินด์ เอนเนอร์จี้ ณ ตอนนี้ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
มั่นใจมีคนวางแผน เอา ”เกษม“ เป็นตัวประกันจากเรื่องสุขภาพความจำเสื่อม ไม่มีเหตุผลที่ตนและคุณหญิงกอแก้วจะปลอมเอกสาร เพราะเป็นเจ้าของธุรกิจ
-มีคนวางแผนว่าอะไรที่เป็นเรื่องของตัวแทนก็บอกว่าปลอมหมด อะไรที่ตัวเองอยากได้หุ้นก็จะมาบอกตัวเองเป็นเจ้าของทั้งๆ ที่ไม่ได้ลงทุน ซึ่งทั้งหมดคุณพ่อไม่ได้ทราบในรายละเอียด คุณพ่อโดนใช้เป็นตัวประกัน
-ในปี 61 จากนั้นก็ฟ้าผ่าลงผมเลย มีแถลงการณ์จากครอบครัว ว่าการกระทำใดๆ ของผมต่อจากนี้ครอบครัวไม่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น รวมถึงไม่เกี่ยวกับ บริษัท วินด์ เอนเนอร์จี้ ด้วย ตลอด 5 ปีผมได้พิสูจน์ความจริงในศาล ไม่ว่าศาลไหนข้อเท็จจริง คือครอบครัวผมไม่ได้ลงทุนในธุรกิจนี้ เพราะไม่มีเส้นเงิน คนที่ลงทุนคือผมในปี 58 และ คุณหญิงกอแก้วในปี 59 มีเส้นเงินชัดเจน ในเมื่อเราเป็นเจ้าของอยู่แล้วจะปลอมเอกสารไปเพื่ออะไร
เกิดความไม่ยุติธรรมขึ้นกับตน อยู่ในขั้นตอนการร้องเรียน
-คำพิพากษาจากศาลแพ่งและศาลอุทธรณ์มีความเห็นที่แตกต่างกันทั้งๆ ที่เป็นหุ้นชุดเดียวกัน เส้นเงินก็เส้นเดียวกัน ผมก็จะใช้สิทธิ์ทางกฎหมายต่อฎีกา ระบบยุติธรรมเป็นที่พึ่งสุดท้ายของพวกเราทุกคน แต่สิ่งที่ผมเจอมาผมไม่รู้ว่าเป็นเรื่องปกติหรือไม่ อันแรกคือปกติตำรวจมีบริการรับแจ้งความที่บ้านเหรอ มีคดีไหนบ้างที่สามารถออกผลพิสูจน์หลักฐานได้ภายใน 24 ชม. และที่ผ่านมาอัยการก็เข้า-ออกบ้านพี่ชายน้องชายผม มีการไปพบกันที่ร้านอาหาร ผมได้ร้องเรียน ป.ป.ช. ไปตั้งแต่ปี 2565 วันนี้ก็ยังไม่ทราบผล
-มีข่าวในช่วงต้นปี 2568 ที่ผมได้ร้องเรียนอดีตอธิบดี ผู้พิพากษา และรองอธิบดี เพราะพวกเขาเข้าออกบ้านคู่ความ ก็คือพี่ชาย-น้องชายผม มีการสั่งสำนวนที่ผมรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ผมได้ร้องเรียนไปตั้งแต่ 2565 มีข่าวออกมาว่ามีการผิดวินัยร้ายแรง ทางสำนักข่าวอิสรา ได้ลงข่าวว่ามีการเสนอสินบนร้อยกิโล ผมจึงไปแจ้งความที่กองปราบ สิ่งที่ผมเรียกร้องในวันนี้คือความยุติธรรม แต่คำที่ได้ยินเสมอๆ คือความยุติธรรมที่มาช้าคือความไม่ยุติธรรม วันนี้ผมก็ต้องเฉพาะความยุติธรรม ผมไม่อยากให้ใครเข้าคุกฟรีจนพิสูจน์ตัวเองว่าบริสุทธิ์
ตนและลูกชายไม่เคยได้เจอหน้า “เกษม” เลยเพราะถูกกีดกันจากพี่น้อง
-ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมโดนใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็นลูกอกตัญญู ขโมยของของครอบครัวไปให้บ้านแม่ยาย ผมก็ขอเรียนอีกครั้งว่าคุณหญิงกอแก้วเป็นคนซื้อของ คุณหญิงเป็นคนลงทุน วันนี้มีคนที่จะมาขโมยของของคุณหญิง ผมในฐานะลูกผู้ชายคนนึง คุณหญิงเข้ามาช่วยผมในวันที่ผมยากลำบาก คุณหญิงเสียทั้งเงิน วันนี้เสียชื่อเสียงถูกสังคมประณาม ผมมีหน้าที่ต้องมาแถลงข้อเท็จจริงให้ทุกคนทราบ
-ทุกคนรักครอบครัว การที่มีปัญหากันแล้วไม่ยอมให้หลานเข้าไปพบคุณปู่ ผมในฐานะพ่อรู้สึกแย่มากและรู้สึกผิดมากที่ดูแลลูกไม่ได้ อยากให้ทุกคนทราบว่าผมที่เป็นลูกและหลานยากลำบากมากในการจะได้พบคุณพ่อ ลูกผมโตมาจากการที่คุณปู่อุ้มทุกวัน ลูกคนเล็กก็รักคุณปู่มาก วันนึงเขาโดนห้ามไม่ให้เจอคุณปู่ นั่งร้องไห้เพราะไปบ้านตัวเองไม่ได้ ความรู้สึกของคนเป็นพ่ออย่างผมรู้สึกแย่มาก
-ไม่ว่าใครมาเจอเรื่องราวแบบนี้ผมว่ามันเป็นสิ่งที่โหดร้ายมาก ผมถูกกีดกันไม่ให้เจอคุณพ่อ ลูกผมก็ถูกกีดกันไม่ให้เจอคุณปู่แล้วบอกผมเป็นลูกอกตัญญูไม่ดูแล ก็มีคนบางคนใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้เพื่อสร้างอำนาจต่อรอง ผมรักและเคารพคุณพ่อ และคุณพ่อสุจริตให้เรื่องนี้ เพียงแต่มีบางคนใช้ประโยชน์จากเรื่องสุขภาพคุณพ่อมาเป็นเครื่องมือ
-ผมเป็นลูกที่ใกล้ชิดคุณพ่อที่สุด เราเล่นกีฬาเหมือนกัน เราไม่ชอบออกสื่อเหมือนกัน เราชอบทานอาหารเหมือนกัน คุณพ่อสอนตลอด คุณพ่อไม่เคยขโมยของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง
-ปี 2565 ผมได้มีโอกาสได้เจอคุณพ่อโดยบังเอิญในงานเปิดตัวหนังสือที่โรงเรียนวชิราวุธ สิ่งแรกที่คุณพ่อเจอผมขณะที่ผมเข้าไปหา คุณพ่อถามว่าหายไปไหนมา ทำไมหายไป ผมก็ไม่ได้เล่านะว่าเขาไม่ให้เจอ คุณพ่อถามหาหลานสองคนเพราะคิดถึงมาก ผมเห็นคุณพ่อแก่ไปเยอะ ความจำไม่ดี เพื่อนคุณพ่อก็ไม่มีโอกาสได้เจอคุณพ่อ ผมเองก็ได้เจอคุณพ่อจากตามสื่อ ญาติพี่น้อง ลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกับคุณพ่อไม่ใครได้เจอคุณพ่อเลย
-คุณพ่อมีปัญหาเรื่องความจำ เรื่องสมอง ผมกังวลมาก ผมมีความรักและความเป็นห่วงเพราะคุณพ่อมีหลายโรคมาก ผมขอฝากไปถึงคนที่ใช้ประโยชน์นี้ว่าอย่าเอาคุณพ่อเป็นตัวประกันเอามาสร้างภาพ ทุกคนรัก เป็นห่วงคุณปู่ ผมขอย้ำว่าเรื่องนี้ผมพูดออกมาเป็นความรู้สึกได้ยากมาก เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่เก็บไว้หลายปีเพราะด้วยความรักและความเป็นห่วงคุณพ่อ
-ที่ผ่านมาผมปลอมเอกสาร ผมเป็นลูกอกตัญญูแต่ในความเป็นจริงมันคือสิ่งที่ผมซื้อมา เป็นเงินของผม ผมขายไปก็เป็นเงินคุณหญิง ในเอกสารใบเบิกความทุกชิ้นก็พูดชัดว่าคุณพ่อเซ็นเอกสารให้ ถ้าเราเป็นเจ้าของ เราจำเป็นต้องปลอมเอกสารเพื่อเอาของๆ เรามาเป็นของเราเองอีกเหรอ
พร้อมไปยืนยันความจริงกับทุกรายการ โดยขอให้รายการเชิญ “กฤษณ์ ณรงค์เดช” และ “กรณ์ ณรงค์เดช” มาร่วมรายการด้วย เรื่องเกิดขนาดนี้แล้วคงเป็นพี่น้องกันไม่ได้แล้วมั้ง ย้ำคุณพ่อสอนและตนก็ทำตามไม่เคยเอาของของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง
-ผมพร้อมไปออกทุกรายการ ไม่ว่าจะรายการไหนและขอให้เชิญ กรณ์และ กฤษณ์ มาด้วย ผมพร้อมจะเจอในทุกเวที มาพูดกันต่อหน้าเลยครับว่าความจริงคืออะไร
-ความสัมพันธ์ในครอบครัววันนี้ ผมเองก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบคุณหญิงกอแก้วด้วย ผมต้องให้ข้อเท็จจริงมันออกมาว่าคืออะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเรื่องคุณหญิงไม่ว่าผมสักคำ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่หนักกว่าเดิมอีก ภรรยาผมไม่เคยว่าผมสักคำ ผมและคุณหญิงต้องกลายมาเป็นจำเลยสังคมทั้งๆ ที่ผมและคุณหญิงเป็นเจ้าของ ผมกับคุณหญิงจะปลอมทำไมแต่วันนี้มีคนพยายามทำให้มันปลอมทุกขั้นตอน ยกเว้นบอกว่าเขาเป็นเจ้าของหุ้น และผมขอย้ำ ผมเองก็ได้นิสัยจากคุณพ่อ คุณพ่อไม่เคยเอาของของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง มีคนวางแผนใช้ช่องจากเรื่องสุขภาพคุณพ่อ
-(ยังเป็นพี่น้องกันอยู่?) ผมยังเป็นลูกคุณพ่อคุณแม่ ส่วนพี่น้องในเมื่อเรื่องมันเกิดมาแบบนี้แล้วจะบอกว่าเป็นพี่น้องก็คงพูดไม่ได้มั้งครับ ทุกคนสภภาพจิตใจแย่หมด ลูกผมยิ่งแล้ว ก็บอกเขาว่าโลกแห่งความเป็นจริงมันโหดร้าย
-ในคดีมรดก คุณแม่เสียชีวิตตั้งแต่ปี 2556 จนปัจจุบันนี้ยังไม่ได้มีการจัดสรร แบ่งตามวัตถุประสงค์ที่คุณแม่สั่งไว้ทั้งหมด มีเฉพาะส่วนน้อยมากที่จัดสรรออกมา เป็นเพราะมีคำสั่งศาลในเรื่องของการจัดการมรดก หลังจากเกิดความขัดแย้งกัน


