“มิค บรมวุฒิ” หวาน ขอแก่ไปด้วยกันกับ “เบนซ์ พรชิตา” ลั่นคบ 23 ปี เกินครึ่งชีวิต เวลาเบื่อ ฮีลใจด้วยภาพเก่าๆ มีคลังรูป-วิดีโอในโทรศัพท์ ไว้ดูวันที่เหนื่อย เมียไม่มีเหตุผล เห็นรูปทีไรก็มีความสุขทุกครั้ง ยึดพ่อแม่เป็นต้นแบบความรัก แนะใครเจอคนที่ใช่ อย่ารอ เพราะจะเสียใจ คำว่าไม่พร้อมไม่มีอยู่จริง
เพิ่งจะผ่านพ้นวันครบรอบ 12 ปีที่จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ ของคู่ “เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา” และ “มิค บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ” ซึ่งมิคเผยว่าวันที่ 26 เมษายนปีหน้าที่จะถึงก็จะครบ 23 ปี ที่คบหากันมา เรียกว่าเกินครึ่งชีวิตที่มีกันและกัน
“8 พ.ย. ที่ผ่านมา ครบรอบ 12 ปีที่ครบรอบจดทะเบียนแต่งงานกันมา ยังไม่รวม 10 ปีที่คบกันมา ถ้า 26 เมษายนที่จะถึงนี้ก็จะครบ 23 ปี เกินครึ่งชีวิตมาแล้วที่อยู่กับคนๆ นี้ ตั้งแต่แรกๆ ที่เป็นแฟนกันแล้วต้องบอกทุกคนว่าเปล่า เป็นเพื่อนกันแค่คุยกันเฉยๆ เด็กยุคใหม่ไม่รู้จักหรอกสมัยนั้นมีความรักก็พูดไม่ได้ มันทำให้เราได้เห็นว่าเราผ่านอะไรกันมาบ้าง วันที่ 8 ที่ผ่านมาก็นั่งมองหน้าเบ็นซ์ เราผ่านกันมาตั้งแต่วันที่แม่เบนซ์เดินมาบอกว่าไปจีบลูกฉันสิ แล้วเราบอกไปว่าไม่เอาครับ ผมไม่ชอบ จนวันนึงเริ่มชอบ เริ่มเป็นแฟนแล้วแม่กีดกัน ผ่านมาจนกว่าจะขอ จะแต่งงาน มีลูก 3 เราผ่านอะไรกันมาเยอะมาก
จนทุกวันนี้ผมเป็นคนโปรดของแม่เบนซ์แล้ว แม่เขาพูดเอง แม่น่ารักมาก เวลาเจอแม่เขาพยายามจะยกมือแล้วบอกว่าแม่ขอโทษที่แม่เคยงี่เง่าในสมัยก่อน ก็จะบอกไม่เป็นไรแม่เรื่องมันผ่านมานานแล้ว คำที่แม่เคยฝากเบนซ์ไว้มันยังย้อนในหัวเราเสมอ แม่บอกว่าห้ามเอามาคืน”
เพิ่งเข้าใจคำว่า “มองตาก็รู้ใจ” มันเป็นยังไง
“ผมไม่เคยเชื่อคำนี้จนกระทั่งในช่วงนี้ กับคำว่ามองตาก็รู้ใจจริงๆ เขารู้ใจเรานะ เวลาเรามีเรื่องอะไร แต่เราจะเป็นคนได้หมด เขาก็จะเข้ามาแทรกเปลี่ยนบรรยากาศให้เรา เขารู้ว่าเราเริ่มจะอึดอัดแล้ว กับเบนซ์ไม่เคยโกหก แต่มีบ้างที่บอกไม่ครบ เช่น เวลาซื้อของเล่น จะไม่บอกราคาจริง เขารู้แหละแต่เขาไม่พูด เขาก็ปล่อยไปตราบใดที่มีความสุขก็ทำๆ ไปเถอะ”
เวลาสวีตแทบไม่มี เพราะ “เบนซ์” ติดลูกมาก
“แทบจะไม่มีเลย เพราะเบนซ์ติดลูกมาก แล้วลูกๆ ก็ติดแม่มาก จนไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาผมเปิดใจคุยกับลูกแล้วนะ ลูก…ลูกอยากเห็นพ่อแม่รักกันไหม บางทียูอาจจะต้องปล่อยให้พ่อแม่ออกไปกินข้าวด้วยกันบ้างนะ เพราะพ่อเริ่มรู้สึกว่าเหมือนพ่ออยู่คนเดียวในบ้าน เพราะพวกยูอยู่กันเป็นกลุ่มกับแม่ แล้วพ่อล่ะ ให้พ่ออยู่คนเดียว พ่อเหงาเหมือนกันนะ ลูกก็เงียบอย่างเดียวเลย มีพยักหน้า แต่หน้าเหมือนขอไปคิดดูก่อน
มันมีช่วงเวลาที่เราพอจะได้อยู่ด้วยกันบ้าง ไปกินข้าวด้วยกัน ออกไปแป๊บเดียว เบนซ์พูดถ้าไปกินร้านนี้ปริมน่าจะชอบ ปรางน่าจะชอบร้านนี้มากกว่าแล้วก็มองหน้ากัน อ๋อ เราไม่ชอบอยู่กัน 2 คนแล้วแหละ เวลาพี่สะใภ้ (วิกกี้ สุนิสา เจทท์) เจอเบนซ์ทีไรเขาก็จะช่วยคอยบอก เบนซ์สวีตนิดนึงสิเบนซ์ ก็ต้องบ้างนะเบนซ์ เหมือนสอนงานให้ แล้วเบนซ์ก็บอกว่าบางทีเราก็ขี้เกียจ พี่สะใภ้ก็จะช่วยบอกเรื่องนี้ขี้เกียจไม่ได้นะ เวลาเจอกันเป็นครอบครัวก็จะคอยบอกให้ช่วยสวีตกันต่อหน้าลูกหน่อย พี่ชาย (ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ) ก็จะคอยสอน”
จากนี้จะแก่ไปด้วยกัน แนะนำใครที่เจอคนที่ใช่แล้ว อย่ารอ
“เรียกว่าปีนี้ก็เป็นอีกปีที่ดี มิคเคยถามเบนซ์คิดไหมว่าเราจะอยู่กันมาถึงวันนี้ มันเป็นโมเมนต์ที่ว่างั้นเรามาแก่ไปด้วยกันนะ สมัยนี้คนอาจจะไม่ค่อยอินกับเรื่องของการแต่งงาน สำหรับผมอาจจะเรียกว่าเป็นความโชคดีที่มีพ่อแม่ผมเป็นตัวอย่าง เขา80 ปีแล้วแต่ยังเดินจูงมือกัน กลางคืนก็ยังนอนกอดกัน เขาไม่เคยห่างกันเลย ผมเลยมีความคิดมาตั้งแต่เด็กว่าเราอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น การมีครอบครัวสำหรับบ้านเรามันเป็นเป้าหมายที่วันนี้ฉันจะสร้างสถาบันแบบนี้ด้วยตัวของฉันเองบ้างให้ได้
แต่เราก็เข้าใจคนสมัยใหม่นะ ทุกอย่างมันเร่งรีบ เราเข้าใจ จะบอกว่ามันก็รางวัลชีวิตอันนึง แต่รางวัลหัวใจเราก็อย่าขาด จงให้รางวัลกับตรงนี้ ให้เวลากับใครสักคนที่คุณรู้สึกว่าเขามาเติมเต็มเราจริงๆ ถ้าเมื่อไหร่ที่เจอคนที่ใช่ อย่ามัวแต่รอเวลา เพราะคำว่ารอก่อน ยังไม่พร้อม มันไม่จริงบนโลก เหมือนตอนที่เรามีลูก การที่เรามีลูกตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่าอะไรคือความพร้อม เดี๋ยวทุกอย่างมันจะเข้าที่ของมันเอง
มีหลายคู่ที่ผมพยายามยุให้แต่งงาน สุดท้ายเขาเลิกกันเพราะว่าคบกันนานเกิน แล้วมานั่งเสียดายให้เราฟังทุกวันนี้ อันนี้คือข้อสำคัญเลยว่าถ้าคุณเจอคนที่ใช่แล้ว อย่าปล่อยให้นานเกินไป”
เวลาเบื่อกัน ฮีลใจกลับมาด้วยภาพเก่าๆ
“มันมีอยู่แล้วกับการไม่เข้าใจกัน ทะเลาะกัน ของผม ผมจะมีคลังรูป วิดีโอเก็บเอาไว้ในโทรศัพท์ที่จะเก็บเอาไว้ดูวันที่ผมเหนื่อย วันที่เบนซ์ไม่มีเหตุผลเยอะๆ ผมก็จะกลับไปดูรูปเหล่านั้น รูปที่เมื่อไหร่ที่เห็นเราก็จะมีความสุข ได้ฮึบ ทำช่วงเวลาที่กำลังขุ่นมัว ทำให้มันกลับมาเป็นวันที่มีความสุขแบบวันในรูปนั้นให้ได้ ถึงแม้ว่าเราจะถูก เพียงแต่เราขอโทษแล้วทุกอย่างมันจะจบ เราพยายามจะหาทางออกให้กับทุกปัญหา ส่วนใหญ่ก็คุกเข่าขอโทษแหละ ขอโทษในสิ่งที่มิคไม่ได้ทำ และทำให้หนูคิดว่ามิคทำแล้วก็มาโกรธมิคไปเอง เป็นคำที่จะพูดบ่อยๆ”


