“ทราย เจริญปุระ” รับคิดอยู่นานจะเล่าดีไม่เล่าดี ถึงความทรงจำที่เป็นตำนานในชีวิตที่ไม่เคยเล่าออกสู่สาธารณะมาก่อน กับ สมเด็จพระพันปีหลวง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเล่า รู้ยังไงก็มีดรามาอยู่แล้วแต่อยากจะให้ทุกคนได้รู้สึกถึงความเมตตา และความเป็นกันเอง ที่คนอาจจะไม่รู้ คิดไม่ถึงหรือยังไม่เคยได้สัมผัส
ออกมาเล่าตำนานชีวิตที่ไม่เคยเล่าออกสู่สาธารณะมาก่อน สำหรับ “ทราย อินทิรา เจริญปุระ” ครั้งหนึ่งเคยโค้งคำนับกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เต้นรำ ในงานเลี้ยงส่วนพระองค์ กับนักแสดงภาพยนตร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ทำเอาแฟนๆ มีความสุข และยิ้มตามที่ได้รับรู้โมเมนต์ดังกล่าว แต่ทรายก็ไม่วายเจอดรามาจากชาวเน็ตบางส่วนที่คอมเมนต์ต่อว่า ซึ่งทรายเผยถึงเรื่องนี้ว่า
“ตรงตามที่ได้เล่าไว้เลย เป็นพระเมตตาที่เราได้รับจากพระองค์ท่านโดยตรง ในฐานะนักแสดงถือว่าเป็นวงที่ค่อนข้างห่างไกลที่จะได้เข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิดในงานที่พระองค์ท่านพระราชทานเลี้ยงส่วนพระองค์ ได้เข้าเฝ้าฯ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีๆ อีกเรื่องนึงในชีวิตอยู่แล้ว ถึงแม้จะเกิดข้อผิดพลาดเกิดขึ้น พระองค์ท่านก็ยังทรงเมตตากับเรา เราไม่ต้องโดนดุที่ไปทำผิดประเพณีอะไรแบบนั้น
ก็ตกใจ ตอนนี้หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคลและทุกท่านที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เจอใครที่รู้จักเราท่านจะเล่าให้ทุกคนฟังว่าเวลาจะบรีฟอะไรทรายให้บรีฟให้ละเอียด ให้ดี เพราะข้อผิดพลาดแปลกๆ มักจะเกิดขึ้นกับอินทิรา เจริญปุระ เสมอ ไม่ว่าจะเหตุการณ์พาไปหรือตัวเราเป็นคนทำอะไรแล้วพลาดเอง จะโดนเล่าอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่เคยเล่าให้บุคคลภายนอกที่ไม่เคยทำงานด้วยกันฟัง”
คิดอยู่นานจะเล่าดีไม่เล่าดี แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเล่า
“คิดอยู่นานเหมือนกัน มันเป็นเรื่องจิ๋วๆ มาก แต่มันก็ยิ่งใหญ่สำหรับเราเลยคิดว่าเป็นโอกาสที่อยากจะเล่าให้ฟังนอกเหนือจากพระราชกรณียกิจหลายๆ อย่างที่พระองค์ทรงทำคุณประโยชน์ให้กับพวกเราทุกคน ยังมีมุมเล็กๆ ที่เป็นกันเอง ที่ท่านเมตตากับคนที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยอย่างเราด้วย
ในใจตอนนั้นคือตื่นเต้นสุดๆ ไปเลย ณ วันนั้นที่ทำมันเป็นความรู้สึกที่ท่านมุ้ยสั่ง พอรู้ว่าทำผิดก็แบบทำอย่างไรดี เราต้องโดนดุยกใหญ่ อย่างยิ่งใหญ่เต็มรูปแบบแน่นอน เพราะเราทำผิดไปหมด พอสุดท้ายจบแบบนั้นก็โล่ง กลายเป็นว่าทุกโมเมนต์ในคืนนั้นมันอยู่ในใจของเราจริงๆ ช่วงที่รอว่าจะโดนดุไหม เราก็คิดไว้ทุกโมเมนต์ว่าเราทำผิดตรงไหนหรือเปล่า เราได้ล่วงเกินมากไปกว่าที่ผิดคิวไปอีกหรือเปล่า ก็จะคิดซ้ำไปซ้ำมาแต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไร ถือว่าโชคดี”
พระองค์ท่านทรงใจดีมาก มีพระราชดำรัสว่าคราวหน้ามาเต้นรำด้วยกันอีกนะจ๊ะ
“ท่านมีพระเมตตามากอย่างยิ่ง ทรายเข้าใจนะ มันผิดคิวขนาดนั้น องครักษ์เขาจะคิดว่าเขาทำหน้าที่บกพร่องหรือเปล่าล่อยให้เข้าไป ผลลัพธ์มันจะโดนเป็นทอดๆ เราก็จะต้องมาคิดว่าเราทำอะไรลงไป อาจจะต้องโดนดุกันหลายฝ่ายแต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่มันรุนแรง
ท่านมีพระราชดำรัสว่าคราวหน้ามาเต้นรำด้วยกันอีกนะจ๊ะ ซึ่งแบบ…. ตอนที่ฟังตอนนั้นมันเหมือนกำลังกลั้นหายใจอยู่ ท่านมีพระราชดำรัสแบบขำๆ ยิ้มๆ ก็เลยคิดว่าก็ได้แหละ ถ้าเป็นภาษาลำลองก็คือพระองค์ท่านใจดีจังเลย ไม่ดุ ไม่โกรธ ไม่ถือ ทรายตั้งใจเข้าไปถวายสักการะ ทรายกำลังดูอยู่น่าจะต้องใช้การบริหารจัดการเวลาพอสมควร ยังไงก็จะไปค่ะ”
ดรามาที่เอามาโพสต์เป็นแค่ส่วนหนึ่ง รู้อยู่แล้วว่าโพสต์จะต้องเจอแบบนี้
“ที่แคปมาให้ดูเป็นส่วนหนึ่งของหลายสิบข้อความที่โดน หลายคนสงสัยเรื่องก็ดีทำไมไม่เล่า พี่ๆ นักข่าวหลายๆ ท่านอยากจะสอบถามเพิ่มเติม ตอนนั้นทรายอยู่ในช่วงปิดกองแล้วเดินทางไปต่างจังหวัด แล้วก็ติดอันนี้ด้วย คือเรารู้ว่ามันเป็นฟีดแบ็กที่เราจะต้องเจอ ต้องโดนแน่ๆ คนมักจะคิดไปว่าทรายคิดไปเองว่าจะมาโดนได้ยังไง มันโดนจริงๆ มันเป็นเหตุผลที่ทำให้ทรายรู้สึก เหมือนที่เขียนไว้ข้างต้นว่าคิดทบทวนนานมากว่าจะเล่าหรือไม่เล่า แต่สุดท้ายก็เลือกเล่า
ก็ถือว่าสิ่งที่ทรายเล่าทั้งหมดลงไปในบทความก็ครบทั้งเหตุการณ์และสถานการณ์แวดล้อม รวมถึงความรู้สึกของตัวเราเองไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าอยากจะให้ทุกคนที่ได้อ่านรู้สึกถึงความเมตตา และความเป็นกันเอง ในพาร์ตอื่นๆ ที่คนอาจจะไม่รู้ คิดไม่ถึงหรือยังไม่เคยได้สัมผัส ตอนที่เขียนก็คิดว่าต้องโดนอยู่แล้ว แล้วก็โดนจริงๆ เวลามีคนมาถามต่อแล้วบอกไม่มีอะไรหรอก จริงๆ มันมี มันโดน คนที่โดนมันคือเรา เราก็จัดการของเราไปในเรื่องของจิตใจ ทรายถือว่าทรายเขียนครบจบทุกประเด็นแล้ว”


