ดราม่าก็เอาไม่ลง “อ๋อม สกาวใจ” สู้ทุกเรื่อง เข้าใจมีคนรักก็มีคนเกลียด ชีวิตจริงด่าใครไม่เป็น หากไม่มีสคริปต์ เป็นคนคิดบวกและพร้อมบวก ไม่เน้นด่าเน้นเก็บหลักฐาน
กลับมารันวงการละครแล้วหลังจากไปทำหน้าที่ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ล่าสุด “อ๋อม สกาวใจ พูนสวัสดิ์” กลับมารับบทร้ายอีกครั้งในละครเรื่อง ตามหารักที่เธอลืม โดย อ๋อม เผยว่าที่ผ่านมาแม้จะทำงานการเมืองแต่ตนก็รับละครควบคู่มาด้วยตลอด บทร้ายไม่มีผลกับหน้าที่การงานทางการเมือง
“จริงๆก็รับอยู่เรื่อยๆ ยังสนุกกับการเล่นละคร มันเป็นชีวิตของเราไปแล้ว เราเกิดมาในวงการนี้ก็เริ่มมาจากละคร ได้มาร่วมงานกับพี่ๆนักแสดง น้องๆ เด็กรุ่นใหม่ เป็นอะไรที่สนุก ชอบเล่นบทบาทที่ไม่เหมือนตัวเอง งานการเมืองกับงานละครที่ผ่านมาอ๋อมรับควบคู่กันมาโดยตลอด จริงๆ เคยมีเล่นละคร มีพิธีกร มีพาร์ตอื่นที่เราควบคู่กันไป”
แบ่งพาร์ตละครการเมือง รับผิดชอบทั้งสองอย่างได้อย่างดี ไม่ซีเรียสคนคิดว่าตนเป็นแบบในละคร
“ละครเป็นอะไรที่เราคุ้นเคยอยู่แล้ว เราเกิดมาทำงานในวงการนี้มา 30 กว่าปีแล้ว ในส่วนของพาร์ตการเมืองเราต้องนับศูนย์ หาความรู้เพิ่มเติม ก็จะต้องแบ่งสมองเพราะมันคนละแบบเลย ก็จริงจังทั้งหมด อ๋อมเป็นคนทำอะไรแล้วทำจริง ละครเป็นชีวิตของเรา การเมืองเป็นสิ่งที่เราสนใจ เราชอบทั้งสองอย่าง เป็นคนที่สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันได้ เราสามารถทำให้มันดีทั้งคู่ได้ ถ้าถามอ๋อมก็จริงจังกับทุกเรื่องที่ตัดสินใจทำ"
ในบทบาทของนักการเมืองนั้น "อ๋อม" ค่อนข้างกล้าพูด กล้าแรง ทำให้บางคนก็มองว่า คล้ายกับตัวร้ายที่อ๋อมมักจะสวมบทบาทเป็นประจำ
"อ๋อมไม่ซีเรียส อาชีพของเราคือนักแสดง การเมืองมันคืออีกพาร์ตนึง การเทียบมันก็เป็นเรื่องปกติของทุกคนที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ไม่ซีเรียสเลย ไม่เหนื่อยกับการถูกเอาชุดว่ายน้ำมาพูดถึง ไปทะเลก็ต้องใส่ชุดว่ายน้ำ ไม่ได้ใส่ชุดว่ายน้ำในร้านอาหารหรือห้างสรรพสินค้า ไปว่ายน้ำก็ใส่ชุดว่ายน้ำ ก็ปกติไหม เรารู้จักกาลเทสะ ก็แล้วแต่คนจะเอาไปพูดไปเปรียบเทียบ เราไม่ได้ทำอะไรผิด”
งานการเมืองไม่มีผลกระทบกับการรับละครในบทร้าย
“ดรามามันก็คือดรามา มันมีทุกวงการ ใครๆ ก็ดรามากันไปหมด ดรามาทุกอย่างในโลกแล้ว สำหรับอ๋อมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะกระทบอะไร ถ้าเราไม่ได้ทำเรื่องไม่ดี ก็ไม่กระทบ ตอนนี้มีละคร 2 เรื่อง ก็ร้ายไม่เบรกเหมือนเดิม ละครเราก็เล่นตามบทบาท”
บอกชีวิตจริงเป็นคนโกรธแล้วเงียบ หากใครล้ำเส้นแคปเป็นหลักฐาน เข้าใจมีคนรักย่อมมีคนเกลียด
“ถ้ามันล้ำเส้นเกินไป ก็มีเข้ารอบเยอะ ไม่ชอบรับกระเช้า ชอบเป็นเงินมากกว่า ที่ปล่อยผ่านก็เยอะ เราเข้าใจว่ามันคือการแสดงความคิดเห็นของแต่ละคน เขาพูดอะไรมาเรารับฟัง อะไรที่ปล่อยผ่านได้ก็ปล่อยผ่าน อันไหนที่มันเกินลิมิต มาวุ่ยวายกับครอบครัว ลูกเรา คนในครอบครัวเราอันนี้ยอมไม่ได้ แต่กับเราไม่เป็นไร เรามองว่ามีคนรักก็มีคนเกลียด ไม่ว่าจะเป็นใคร จะเป็นคนธรรมดา นักแสดง นักการเมือง เราทำใจมาตั้งแต่แรกแล้ว เราไม่รู้ว่าใครจะรักจะเกลียดเรามากแค่ไหน แต่เรารู้เพียงแค่ว่าเราอยู่ตรงนี้เราแฮปปี้รึเปล่า แฮปปี้ก็พอค่ะ"
"ดรามาเอาแม่ลงไม่ได้ สู้ทุกเรื่องค่ะ เพราะเรามีภูมิคุ้มกัน อยู่มานาน แก่แล้ว เราเข้าวงการมาตั้งแต่เด็กๆ มีดรามาแรกๆ เราก็ร้องไห้ เซนซิทีฟ แต่พอเราอยู่ไปนานๆก็เข้าใจว่ามีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดเป็นเรื่องปกติ และทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่เขาไม่ได้มารู้จักตัวตนของเรา ในเมื่อเขาไม่ชอบเราเราจะไปห้ามเขาก็คงไม่ได้ ด่ากลับไหม เอาจริงๆ นะตัวจริงของเราเวลาโกรธจะเงียบ ไม่เชื่อใช่ไหม เป็นคนโกรธแล้วไม่ด่า ด่าไม่เป็น ยกเว้นเวลาเล่นละครแล้วอ่านบทอันนี้ด่าได้ ถ้าเห็นคอมเมนต์ที่ไม่ชอบแล้วอยากจะด่า อันนี้ด่าไม่ออก คิดไม่ออก ต้องมีสคริปต์ในการด่า ถ้ามีสคริปต์มา 4 หน้าแบบในละคร อันนี้ด่าได้เลย แต่ในชีวิตจริงใครมาด่าเราแล้วเราอยากด่ากลับด่าไม่ออกนะ"
"สมมติโกรธกับสามี เราอยากด่าเขา แต่เราด่าเขาไม่ออก ก็ปล่อยผ่าน จริงๆ แล้วเราเป็นคนคิดบวก และพร้อมบวกด้วย แต่เป็นคนไม่ชอบเอาอะไรเก็บมาคิด เป็นตนสนุกสนาน แฮปปี้กับชีวิต ชอบให้ชีวิตมีความสุข ไม่ชอบอะไรเครียดๆ ไม่ค่อยชอบด่าใคร แต่ถ้าด่ามาก็เก็บหลักฐานฉ่ำนะ ไม่ด่ากลับ”


