xs
xsm
sm
md
lg

ยกสอง! ซื้อบ้านแต่ไม่ได้บ้าน “โอ๋ นายหน้า” ปะทะ “ผู้เสียหาย-ธนาคาร-นายทุน” สวนเดือดทุกดอก ปากแซบจน “ทนายสายหยุด” ยังต้องยอม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โหนกระแสขยี้ปมร้อนนายหน้าขายบ้านอลเวง ผู้เสียหายผ่อนเงินแสนแต่กลับถูกไล่ที่ ซ้ำร้ายบ้านยังถูกนำไปจำนองนายทุนไม่รู้ตัว ล้มเป็นโดมิโน่กลางรายการ “โอ๋ นายหน้า” สวนกลับทุกดอก ทั้งผู้เสียหาย - ธนาคาร - นายทุน เดือดสนั่นจอ “ทนายสายหยุด” ยังต้องยอม

รายการ โหนกระแส วันที่ 30 ต.ค. “หมวย อริสรา”ดำเนินรายการแทน “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ทางช่อง 3 ยังตามกันต่อ กับเหตุการณ์ผู้เสียหายหลายรายร้องเรียน ถูกนายหน้าโพสต์ขายบ้าน อ้างโฉนดเป็นของตัวเอง แต่ต่อมากลับถูกธนาคารไล่ที่ บอกบุกรุกทรัพย์สินธนาคาร เสียเงินผ่อนครึ่งล้าน แต่กลับไม่ได้บ้าน

วันนี้สัมภาษณ์ หญิงเจอพ่นสีหน้าบ้านว่าบุกรุกทำให้อับอาย , กัน-หมอ ผู้เสียหาย , ออย-โอ ผู้เสียหายโผล่มาเพิ่ม, ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล อีกฝั่ง โอ๋นายหน้าและเจ้าของบ้านบางหลัง , ทนายโจ้ ทัศไนย เล้าพูนพิทยะ และ ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู มาร่วมแนะนำหาทางออกให้

ทนายโจ้ กับคุณโอ๋ บอกว่าอึดอัด ชี้แจงได้ไม่เต็มที่ ด้วยข้อจำกัดเวลา วันนี้ช่วงแรกให้ทนายโจ้ชี้แจงก่อนเลย อึดอัดอะไร?
ทนายโจ้ : ก่อนอื่นผมกับคุณหญิงเราไม่ได้รู้จักกัน เราเจอกันครั้งแรกที่โรงพัก ก่อนหน้านี้เจอพี่หญิงครั้งนึง พยายามช่วยให้พี่หญิงไกล่เกลี่ย แต่พี่หญิงอย่างไรไม่ทราบแต่เจตนาผมเป็นอย่างนั้น ครั้งที่สองก็ไปคุยกันในห้องท่านรอง ถ้าผมใช้กิริยาไม่สุภาพ ผมขอโทษนะ ผมไม่มีเจตนาจะไปทำร้ายอะไรพี่ ผมเห็นใจพี่ ถึงเรียกมาไกล่เกลี่ย ผมก็มีคุณธรรมในตัวผมระดับนึง ผมไม่รังแกใครแน่นอน ผมแนะนำโอ๋มาไกล่เกลี่ยด้วยความหวังดี ลูกบ้านหลายคนนำข้อมูลให้พี่เอก หรือพี่แก้ว หรือโหนกระแส ก็เป็นข้อมูลด้านนึง คุณโอ๋มาปรึกษาผมก็เป็นข้อมูลอีกด้านนึง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมกับโอ๋ไม่ได้ทำสัญญาใดๆ เป็นแค่สัญญาระหว่างโอ๋กับลูกบ้านเท่านั้น ผมไม่ได้ร่วมกับโอ๋นะ เพราะบางคนเข้าใจผิด เหตุการณ์นี้เกิดตั้งแต่ปี 63-68 เขามาหาผมเมื่อวันจันทร์เองครับ วันอังคารให้ผมมา ผมก็เตรียมข้อมูลเท่าที่มี ส่วนที่โอ๋บอกมา มีกระบวนการทำร่วมกับธนาคาร นายทุนอย่างไร เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่แล้ว ส่วนที่บอกว่าผมไปดำเนินคดีกับพี่ ผมไม่มีเจตนา ผมไม่เคยฟ้องลูกความสักคนเดียวในนามผมเอง ไม่เคยฟ้องใครเรื่องหมิ่นประมาท และไม่คิดจะฟ้องด้วย เพจต่างๆ ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ผมจะได้พัฒนาบุคลิกภาพ ถ้าว่าผมทำไม่ดีผมขออภัย ผมสงสารคุณหญิงนะ แต่บางครั้งแสดงออกก็ต้องขออภัย ไม่มีเจตนาไปเยาะเย้ย ส่วนเรื่องที่ผมเสียใจคือบางทีมีคำพูดต่างๆ ผมมีลูกสาว 13 ขวบ มีภรรยา มีน้องสาว มีหลาน มีแม่ผม แม่ผมจะไปวิ่งก็ไม่กล้าไปวิ่ง ลูกสาวจะไปโรงเรียน บางทีตาซึมๆ ผมก็บอกว่าต้องเข้าใจ ป๊าไม่ได้ทำอะไรผิด ผมมาชี้แจงในสิ่งที่ถูก นำเรื่องจริงหรือไม่จริงมาเปิดเผย เราต้องแยกแยะ ลูกก็เข้าใจขึ้น เพื่อนลูกก็เข้าใจขึ้น ผมไม่ใช่ตัวความ หัวหน้าผมก็สอนเสมอว่าเราทำหน้าที่แทนตัวความ ต้องเข้าใจกันก่อนทุกท่านด้วย ไม่ใช่จะชี้ผม ใส่ผมยับเลย ผมไม่ได้เป็นคนอย่างนั้นนะ ถ้าเป็นแนวทางสู้อะไร ผมจะให้โอ๋อธิบายจะแฟร์กว่า ซึ่งประเด็นที่พี่หญิงบอกว่าไม่เคยรู้ ผมได้ข้อมูลจากโอ๋มา ให้โอ๋ชี้แจงน่าจะดีกว่า

โอ๋ : หลายคนที่พูดว่าไม่จ่ายค่าบ้านล่ะสิ เขาถึงยึดบ้าน ใบเสร็จทุกอย่างมีค่ะ อันนี้ธนาคารต้องเป็นคนตอบนะคะ จ่ายบ้าน ปิดบ้าน ทำไมถึงไม่ได้โฉนด ตอบนะคะ นี่คือใบเสร็จบางส่วน จ่ายค่าบ้านแต่ละหลัง จ่ายเกินด้วย ทำไมไม่ได้โฉนด โอ๋จ่ายตามสัญญาที่เขากำหนด แล้วก็จ่ายเกินสัญญาที่เขาระบุ แต่แบงก์ไม่ยอมโอนเป็นชื่อโอ๋ แบงก์ต้องตอบนะคะว่าบ้านแต่ละหลังที่โอ๋จ่ายไป โอ๋มีใบเสร็จทั้งหมด ที่บอกว่าโอ๋ไม่ได้จ่ายค่าบ้านไง เขาถึงยึด แบงก์ต้องตอบโอ๋ว่าแบงก์ยึดเพราะอะไร นี่คือใบเสร็จทั้งหมด

วันนั้นไปเอาบ้านจากธนาคาร มีเวลา 2 ปีที่ต้องจ่ายเงินกับธนาคารธอส. ส่งไปแล้วมีเวลา 2 ปีให้ทรัพย์นั้นมาเป็นของคุณโอ๋?
โอ๋ : ใช่ค่ะ แล้วไม่ได้ขาดการติดต่อนะคะ คุยกับเจ้าหน้าที่ทุกๆ ครั้ง ก่อนที่จะปิดเพื่อเอาโฉนด โอ๋เอาเงินทั้งหมด 7 แสนไปวางเจ้าหน้าที่ที่หัวหิน

ทนายแก้ว : เคสไหน

โอ๋ : เคสที่เป็นชื่อโอ๋ค่ะ มีหลังบ้าน 2 ชั้นไม่ใช่ของพี่หญิง ของพี่หญิงให้โอนกรรมสิทธิ์ มีหลายแบบหลายอย่างค่ะ อันนี้ธนาคารออกเอกสารมาให้โอนกรรมสิทธิ์ภายใน 15 วัน ให้ปิดบัญชีบ้านค่ะ เอกสารทุกอย่างตรงนี้มี และเราจะโอนภายใน 15 วันที่เรากำหนดด้วย เราติดต่อที่แบงก์ว่าเราจะโอนบ้าน แต่พนักงานที่หัวหินกับประจวบฯ ไม่ให้เราโอน ก็ยังไม่รู้ว่าทำไมไม่ให้เราโอน เราเลยต้องไปร้องเรียนที่สำนักงานใหญ่

ทนายแก้ว : คุณชำระเงินครบถ้วนแล้ว

โอ๋ : ชำระเงินตามค่างวดที่ธนาคารกำหนดแล้ว

ทนายแก้ว : ครบถ้วนแล้ว

โอ๋ : เกินด้วย แต่ธนาคารไม่โอนเป็นชื่อโอ๋ ธนาคารต้องตอบเองค่ะ ต้องขอบคุณพี่หญิงในเทปแรก ทำไมถึงมาออกเทปนี้ เพราะคำพูดพี่หญิงที่บอกว่ามีผู้จัดการ มีเขต มีใครบ้าง ช่วยให้พี่หญิงได้บ้านหลังนี้ เขาออกเอกสารมาให้โอนกรรมสิทธิ์ โอ๋ยกเลิกบ้านกับพี่หญิงไปแล้ว ณ เวลานั้น บ้านยังเป็นของโอ๋ ไม่ใช่ของพี่หญิง โอ๋ถึงมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ในบ้านของพี่หญิงแต่ไม่เคยไปบุกรุกบ้าน โอ๋ไปร้องเรียนที่สำนักงานใหญ่ว่าโอ๋ต้องการโอนบ้านนะ แล้วสำนักงานใหญ่ก็ให้เขียนคำร้อง

ทนายแก้ว : งงๆ

ถ้าเคสบ้านพี่หญิง ตอนนั้นคุณโอ๋เอาบ้านออกจากธนาคาร จากนั้นให้พี่หญิงมีการผ่อน?
โอ๋ : โอ๋ซื้อกับธนาคาร แล้วให้พี่หญิงทำสัญญา สัญญาซื้อขายระหว่างโอ๋กับธนาคารมี

ระหว่างนั้นโอ๋ส่งเงินให้ธนาคาร พี่หญิงจ่ายให้คุณโอ๋เดือนละ 2.5 หมื่น 14 งวด แต่อยู่ๆ วันนึงธนาคารบอกว่าบุกรุก?
โอ๋ : คำพูดพี่หญิงอาจไม่ตรง ก่อนโอ๋ไปธนาคารกันสามคน พี่หญิงไม่ได้พูดกับธนาคารแบบนี้ เขาบอกว่าเขามาติดต่อเรื่องค่าส่วนกลาง คือมันเกิน ธนาคารเลยบอกว่าขอกลางส่วนเก่าคือของคนเก่า ธนาคารจะรับผิดชอบเอง พูดให้ตรงนะคะ ทุกอย่างโอ๋มีเอกสารหลักฐานหมด โอ๋ไม่ชอบการเล่นละคร ทุกอย่างมีหลักฐาน พอถึงเวลา ก็ไปที่ธนาคาร คุยกันสามคน มีหัวหน้าด้วย มีตัวเขาด้วย หัวหน้าเลยบอกว่าเอายังไง ถ้าเขาไปร้องห่มร้องไห้อยากได้บ้านเป็นของตัวเอง โอ๋จะเอายังไง โอ๋บอกว่าไม่มีปัญหา ถ้าเขาอยากผ่อนกับแบงก์เขารับเงื่อนไขแบงก์ได้ ก็ให้ไปผ่อนกับแบงก์เลย เขาซื้อบ้านกับโอ๋ในราคา 4.5 ล้าน แต่โอ๋ผ่อนกับแบงก์เหลือแค่ 3.3 ล้าน เขาต้องจ่ายส่วนต่างโอ๋ 1.2 ล้าน วันนั้นโอ๋ลดให้เขา แต่เขาก็ไม่มีเงิน จนบอกว่าพี่หญิง ถ้าเกิดพี่หญิงอยากได้บ้าน พี่หญิงต้องจ่ายค่าส่วนต่าง ซึ่งไม่ใช่ค่ารีโนเวตบ้านนะคะ เป็นค่าส่วนต่างบ้านที่คุณต้องไปผ่อนธนาคารยอดที่เหลือ

ตัวเลขวันนั้นพี่หญิงบอกอยู่ที่ 7 แสน ต้องจ่ายค่าส่วนต่างเพื่อเปลี่ยนสัญญา แล้วเปลี่ยนมาเป็น 1 ล้าน?
โอ๋ : ยอด 6 แสน เป็นยอดที่เขาบอกให้โอ๋ไปปิดบัตรเครดิตให้ ในแชตมี แต่เงินที่เขาต้องปิดค่าส่วนต่างของโอ๋อยู่ที่ 1 ล้าน

ทนายแก้ว : ตอนนี้เขาผ่อนครบตามสัญญากับคุณ

โอ๋ : เขาไม่ได้ผ่อน เขาผิดสัญญา เขาไม่จ่ายค่าบ้าน โอ๋ก็บอกเลิกสัญญา แล้วให้เขาออก เพราะเป็นบ้านของเรา

ทนายแก้ว : เหตุผลที่เขาไม่จ่ายเพราะธนาคารมาหาเขา

โอ๋ : ไม่ใช่ ที่เขาไม่จ่ายเขารู้ดี ว่าทำไมเขาถึงไม่จ่าย เขาพูดในเทปแรกบอกว่ามีผู้ใหญ่ท่านนึงช่วยเขาแต่เกษียณไปแล้ว ที่อยู่ที่ประจวบฯ

ทนายแก้ว : แต่ตอนนั้นเป็นเพราะเขารู้ว่าบ้านเขากำลังจะถูกยึดไม่ใช่เหรอ

โอ๋ : ยังค่ะ ณ เวลานั้นบ้านยังเป็นของโอ๋อยู่เลย ด้วยเขาไปเล่นบทไหนไม่รู้ ทำให้คนอื่นมองเราไม่ดี ฉีกสัญญาเราทิ้งเพื่อทำให้คุณ ต้องให้ผู้บริหารธนาคารไปดูวันยกเลิกบ้านโอ๋แล้วมาทำให้เขา ในเวลาข้ามคืน คุณสามารถเอาบ้านให้เขาได้เลยเหรอ ปกติตามหลักธนาคาร ก่อนจะยกเลิกบ้านเขา คุณต้องประเมินบ้านใหม่ ต้องให้คนเก่าออกก่อน แต่นี่ไม่ออก เขาอยู่ และเปลี่ยนสัญญาใหม่ได้เลย ทั้งที่กรรมสิทธิ์บ้านเป็นของเรา คุณบอกให้เราโอนบ้าน แต่คุณไม่ให้โอน เราก็ไปติดต่อสำนักงานใหญ่ ที่เขาบอกว่าเขาก็ไปด้วย กลับไปดูเทปแรกนะคะ เขารู้ว่าโอ๋ไป แต่โอ๋ไม่ได้ เพราะมีผู้ใหญ่ช่วย ธนาคารต้องไปหาคำตอบเอง โอ๋ไปร้องเรียนที่สำนักงานใหญ่ ไปหาผู้ช่วยผอ. ท่านให้โอ๋เขียนหนังสือชุดนี้ขึ้นมา แต่เรื่องเงียบค่ะ โอ๋เลยไปร้องเรียนที่ธนาคารแห่งประเทศไทย

ทนายแก้ว : ถึงพฤติกรรมพนักงานธนาคารธอส.

โอ๋ : ถูกค่ะ นี่โอ๋ไม่ได้พูดถึงระบบธนาคารนะคะ แต่โอ๋พูดถึงพนักงานที่ทำให้เขา

ทนายแก้ว : กรณีมีการเปลี่ยนสัญญาจากอาคารสงเคราะห์มาเป็นพี่หญิงโดยตรง ผิดปกติ คุณเลยไปร้องเรียน

โอ๋ : ใช่ค่ะ ทั้งที่บ้านเป็นของเรา

ทนายแก้ว : แบงก์ชาติว่าไง

โอ๋ : แบงก์ชาติรอให้ทางโน้นให้คำตอบ แต่เขาไม่ได้ให้คำตอบมา เราเลยปล่อยนิ่ง เงียบไป เรามารู้แล้วว่าเขายกเลิกบ้านเราไปเพื่อให้ทางนี้ เราไม่อยากมีประเด็น ไม่อยากมีปัญหา ไม่เป็นไร ใครอยากได้บ้านเอาไปเลย จะเห็นลูกค้าหลายรายที่มาพูดกับโอ๋ว่าอยากผ่อนบ้าน โอ๋ไม่ได้บังคับให้ใครมาผ่อนบ้านกับโอ๋ ดอกเบี้ยกับโอ๋ คุณรับดอกเบี้ยได้ตั้งแต่ตอนแรก การที่ทำสัญญาซื้อขายตั้งแต่ตอนแรก ถ้าคุณไม่ยินยอม คุณจะไม่เซ็นเอกสารทั้งหมด นั่นแสดงว่าคุณรับรู้ทุกอย่างในเอกสาร

โฉนดยืนยันว่าทุกคนเห็นโฉนด?
โอ๋ : ใช่ค่ะ มีแชตมีอะไรหมดค่ะ ตัวพี่หญิงรู้ดีว่าวันนั้นพี่หญิงเล่นบทไหนให้ธนาคารเห็น อาจเล่นเหมือนเทปแรกที่ทำให้ทุกคนมองโอ๋เป็นคนไม่ดี แต่โอ๋มีเอกสารหลักฐาน เคสพี่หญิงแล้วแต่เขา แต่แชตโอ๋มีค่ะ ระหว่างคุยกับเจ้าพนักงาน ถ้าอยากได้บ้านก็ให้เขาไป โอ๋ไม่ว่า แต่อย่ามาร้องโอ๋นะ เพราะโอ๋ถือว่าโอ๋ยกบ้านให้คุณ จากคุณซื้อบ้านจากโอ๋ 4.5 ล้าน คุณไปผ่อนกับแบงก์แค่ 3.7 ล้านคุณได้บ้านถูกแล้ว โอ๋พูดกับเจ้าพนักงานว่าให้เขาเขียนเอกสารมาให้โอ๋ดูดิ ว่าจะไม่มาฟ้องอะไรเรา

ทนายแก้ว : กรณีที่พี่หญิงเห็นโฉนดตั้งแต่แรก

โอ๋ : ถูกต้องค่ะ และรู้ตั้งแต่แรกว่าโอ๋เป็นคนผ่อน ไม่มีการบังคับ ไม่มีการเอาลูกน้องไปตีสี่ ตีห้า ไม่มี เอาเทปนั้นมาเลย ถ้าลูกน้องโอ๋ตะโกนด่าคุณ ทำไมมีเทปแค่โอ๋เดินหน้าบ้านล่ะ ทำไมไม่มีเทปลูกน้องโอ๋ไปโวยวายล่ะ โอ๋เดินไปแค่หน้าบ้าน ถ่ายรูปเก็บไว้ป็นหลักฐานแค่นั้นเอง

ทนายแก้ว : สรุปมาเลยเรื่องพี่หญิง

โอ๋ : เขารู้ตั้งแต่แรกว่าบ้านติดธนาคาร (อ่านแชตที่อ้างว่าคุณหญิงรู้)

ทนายโจ้ : แชตพี่หญิงบอกว่ามีภาระหนี้จะกู้ได้หรือยัง มีภาระผ่อนบัตรต่างๆ พี่หญิงยื่นให้โอ๋ดู

ตกลงพี่หญิงรู้หรือไม่รู้?
หญิง : วันที่หญิงเดินไปโครงการหมู่บ้าน ป้าน้อยแม่บ้านเขาแนะนำว่าคุณโอ๋มีบ้านรีโนเวตขาย สองหลังเขาซื้อให้ลูกชายเขาสองคน ป้าเอาเบอร์โทรคุณโอ๋มาให้หญิง หญิงเลยโทรไป มีการคุยเจรจาตกลงกันแล้ว วันทำสัญญา พนักงานเขาชื่อน้องเบส เอาเอกสาร 3 ใบมา แค่ 3 ใบนะคะเป็นสัญญาซื้อขาย ไม่มีเอกสารใดๆ เพิ่มมาอีกเลย ไม่มีโฉนด ไม่มีสำเนาบัตรประชาชน ไม่มีสำเนาทะเบียนบ้านของคุณโอ๋ ให้หญิงทำสัญญานี้ขึ้นมาแล้วมีการเซ็น แฟนหญิงเซ็นเป็นพยาน คุณโอ๋เซ็นกลับมาให้ หญิงมีอยู่แค่ 3 ใบนี้ หญิงไม่ทราบเลยว่าบ้านหลังนี้เป็นของธนาคาร เพราะหญิงไม่เห็นโฉนดเลยตั้งแต่วันแรกที่ทำสัญญา

ทนายแก้ว : ถ้าเขาไม่รู้ เขาเข้าใจว่าเป็นบ้านคุณโอ๋ ก็เป็นอีกเรื่องนึง เดี๋ยวค่อยสรุปให้ฟัง ว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงหรือเปล่า อยู่ที่เขารู้หรือไม่รู้ด้วย

ทางโอ๋บอกว่ามีแชตที่บ่งบอกว่าคุณหญิงต้องรู้?
หญิง : แชตนี้หญิงเห็นเขาโพสต์ในเฟซแล้วค่ะ หญิงมีทั้งหมด ทั้งของคุณโอ๋ น้องเบส และน้องนิวที่มารับช่วงต่อสุดท้าย ข้อความที่เขาเอามาพูดนี้มันเป็นข้อความที่กระโดดแต่ละชั้นๆ ซึ่งเขาไม่ได้เอาข้อความมาต่อเนื่อง ข้อความทั้งหมดหญิงมี หญิงไม่ได้ลบข้อความทิ้ง เริ่มแรกเลยคุยกับโอ๋ถ้าจำไม่ผิด 24 ม.ค. หญิงส่งข้อความไปว่าได้เบอร์จากป้าน้อย แม่บ้านคุณโอ๋ มีการติดต่อคุณโอ๋ คุณโอ๋เลยตัดสินใจขายบ้านหลังนี้ โดยคุณโอ๋บอกว่าบ้านหลังนี้จริงๆ แล้วคุณโอ๋ซื้อให้ลูก 2 คน เป็นบ้านของโอ๋นะ แต่เห็นว่าหญิงอยากมีบ้าน ก็ตัดใจขายให้ 1 หลัง นัดมาทำสัญญา 13 ก.พ.ซึ่งวันที่ 13 ก.พ. หญิงได้เอกสารแค่ 3 ใบนี้ไปทำที่คาเฟ่คุณโอ๋ มาย เดียร์ โอนเงินให้คุณโอ๋ วันที่ 13 ก.พ. เป็นเงิน 1 แสนบาท จากนั้นทำสัญญาผ่อนต่อทุกเดือน เดือนละ 2.5 หมื่น เริ่มผ่อนตั้งแต่เดือนมี.ค. จนถึง 5 เม.ย.ปี 67 หญิงระงับการส่งเพราะมีเหตุเจ้าหน้าที่ธนาคารเข้าไปที่บ้านวันที่ 25 มี.ค. 67

เจ้าหน้าที่ไปแจ้งว่าบุกรุก?
หญิง : เพราะบ้านหลังนี้เป็นทรัพย์ของธนาคาร ไม่ใช่ชื่อคุณชนิดาภา เขาแจ้งมาแบบนี้ คนแจ้งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ชาย แจ้งต่อหน้าหญิงและแฟนหญิง หญิงก็ตกใจ ก็ถามเจ้าหน้าที่กลับไปว่าควรทำยังไง ควรไปดีลที่ไหน น้องเขาบอกว่าเดี๋ยวเขากลับไปแจ้งหัวหน้าเขาก่อน ทางหัวหน้าสาขาหัวหิน โทรมาหาหญิง นัดให้ไปพบวันที่ 10 เม.ย. มีการเจรจา คุยกัน ที่หญิงแจ้งไปเทปแรก พอแจ้งเสร็จเจรจาไม่เป็นผล เพราะหญิงไม่สามารถนำเงิน 1 ล้านไปวางได้ เพราะตอนนั้นหญิงยังเข้าใจอยู่ว่าหญิงไม่ได้รับความเป็นธรรม หญิงไม่รู้ทำไมธนาคารถึงเข้าไปยึด มันไม่มีการเจรจาบอกกล่าวไปมากกว่านี้ หญิงเลยทำเรื่องแจ้งสำนักงานใหญ่วันที่ 18 เม.ย. ทางสำนักงานใหญ่ช่วงนั้นไม่แน่ใจว่าเขาจะขึ้นเป็นผอ.หรืออะไร หญิงขึ้นไป เขามีการดีล โทรกลับมาหาทางเขตหัวหิน และบอกว่าเคสนี้เกิดอะไรขึ้น เขาเลยให้หญิงกลับมาที่หัวหิน จากนั้นมีเขตทางหัวหินมา ธนาคารสำนักงานใหญ่เข้ามาช่วย

ธนาคารมา 25 มี.ค.67 บอกบุกรุก ทำไมยังส่งค่างวด 5 เม.ย.67?
หญิง : เพราะหญิงกลัวบ้านหลุด หญิงไม่แน่ใจว่าบ้านเป็นของธนาคารหรือคุณโอ๋

ตอนนั้นไม่สงสัยเหรอ ทำไมยังส่งค่างวดสุดท้าย?
หญิง : สงสัยค่ะ แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารนัดให้หญิงเข้าไปก่อน 10 เม.ย. พอใกล้ค่างวดก็เลยจ่ายไปก่อน แต่จ่ายงวดสุดท้าย

ทนายโจ้ : ธนาคารเข้าไป 25 มี.ค. แต่ผมมาเห็นเอกสาร 2 ฉบับ ธนาคารมีการบอกเลิกสัญญาโอ๋ 15 มิ.ย. กับบอกกล่าวให้รับโอนสิทธิ์ 15 มิ.ย. ทำไมธนาคารมีหนังสืออยู่ และมีหนังสือยกเลิกจัดซื้อจัดขายกับโอ๋เมื่อ 15 ก.ค.67 ตามหลักต้องยกเลิกก่อนแล้วเข้าบ้านคุณถูกมั้ย

ทนายแก้ว : อันนี้เดี๋ยวไล่กับธนาคาร

ทนายโจ้ : ข้อมูลมันดูย้อนแย้งไง

พี่ออย เป็นยังไง?
ออย : ของหนูเหมือนทุกเคส รู้จากหน้าเฟซบุ๊ก อยากมีบ้าน แล้วไปทำสัญญาวันที่ 18 ก.พ.66 บ้านเดี่ยว 2.7 ล้าน มัดจำ 3.5 หมื่น ผ่อนรายงวด งวดละ 15,500 หนูผ่อนยาวมาถึงเดือนนี้วันที่ 5 เลยค่ะ ไม่เคยผิดนัดเลย หนูมีธนาคารมาบอกว่าหนูบุกรุก มีคนช้อนซื้อบ้านหนูไปแล้ว หนูเลยทักหาคุณโอ๋ ว่าบ้านหนูมีคนติดต่อว่าหนูบุกรุก คุณโอ๋บอกให้หนูย้ายไปบ้านหลังอื่น โดยจะออกค่าใช้จ่ายให้ทุกบาทเลย หนูก็อ้าว หนูต่อเติมบ้านตั้งเยอะ จะให้ย้ายง่ายๆ ไม่ได้ ทีนี้คนช้อนซื้อเขามาให้หนูไปกรมที่ดิน มาเช็กเลขโฉนด มันไม่ตรงตั้งแต่แรกเลยค่ะ (ร้องไห้) เลขโฉนดไม่ตรงกับสัญญาตั้งแต่แรกเลยค่ะ

ทนายแก้ว : ซื้อบ้านผิดหลังเหรอ

ออย : บ้านที่หนูอยู่โฉนดไม่ใช่ที่หนูอยู่ในสัญญา ตั้งแต่แรกเลยค่ะ แต่หนูไม่รู้เรื่อง หนูไม่ได้เช็ก เพราะหนูเชื่อใจเขค่ะ แต่โฉนดเป็นอีกหลังเลยค่ะ

ทนายแก้ว : โฉนดกับบ้านตัวจริง คนละหลัง

ออย : ใช่ค่ะ

วันทำสัญญา มีโฉนดแนบไปมั้ย?
ออย : ไม่มีค่ะ มีแต่เลขโฉนดในสัญญาค่ะ แล้วก็มีเอกสาร 3 แผ่น วันนั้นคุณโอ๋ไม่ได้เซ็นค่ะ เป็นลูกน้องเซ็นแทน

ทนายแก้ว : พี่จ่ายไปทั้งหมดถึงวันนี้เท่าไหร่

ออย : 531,000 ค่ะ รวมมัดจำ ต่อเติมไป 3 แสนกว่าบาทค่ะ รวมต้นไม้ 4 แสนเลย ลงทุนไปเกือบล้าน เขาให้หนูย้าย หนูไม่ย้ายแน่นอนอยู่แล้ว ลงทุนไปเยอะแล้ว แล้วคุณโอ๋ไม่ได้บอกด้วยว่าบ้านติดธนาคาร หนูโอนเงินคุณโอ๋ก็ขอบคุณค่ะๆ

ทนายแก้ว : ตกลงบ้านพี่คนอื่นซื้อไปแล้ว

ออย : คนอื่นช้อนซื้อไปค่ะ

เลขที่สัญญาไม่ตรงกับที่คุณออยอยู่?
โอ๋ : อันนี้โอ๋ไม่แน่ใจนะคะว่าเลขตรงมั้ย แต่ทรัพย์ที่โอ๋ซื้อกับบ้านที่เขาอยู่คือตัวเดียวกัน หลังเดียวกัน แต่เลขโฉนดในสัญญาจะเขียนผิดหรือเปล่า โอ๋ต้องไปขอตรวจสอบอีกทีนึง

ออย : หนูไปขอมาแล้วค่ะ เขาบอกไม่ตรง

ทนายโจ้ : สัญญาที่ทำเลขอะไร

ออย : เลข 14272 เลขนี้อยู่บ้านอีกหลังที่อยู่ในหัวหินค่ะ ที่ไม่ใช่บ้านหนู

ทนายโจ้ : เดี๋ยวช่วยตรวจสอบ เดี๋ยวจะไปกันใหญ่

โอ๋ : แต่หลังที่ซื้อกับหลังที่พี่เขาอยู่ รหัสเดียวกัน หลังเดียวกัน

ทนายแก้ว : แล้วคุณให้เขาสลับบ้านเหรอ

โอ๋ : วันนั้นพี่เขาโทรมา ก่อนหน้านั้นเราเข้าไปประมูลบ้านใหม่ ที่บอกว่าธนาคารมายกเลิกบ้านเรา เราก็พยายามประคองลูกค้าทุกหลัง จากบ้านที่เราเคยซื้อจากธนาคาร ราคาเท่าไหร่ก็ช่าง คุณเอาราคาไปอัปใหม่ ในราคาที่สูงกว่าเดิม เราก็ยอมซื้อในราคาที่สูงเพื่อประคองลูกค้าของเรา ไม่อยากให้มีปัญหา แต่วันที่เราไปซื้อ มีการประมูลซื้อบ้านพี่เขาไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารไม่ยอมให้เรา เราเคาะราคาได้แล้วด้วย แต่ไม่ยอมทำสัญญาให้เรา แล้วบอกให้เราเขียนสัญญายกเลิกเอาเงินคืน

ทนายแก้ว : โอ๋จะบอกว่าเป็นความผิดพลาดธนาคารอีก

โอ๋ : ถูกต้องค่ะ ธนาคารก็ต้องกลับไปในวันนั้น

ทนายแก้ว : โอ๋ทำสัญญากับเขา เขาผ่อนไม่ได้ผิดนัดนะ

โอ๋ : โอ๋ยอมรับผิดกับเขาค่ะ

ออย : คุณโอ๋ไม่บอกอะไรเลย ตั้งแต่เดือนนี้เลย หนูไม่รู้เรื่องเลย

โอ๋ : โอ๋บอกเขาว่าถ้าพี่จะเอาหลังเดิม โอ๋ขอเบอร์คนซื้อได้มั้ย จะขอซื้อหลังนั้นให้พี่เขาอยู่ แต่ถ้าพี่ไม่เอาหลังนี้ พี่เอาหลังใหม่มั้ย ในโครงการที่พื้นที่เยอะกว่าเดิม บ้านเดี่ยวด้วย ทำเลดีกว่าเดิม พี่เอามั้ย ค่าขนย้าย ค่าต่อเติม โอ๋จ่ายให้ทั้งหมด นี่คือแสดงความรับผิดชอบ

ออย : ใช่ค่ะเขาพูด แต่ที่หนูไม่ย้าย เพราะหนูต่อเติมบ้านหนูไปเยอะแล้ว

โอ๋ : โอ๋ขอเบอร์คนที่มาซื้อ โอ๋ขอคุยกับเขาหน่อย โอ๋จะยอมจ่ายส่วนต่างให้เขา ว่าสิ่งที่คุณมาซื้อ โอ๋จะซื้อต่อเพื่อให้พี่เขาอยู่

ทนายแก้ว : ได้ซื้อหรือยัง

โอ๋ : พี่เขายังไม่ได้ให้เบอร์มา

ทนายแก้ว : เคสนี้จะจบโดยโอ๋รับปากว่าจะจ่ายส่วนต่างและซื้อนะ

โอ๋ : ถูกต้อง

กัน : กันช้อนซื้อได้ แล้วสละสิทธิ์ให้คุณออย

โอ๋ : ซื้อเพราะอะไร

กัน : ไม่ค่ะคุณ กันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านหลังนี้เป็นของใคร

โอ๋ : เขาไม่ได้อยากได้บ้าน แต่พยายามกลั่นแกล้งอะไรเรา

กัน : ไม่ได้กลั่นแกล้ง เพราะเราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ ไม่กลั่นแกล้งคุณโอ๋ด้วยค่ะ เหตุผลที่ซื้อ บ้านของกัน กันย้ายออกไปแล้วนะคะ เพราะธนาคารแจ้งบุกรุก กันก็ต้องซื้อบ้านผ่านธอส. เขาแนะนำมา กันก็เลือกบ้านปกติเลยค่ะ ตอนกันช้อนซื้อกันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นอะไร คุณโอ๋พูดแบบนั้นไม่ถูกค่ะเราไม่ได้รู้จักกัน กันก็ไม่ได้เกลียดคุณโอ๋ด้วย ไม่จำเป็นต้องกลั่นแกล้งค่ะ

ที่เขาผ่อนไป จะทำยังไง?
โอ๋ : เดี๋ยวโอ๋คุยกับเขานอกรอบ โอ๋ก็รับผิดชอบแหละ ถือว่าโอ๋เป็นคนผิด โอ๋จะรับผิดชอบพี่เขา

ทนายแก้ว : เงินที่เขาจ่าย โอ๋เอาไปไหน

โอ๋ : เอาไปจ่ายแบงก์ด้วยค่ะ ไม่ใช่ไม่จ่ายนะคะ ทุกอย่างต้องไปหักลบกันด้วย โอ๋ทำบ้านให้พี่เขาไม่ใช่น้อยๆ ด้วย พี่เขาเห็นว่าทำอะไรไปบ้าง แต่จะมาเอาทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ มันต้องมองถึงใจเขาใจเรา ก่อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โอ๋พูดกับพี่ออยว่าพี่ออยจะเอาบ้านหลังนี้ไว้มั้ย ถ้าพี่ออยจะเอา โอ๋ขอเบอร์คนที่เขาซื้อหน่อย เพื่อจะคุยกับเขา โอ๋จะเอาเงินให้เขาก้อนนึง แล้วเปลี่ยนสัญญาให้พี่เขาไปผ่อนเลย หรือพี่จะเอาบ้านหลังใหม่ ก็หาทางเลือกให้เขาโอ๋ไม่ได้ทิ้งลูกค้าเลย ถ้าสิ่งไหนโอ๋ผิด โอ๋ยอมรับผิด

ทนายแก้ว : ถ้าคนใหม่ไม่ขายให้คุณ คุณจะทำยังไงครับ

โอ๋ : อันนี้ก็ต้องคุยกับพี่เขา ว่าพี่เขาต้องการอะไร แค่นั้น

พี่เขาต้องการ 531,000 คืน?
ออย : ค่ะ แล้วหนูไม่ย้ายไปหลังไหน เพราะหลังนี้หนูต่อเติมมาเยอะแล้ว

โอ๋ : เคสนี้คุยได้ แต่พี่เขามีอะไรเขาไม่ยอมบอกเรา แค่นั้นเอง

กัน : คุณไม่ได้โทรหาเขาด้วยซ้ำค่ะ

โอ๋ : ไม่โทรได้ไง พี่ไม่รู้พี่อย่าพูด

กัน : ตั้งแต่เกิดเรื่อง มันเช็กได้ คุณออยเขาโทรมามั้ยคะ

ออย : โทรมาวันเดียว วันที่บอกให้ย้ายบ้าน แล้วขอเบอร์คนช้อนซื้อต่อแค่นั้น แล้วไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยค่ะ

โอ๋ : โอ๋บอกว่าขอไปดูบ้านก่อนนะ ว่าจะตัดสินใจว่ายังไง

พี่สายหยุด เหมือนมีอะไรอยากพูด?
สายหยุด : ผมฟังคุณโอ๋มาพักใหญ่แล้ว แต่ฟังไปนานๆ จะเพลิน คุณโอ๋เขารู้ดี เขาซื้อบ้านเหมือนอยู่อาศัยเอง แบงก์ก็ให้เวลา 20 งวด ให้เขาผ่อนเพื่อไปกู้เข้าสู่กระบวนการผ่อนทั่วไป เขาน่าจะไม่ได้ทำเงื่อนไขกับแบงก์ เขาไปขายคนนอก พอแบงก์เห็นคุณหญิงอยู่บ้านของเขา เขาเลยมาไล่เอา ต้องพูดแบบนี้ เขาทำแบบนี้กับทุกๆ หลัง มันก็เลยเกิดปัญหา คุณมาดูเปเปอร์สัญญาโน่นนี่ นี่มันคือปลายเหตุ ต้นเหตุคือคุณเจตนาจะซื้อไปขาย จับเสือมือเปล่า มีกำไรแน่นอน แต่พอถึงเวลา คุณแบกไม่ไหว ไปจำนำคนนอกบ้าง โดนแบงก์ยึดบ้าง ก็เลยกลายเป็นว่าพูดแต่ปลายเหตุ คุณต้องดูต้นเหตุ คุณไม่ใช่สถาบันการเงิน คุณไม่มีปัญญาไปอุ้มบ้านทุกหลังหรอก มันเลยเกิดปัญหา จากที่ผมนั่งฟังมาเนี่ย

โอ๋ : แต่ทุกหลังปิดบ้านได้นะคะ

สายหยุด : คนพวกนี้เขาเหมือนปลาซิวปลาสร้อย เขาไม่รู้เรื่องหรอก คนอยากได้บ้าน เขาไม่อ่านทุกตัวหรอก ผมซื้อรถ ผมก็ไม่อ่าน แต่ผมมั่นใจว่าคุณทำธุรกิจเป็นบ้านคุณ นี่คือหลักสำคัญ แต่สุดท้ายพอเห็นคุณหญิงไปอยู่ ธนาคารเลยไปไล่ไง เพราะต้องเป็นบ้านคุณโอ๋ ซื้อเองอยู่เอง ไม่งั้นคุณมาซื้อแล้วทำเงื่อนไข โอ๋ประมูลหมดเลย 5 หลัง เขาเรียกทรัพย์แบงก์ แบงก์ซื้อจากกรมบังคับคดีมาแล้ว เขาก็อยากปล่อยหนี้เสีย ทางนี้ก็เข้าไปซื้อ ตบแต่งนิดนึงก็ขาย ได้ส่วนต่างแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีคนซื้อรอรับ ส่วนแต่งบัญชีคือปลายเหตุทั้งหมด อย่าไปหลงประเด็น ต้นเหตุต้องบอกสิว่าไม่ใช่บ้านฉันนะ ฉันแค่มัดจำมานะเว้ย ฉันผ่อนไม่ไหวโดนยึด เธอซื้อมั้ยล่ะ พูดแบบนี้มั้ยล่ะ ถ้าพูดแบบนี้คือจบ ผมนั่งอึดอัดเพราะมันไม่ใช่ ไปกันใหญ่ เท่านี้แหละครับ

เป็นแบบนั้นมั้ย?
โอ๋ : ไม่ค่ะ ถ้าดูประวัติโอ๋ ไม่เคยยกเลิกบ้าน

สายหยุด : คุณบอกเขาคุณซื้อมาจะอยู่เอง ถูกมั้ย คุณไม่ได้บอกแบงก์จะซื้อไปขายต่อ ผมเช็กมาเหมือนคุณประมูลซื้ออยู่เองทั้งนั้น คุณไม่ได้บอกว่าคุณเอามาประกอบธุรกิจขายต่อ ผิดเงื่อนไขเขา เขาเลยมาไล่ผู้อยู่ไง ถ้าไม่โอนกรรมสิทธิ์ก็เป็นทรัพย์สินแบงก์ คุณแค่เป็นผู้มีสิทธิ์จดทะเบียนโอนได้ก่อน ถ้าไปตามเงื่อนไขนั้น ถ้ามีเงินไปชำระเขา หรือคุณกู้ผ่าน ถ้าคุณไม่ชำระ กู้ไม่ผ่านก็เป็นของแบงก์ คุณไม่มีสิทธิ์เอาของเขาไปขายต่อ คนซื้อก็รับกรรมไปสิ ยังเอาไปจำนองนายทุนนอกอีก มีนายทุนอยู่เบื้องหลังคุณอีกไม่รู้เท่าไหร่ ต้องเอาความจริงมาคุยกัน ถึงจะแก้ปัญหาได้ ผมเป็นคนกลาง ไม่ได้เข้าข้างใคร ผมอึดอัด

ไม่จริงยังไง?
โอ๋ : บ้านทั้งหมดที่เป็นชื่อโอ๋ ซื้อมาทั้งหมด 29 หลัง โอ๋ปิดบัญชีไปแล้ว 25 หลัง เหลือ 4 หลังที่ธนาคารไม่โอนให้ โอ๋ปิดด้วยเงินสดทั้งหมดในระยะเวลาที่ทำสัญญากับธนาคาร ที่ไม่ปิดเหลือแค่ 4 หลัง จริงๆ มี 5 หลัง แต่สาขาอ่างทองให้ปิด เหลือแค่หัวหินค่ะ

ใน 4 หลังนี้ มีผู้เสียหายที่มา?
ทนายแก้ว : 29 หลังชื่อโอ๋ หมายถึงไม่ใช่ชื่อโอ๋ก็มีอีก แต่ปัญหาบางหลังไม่ใช่ชื่อของโอ๋นี่

โอ๋ : มีชื่อของโอ๋ด้วย

ทนายแก้ว : ที่มาในรายการ ชื่อของโอ๋เป็นคู่สัญญากับแบงก์มั้ย

โอ๋ : ไม่ใช่ทุกหลัง

ทนายแก้ว : แต่คุณกำลังบอกว่า 25 ใน 29 คุณปิดไปแล้ว

โอ๋ : ใช่ค่ะ โอนเรียบร้อยแล้วค่ะ บางหลังยังผ่อนกับเราอยู่

จะบอกว่าที่ทนายสายหยุดบอกว่าคุณแบกไม่ไหวนี่ไม่จริง?
โอ๋ : ไม่จริงค่ะ วันที่ไปติดต่อธนาคาร ทั้งหมด 10 ล้านพร้อมปิด แต่เขาไม่ให้

ทนายโจ้ : ถือเงินสดไป 10 ล้านเหรอ

โอ๋ : เราไปติดต่อจะปิดในระยะเวลาที่กำหนด แล้วเงินนี้ไม่ใช่เงินนายทุนนะคะ

ทนายแก้ว : เหตุผลที่ธนาคารไม่ให้ปิด เพราะเลยกำหนดที่คุณตกลงกับธนาคาร

โอ๋ : อันนี้เราไม่รู้ค่ะ แต่เรามารู้ทีหลังว่าเขาแจ้งเรามาแล้วว่ามีการนัดโอนบ้าน แต่เราแจ้งธนาคารว่าไม่มีใครโทรบอกเราเลย ถ้าธนาคารเช็กการโทร มีการร้องเรียนหลังจากนั้น โทรไปบ่อยมาก พยายามทำทุกอย่างเราไม่ได้นิ่งนอนใจ ไม่งั้นเราจะไปวิ่งเต้นเพื่อปิดบัญชีบ้านทำไม

ทนายแก้ว : การประมูลบ้านกับธนาคารพาณิชย์ ต้องเขียนวัตถุประสงค์ไว้ ในสิ่งที่ทนายสายหยุดผมเห็นด้วย ธนาคารเข้าใจว่าคุณซื้ออยู่เอง

โอ๋ : ถ้าธนาคารมองว่าเราซื้ออยู่เอง ทำไมธนาคารให้เราซื้อล็อตนึง 10 หลัง เป็นไปไม่ได้ค่ะ

จะบอกว่าธนาคารต้องรู้อยู่แล้วว่าคุณโอ๋ซื้อบ้านไปทำกำไร?
โอ๋ : ใช่ค่ะ เขาให้ 1 คนได้ 10 หลัง 1 คนจะอยู่บ้าน 10 หลังเป็นไปไม่ได้

โอ๋ปิดได้ แล้วทำไมอย่างบางเคส ลุงสง่า โอ๋เอาบ้านไปจำนองกับนายทุนอีกคน?
โอ๋ : ของคุณสง่า โอ่ปิดบ้านด้วยเงินสด แล้วคุณสง่าบอกโอ๋ว่าเขาจะยื่นกู้แบงก์ ไม่ติดภาระอะไรเลย รถก็ไม่มีภาระหนี้สินอะไร คุณสง่ารู้ดีว่าเขายื่นกู้แบงก์แล้ว แต่ติดภาระบ้าน 3 หลัง ติดเครดิตเรื่องค่างวดรถ ทำให้เขากู้ไม่ได้ พอเขากู้ไม่ได้ เงินเราไปจมอยู่ตรงนั้น เราเลยเอาไปฝากกับนายทุนไว้ก่อน สง่าผ่อนเดือนละ 7 พัน แต่เราจ่ายกับนายทุนเดือนละหมื่น ถ้าสง่ากู้ได้ เราได้ส่วนต่างจากสง่า 9 แสน ถามว่าเราอยากได้เงิน 9 แสน หรือเงินเดือนละ 7 พันจากสง่า

น้องโอ วันนี้ต้องการอะไร?
โอ : ต้องการความชัดเจนว่าสรุปบ้านผมจะยังไง เป็นชื่อคุณโอ๋หรือนายทุน แล้วตอนนี้ผมหยุดส่งอยู่ คุณโอ๋ไม่ได้ไลน์มาหาผม คุณโอ๋น่าจะรู้อยู่แล้ว อยากรู้ว่าบทสรุปของผมเป็นยังไงแค่นั้นเอง

บ้านน้องโอมีปัญหายังไง?
โอ : ผมทำสัญญากับคุณโอ๋โดยตรง คุณโอ๋เอาบ้านไปจำนองกับนายหน้าอีกคนซึ่งเป็นเจ้าของเงิน ระหว่างผมผ่อนกับคุณโอ๋ ผ่อนทั้งหมดตั้งแต่ปี 64 มาทราบว่าเขาเอาบ้านไปจำนองตอนเดือนสองเดือนนี้ เพิ่งรู้ ผ่อนมาทั้งหมดจะเข้าปีที่ 5 แล้ว ผ่อนเดือนละ 12,000 บาท รวมเป็นเงิน ตัวเลขกลมๆ บวกกับเงินดาวน์อยู่ที่ 5.6 แสนครับ

จู่ๆ มีนายทุนมาหาที่บ้าน?
โอ : เขาบอกว่าเป็นคนให้เงินคุณโอ๋เพื่อมาปิดบ้านตัวนี้จากธนาคาร แต่คุณโอ๋ไม่ยอมจ่ายเงินเขา เขาเลยบอกให้ผมหยุดส่งคุณโอ๋ เพราะถ้าส่งไปบ้านหลังนี้อาจเป็นชื่อเขาก็ได้ เพราะคุณโอ๋เป็นลูกหนี้เขา แต่เผอิญผมเพิ่งรู้ เพิ่งได้รับเรื่อง ผมเพิ่งหยุดส่งครับ

ทนายแก้ว : โอ๋เอาบ้านเขาไปจำนอง ขณะที่เขาผ่อนกับโอ๋ได้ยังไง

โอ๋ : จริงๆ ต้องถามทนาย ว่าเรามีสิทธิ์มั้ยคะ ในสัญญาได้ระบุมั้ยว่าห้ามจำนองบ้าน

ทนายโจ้ : โอ๋น่าจะได้สิทธิ์จากธนาคารส่วนนึง และปล่อยให้ลูกค้าเช่าหรือผ่อน

โอ : ผมเคยทำเรื่องและถามธนาคารยังไม่ทันเซ็นอะไร เขาก็บอกว่าไม่ได้ มีลูกน้องคนเก่าคุณโอ๋ไปให้ทำ ผมผ่อนตรงกับคุณโอ๋ตั้งแต่แรก แต่ถ้าได้ผ่อนกับธนาคารจะถูกลง ก็พยายามจะไปทำบ้าง แต่ผมเครดิตไม่ดีอยู่แล้ว แม่ผมคนเป็นเจ้าของสัญญาที่ผ่อนกับคุณโอ๋ อายุเยอะ ทำสัญญาอะไรไม่ได้แล้ว ผมก็เลยยืนยันว่าจะผ่อนไปแต่ละเดือนดีกว่า เพราะผมไม่มีปัญญาไปผ่อนกับทางธนาคาร

ทนายโจ้ : สรุปยังไม่ได้ทำสัญญากับธนาคาร คุณทำสัญญากับโอ๋ ขอผ่อนกับโอ๋ เปรียบเหมือนโอ๋เป็นธนาคาร

โอ : ถูกต้อง

ทนายโจ้ : เข้าใจว่าอยู่เกิน 2 ปี เพราะสัญญาให้ 2 ปี โอ๋ปิดธนาคารไม่ได้ เขาก็ต้องหานายทุนเพื่อเปลี่ยน เพราะธนาคารบังคับให้ปิด โอ๋ไม่มีเงินหรอก พี่สายหยุดพูดถูก พอโอ๋ไม่ได้ปิดธนาคาร จับเสือมือเปล่า ก็ต้องไปหานายทุนเข้ามา นายทุนก็เอาเงินตรงนี้มา เช่นหลังของคุณ 3 ล้าน โอ๋เอาเงินนายทุนมาปิดก่อนเพื่อรักษาตรงนี้ไว้ แล้วโอ๋ผ่อนกับนายทุนแทน แทนผ่อนธนาคาร คุณก็ผ่อนกับโอ๋ปกติ โอ๋เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และเป็นผู้จำนองกับผู้รับจำนองกับนายทุน

ทนายแก้ว : สิทธิ์ในการทำแบบนี้ได้คุณต้องบอกลูกค้าตั้งแต่เดย์วันตั้งแต่ทำสัญญา การที่ลูกค้าสุจริต โดยวอล์กอินไปทำสัญญากับคุณ เพราะเขาเข้าใจว่าปลายทางจะเป็นบ้านเขา อยู่ดีๆ โอ๋เอาไปจำนอง ถ้าเขารู้เขาไม่ซื้อคุณแน่นอน ดังนั้นสิ่งที่คุณกระทำอยู่หมิ่นเหม่กับคุณปกปิดข้อความจริง เพราะลูกค้าเขาต้องการอยากได้บ้านครับ

ทนายโจ้ : แต่ถ้าเขารู้อยู่แล้ว จะเป็นอีกเรื่องนึงเลย ถ้ายินดีสมัครใจเข้ามาทำ คุณก็จะมีความเสี่ยง

โอ : ผมไม่รู้เรื่องนายทุนครับ ผมเพิ่งรู้ไม่นาน

ทนายแก้ว : คุณรู้มั้ยว่าบ้านนี้จะมีสิทธิ์เอาไปจำนองกับคนอื่น

โอ : ไม่รู้ครับ ผมอยู่มา 4 ปี ผมเพิ่งรู้เมื่อเดือนที่แล้วเองครับ

ทนายโจ้ : โอ๋ไปทำกับนายทุน โอ๋ให้คุณอยู่ปกติ ส่งปกติ วันดีคืนดี โอ๋ไม่ส่งนายทุน ก็ถูกดำเนินคดี กรรมสิทธิ์บ้านเป็นของโอ๋ นายทุนเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เขาจะไปหาคุณเพื่อไล่คุณออกจากบ้านยังไม่ได้ การไปหาคุณเป็นการทวงหนี้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โอ : เขาไม่ได้ทวงครับ อันนี้ยืนยันได้

ทนายโจ้ : ดังนั้นนายทุนต้องไปบังคับคดี ถ้าโอ๋มีนายทุนใหม่ ดีลก็ยังอยู่

ทนายสายหยุด : อุ้มมากอุ้มไม่ไหว ซื้อ 10 หลัง ผ่อนไหวเหรอ รายได้เท่าไหร่ พอ 24 เดือนปิดไม่หมด เป็นหน้าที่โอ๋กับธนาคาร น้องไม่รู้เรื่องหรอก น้องเข้าใจว่าโอ๋เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ถ้าบอกว่า 24 เดือนพี่ผ่อนไม่ไหวนะ พี่จะเอาไปจำนองกับบุคคลภายนอก ยังไงน้องก็ไม่ซื้อเด็ดขาด แต่ถ้าโอ๋ทำแบบนี้ 10 หลัง 5 หลัง มันล้มเป็นโดมิโน่ ล้มหมด พอกำไรโอ๋ได้ แต่พอขาดทุน ผู้ซื้อเสียหาย ก่อนจำนองนายทุน บอกนายทุนหรือเปล่าว่าขายให้คนนอกนะ ผ่อนให้เดือนละ 12,500 ผ่อนมาแล้ว 4 ปี ไม่เคยขาดผ่อนเลย พอขายฝากปั๊บจะมีนายหน้า หักดอกเบี้ยล่วงหน้า มีดอกเบี้ยรายเดือน แต่เป็นเรื่องโอ๋กับนายทุน แต่น้องยังผ่อนอยู่ จนน้องโดนไล่ถึงหยุดผ่อน มันคืออะไร

โอ๋ : น้องไม่โดนไล่นะคะ

ทนายสายหยุด : ถ้าตามคำพิพากษา ก็ต้องยึดทรัพย์ บังคับคดี เดี๋ยวก็ไล่ ปลายทางไล่อยู่แล้ว ไม่ต้องมาเถียงทีละคำเลย เอาภาพรวมดีกว่า อย่างบ้านคุณออย ไม่ได้ซื้อผิดหลังหรอก เขาเล็งว่าไม่มีใครมาประมูลสู้เขาแน่นอน เขาก็ให้คุณออยไปอยู่ ตกแต่งต่อเติม แต่วันประมูลซื้อ ปรากฏว่าคนอื่นเขาซื้อได้ ผิดแผน แค่นั้นเอง

โอ๋ : ไม่ใช่แล้ว

ทนายสาหยุด : เอางี้ คุณโอ๋มีสิทธิ์อะไร จะจิ้มให้คุณออยไปอยู่บ้านธนาคารแล้วต่อเติมเอง ใช้สิทธิ์อะไรชี้ให้เขาเข้าไป

โอ๋ : บ้านซื้อก่อนคุณออยเข้าไปนะคะ

ทนายสายหยุด : แล้วทำไมผิดหลัง กลายเป็นของคนอื่นล่ะ เขาก็ยืนยันว่าเขาประมูลมา

โอ๋ : หลังที่เขาอยู่ไม่ได้ผิด หลังที่ซื้อก็ไม่ได้ผิด แต่อาจผิดตรงสัญญาซื้อขาย เลขโฉนดผิด

ทนายสายหยุด : คุณเป็นมืออาชีพคุณจิ้มให้เขาไปอยู่บ้านชาวบ้าน ไปตกแต่งกี่แสน กี่ล้าน เวลาเป็นมืออาชีพ คุณมืออาชีพมาก แต่เวลาผิด คุณบอก อ๋อ หนูเขียนผิด คนเขาฟังรู้ ผมไม่รู้หรอกกระบวนการซื้อทรัพย์ ไม่อยากพูดว่ามีการฮั้วกันได้ ถ้ามีนายเอ เดินเข้ามาโดยเราไม่รู้ก่อน เท่าไหร่ก็จะเอา แบบนี้ผิดแผน สู้ไม่ได้ แต่ไปบอกขายชาวบ้านเขาแล้วหรือเปล่า ผมไม่รู้เขาใช้กระบวนการนี้หรือเปล่า ไม่รู้เขาคิดว่าเขาได้แน่ เลยขายคุณออยหรือเปล่า มีเบื้องลึกเบื้องหลังอีกเยอะ เรื่องสัญญาเรื่องแชตเกิดขึ้นภายหลังหมด คนซื้อเขาก็มานั่งยืนยันอยู่ตรงนี้ เขายังปฏิเสธเลย อีกประเด็น ที่บอกว่าปิดได้ 25 หลัง ลูกค้าเครดิตดี เขากู้ผ่าน ก็ไปโอนสิ ไม่เห็นจะแปลก แต่ถ้าลูกค้ามีปัญหาแบบคุณหญิง ก็ปิดไม่ได้ ก็แค่นั้น ก็ไปดิ้นบุคคลนอก ก็เจ๊งไง ไม่ใช่เรื่องแปลก ลูกค้าเครดิตดี ก็ปิดโอนครับ ไม่เห็นจะต้องงงอะไรเลย

อยู่ในสาย “เต็มดวง ดิษยบุตร” รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายบริหารหนี้ภูมิภาค ธอส.ประเด็นแรกเลยที่คุณโอ๋ถาม คุณโอ๋มีการโชว์เอกสารว่ามีการส่งเงินให้ธอส.ทุกงวด ไม่เคยขาดทำไมไม่ปิดบ้าน ทำไมไม่โอนกรรมสิทธิ์?
โอ๋ : ไม่ได้ทุกงวดค่ะ

เต็มดวง : เราได้ตรวจสอบแล้ว จากที่เราตรวจสอบ ในชื่อคุณโอ๋ ชนิดาภา มีสัญญากับเราทั้งหมดที่ผ่อนธนาคาร ประมาณ 29 รายการ แต่ 20 รายการ มีการผ่อนชำระ และโอนกรรมสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว เราเข้าเรื่องกรณีพิพาทในรายการ ทรัพย์แปลงนี้มีบุคคลภายนอกเป็นคู่สัญญากับธนาคาร เรามีการขายตามขั้นตอนถูกต้อง ตามระเบียบธนาคาร มาทำสัญญาซื้อกับเราวันที่ 11 ส.ค.65 ประวัติการผ่อนชำระเงินดาวน์ที่ตรวจสอบ มีการชำระเงินดาวน์ 1 งวด คือ 29,000 บาท ไม่ได้ผ่อนตามสัญญา จากที่คุณโอ๋และคุณหญิงมีการกล่าวอ้างว่าเข้ามาที่สำนักงานใหญ่ เป็นความจริง ตอนนี้จะให้ผู้ที่สองท่านกล่าวอ้าง ได้อธิบายข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้ผู้ชมได้รับฟัง

พชร สมบูรณ์ดี ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารหนี้ภูมิภาค ธอส.?
พชร : ผมรับเรื่องทั้งสองท่านในวันนั้น วันนั้นมีประเด็นเรื่องข้อพิพาทเรื่องบ้านหลังดังกล่าว ปรากฏว่าทางคุณโอ๋มาขอให้ธนาคาร ไม่ยกเลิกสัญญา และไม่ริบเงินมัดจำบ้านหลังนี้ไว้ หลังทำสัญญาไว้ คุณโอ๋มีการชำระแค่ครั้งเดียว จากนั้นคุณโอ๋ไม่ได้ชำระอีกเลย ทำสัญญาปี 65 จนมาพบผม ประมาณเม.ย.ปี 67 ผมก็รับเรื่องไว้ว่างั้นก็ไม่เป็นไร ให้เขียนคำร้องไว้ ผมก็ส่งให้ทางเขต ทางสาขาหัวหิน พิจารณาเรื่องนี้ และกำชับว่าให้เร่งดำเนินการตามระเบียบธนาคารอย่างเคร่งครัด ทางสาขาเขาตรวจสอบแล้ว เขาก็บอกกล่าวคุณโอ๋ให้มาชำระเงินทั้งหมด มาโอนกรรมสิทธิ์บ้านคุณโอ๋ภายใน 30 วัน แต่คุณโอ๋ไม่ได้มาชำระเงินทั้งหมด ทีนี้ทางสาขาก็มีการบอกเลิกสัญญา และริบเงินประกัน คุณหญิงเนี่ย ก็มาเหมือนกัน เหมือนเทปที่แล้ว คุณหญิงก็เล่าให้ผมฟังเรื่องความเดือดเนื้อร้อนใจ ธนาคารไม่ได้เป็นคู่สัญญาคุณหญิงผมช่วยอะไรไม่ได้เต็มที่หรอกครับ บ้านนี้ยังมีสัญญากับคุณโอ๋อยู่ก็ให้คุณหญิงเขียนคำร้องไว้เหมือนกัน และส่งให้สาขา ผมช่วยเหลือเต็มที่เท่าที่จะช่วยได้ หลังจากนั้นก.ค.ปี 67 วันที่ 15 มีการยกเลิกสัญญากับคุณโอ๋ จนถึงเดือนต.ค. ธนาคารอนุมัติ หลังยกเลิกสัญญา คุณหญิงมาขอซื้อบ้านหลังนี้ เดือนต.ค.ธนาคารถึงมีการอนุมัติขายบ้านหลังนี้ ทำสัญญากับคุณหญิง

โอ๋ : หลังจากผอ.อนุมัติมา ไม่เห็นทางสาขาติดต่อมาเลยว่าให้อนุมัติ และให้โอนภายใน 30 วัน

พชร : เขามีหนังสือแจ้งนะครับ

โอ๋ : ไม่มีเลยค่ะ ทุกคนยืนยันได้ว่าไม่มี

พชร : คู่ทำสัญญา ในสัญญานี้เท่าที่ตรวจสอบ ไม่ใช่ชื่อคุณโอ๋นะครับ เพราะเขาต้องส่งไปภูมิลำเนาคู่สัญญาเท่านั้น

คู่สัญญาคือหลานเขย?
พชร : นั่นล่ะครับ สามารถตรวจสอบหลักฐานเอกสารได้ครับ

คำถามแรกที่คุณโอ๋ตั้งว่าทำไมถึงยกเลิก มีการขายไปทำสัญญาใหม่กับคุณหญิง ไทม์ไลน์ก็เป็นแบบนี้?
พชร : ระหว่างนี้คุณหญิงเป็นลูกค้าธนาคาร และผ่อนชำระปกติครับ

ไม่โอนบ้านให้คุณโอ๋ เนื่องจากคุณโอ๋ผิดเงื่อนไข?
โอ๋ : ที่ผอ.บอกว่านัดให้โอนภายใน 30 วัน เราไม่เห็นเอกสารนะคะ ไม่มีสาขาแจ้ง ตอนนี้กำลังโทรติดต่อคุณชิตพล คุณชิตพลยืนยันว่าไม่ได้เห็นเอกสารพวกนี้

พชร : เรามีพยานหลักฐานทั้งหมดนะครับ สามารถมาตรวจสอบได้ที่ธนาคาร มีเอกสารเซ็นรับครับ การแจ้ง แจ้งไปรษณีย์ตอบรับทุกราย และต้องรับมาที่ธนาคารนะครับเราถึงดำเนินการขั้นต่อไป คือบอกเลิกสัญญาและริบเงินได้

คุณโอ๋บอกมีทำหนังสือร้องเรียนไปที่สำนักงานใหญ่และแบงก์ชาติ?
พชร : แบงก์ชาติผมไม่ทราบครับ แต่วันนั้นที่มา มาเขียนคำร้อง ประมาณเดือนเม.ย.ครับ

ทนายแก้ว : เขาร้องเรียนว่าพนักงานมีส่วนเอื้อในการทุจริต

พชร : ผมไม่ได้ทราบเรื่องนี้ครับ

เต็มดวง : คุณโอ๋มีทั้งบุคคลภายนอกและตัวท่านเองที่มาทำสัญญากับแบงก์ ทางผู้บริหารเราพร้อมตรวจสอบอยู่แล้ว เพราะเรายึดถือเรื่องความสุจริตของพนักงานเป็นที่ตั้งอยู่แล้วครับ

โอ๋ : เคสชิตพลและโอ๋ ถ้าผอ.บอกว่าแจ้งกับทางชิตพลแล้ว หรือส่งเอกสารมา ของโอ๋ล่ะคะ เอกสารที่ส่งนัดโอนบ้าน 4 หลัง ที่โอ๋ทำเรื่องขอ อยู่ไหนคะ

เต็มดวง : เนื่องจากคุณโอ๋มีข้อเท็จจริงเป็นหลายกรณี อันนี้เป็นรายการสด คู่กรณีที่ออกมา เราก็เลยเตรียมข้อมูลในส่วนคู่กรณีก่อน ส่วนอื่นถ้าจะตรวจสอบกับธนาคาร ธนาคารยินดีเสมอครับ

โอ๋ : บ้านหลังนี้เป็นบ้านของโอ๋ค่ะ ทรัพย์สินยังอยู่ในบ้านนะคะ แต่มีคนเข้าไปอยู่ โดยธนาคารไปขายให้บุคคลภายนอก โอ๋อยากได้ทรัพย์สินที่อยู่ในบ้านหลังนี้

เต็มดวง : คุณโอ๋ส่งเอกสารรายละเอียดมา เราพร้อมดำเนินการให้ครับ

ผู้เสียหายที่ติดธอส.อยู่จะแก้ไขอย่างไร?
เต็มดวง : เรียนพี่หมวยนะครับ วันนี้เราเหมือนคนกลาง เราให้ความเห็นใจผู้เสียหายเป็นอย่างยิ่ง ถ้าถามคุณหญิง มีการผ่อนดาวน์กับเราจะครบปีแล้ว ส่วนคุณโอ๋ก็ต้องดูแล แต่ขอรายละเอียดอย่างที่คุณโอ๋บอกว่ามี 4 หลัง ส่งรายละเอียดเข้ามา ทางเราพร้อมช่วยเหลือดำเนินการอยู่แล้ว ธนาคารเราถือเรื่องความถูกต้อง ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว

จะไปดูสาขาที่หัวหินบ้างมั้ย?
เต็มดวง : มีเจ้าหน้าที่ลงไปแล้ว พรุ่งนี้ผมจะลงไปดูรายละเอียดด้วยตัวเอง ถ้าคุณโอ๋ต้องการพบผม พรุ่งนี้มานัดกันก็ได้ เราไปเจอกันที่สาขาหัวหินก็ได้

ถ้าซื้อบ้านจาก ธอส. เราสามารถซื้อแบบคุณโอ๋ ออกมาเป็นสิบหลังได้เลยเหรอ?
เต็มดวง : ธอส.มีผลิตภัณฑ์หลายอย่าง ส่วนที่เป็นประเด็นในรายการ คือการขายทรัพย์ NPA อย่างกรณีคุณหญิงเป็นกรณีปกติทั่วไป ที่สถาบันการเงินหรือหน่วยงานอย่างอื่น เขามีคนมาซื้อและขายไป แต่ถ้าเราฟังในประเด็นคุณหญิง อาจเกิดจากกระบวนการ หรือมีอะไรขัดข้องผิดพลาด ซึ่งธนาคารมีการลงไปดูแลให้ทั้งคู่สัญญา กระบวนการซื้อเรามีทั้งขายตรง คือขายทรัพย์ เอาเงินมาปิดเลย แล้วโอน ของคุณหญิงเป็นการขายผ่อนดาวน์ เรามีการให้ผ่อน 12-48 เดือน แล้วแต่เงื่อนไขโปรโมชั่นแต่ละอย่างของเรา ตัวผ่อนไม่เสียดอกเบี้ยด้วย อย่างลูกค้าอยากมีบ้าน เรามีทรัพย์ทั่วประเทศ ทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯ และมีอยู่ทุกจังหวัด เรามีบ้านมือสองคุณภาพดี ราคาถูก ทำให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย ผมขอแนะนำคนมีรายได้น้อย หรือสนใจ หันมาธอส. สามารถเข้าไปดูทรัพย์ได้เลย เราพร้อมให้บริการ

ผอ.จะพูดอะไรถึงจดหมายที่ออกมาเมื่อวานนี้หน่อยมั้ย?
เต็มดวง : ขอขอบคุณทั้งสองฝ่าย ทั้งคุณหญิงและคุณโอ๋ ที่มาออกรายการ ทำให้สังคมเราตื่นตัวเรื่องนี้ ทำให้คนมีความรู้ มีความสามารถผ่อนชำระได้ ส่วนจดหมายที่เราออกมาเมื่อวาน ก็เป็นตามเนื้อความ มีการยกเลิกสัญญาไปแล้ว ช่วยเหลือเยียวยาลูกค้าโดยให้มาทำสัญญาใหม่ เป็นระเบียบที่ถูกต้องกับทางธนาคาร ทางคุณหญิงมีการปรับความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ธนาคารแล้ว ไม่ทราบคุณหญิงพอจะพูดได้มั้ยว่าเราช่วยเหลือยังไง

หญิง : ก่อนอื่นต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่และผู้ใหญ่ทุกๆ ท่าน ที่สำนักงานใหญ่ ธอส. ที่เมตตาหญิง ทำให้หญิงได้บ้านหลังนี้ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงคือเขตที่เกษียณไปแล้ว พี่ผู้หญิงเกษียณไปแล้ว พี่สองท่านนี้ช่วยหญิงสุดความสามารถ ประสานงานธอส.สำนักงานหัวหิน ให้พี่ๆ ทางนั้นประสานงานให้หญิงได้บ้านหลังนี้มา ผ่อนตรงกับธนาคารโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในระยะ 1 ปี ถ้าจะเป็นความกรุณาอย่างสูง หญิงขอเพิ่มอีก 1 ปีนะคะ โดยไม่เสียดอก

ทนายแก้ว : เดี๋ยวๆ ใจเย็น (หัวเราะ)

เต็มดวง : ที่ออกเทปแรกคุณหญิงเข้าใจแล้วนะครับ ไม่ได้มีพฤติการณ์แบบนั้น ก็ขอบคุณรายการด้วยที่ให้ธนาคารเข้ามาชี้แจง ก็ยังยืนยันว่าธนาคารธอส.พร้อมเป็นที่พึ่งประชาชน ทำให้คนไทยมีบ้านครับ

“หมอ” ผู้เสียหายอยากพูด?
หมอ : ผมเคสสุราษฎร์ฯ ผมสงสัยว่าเราเข้าอยู่บ้านช่วงปลายปี 63 โดยคนทำสัญญากับทางธนาคาร ทำสัญญาตั้งแต่ 27 ส.ค. 63 แต่หมดสัญญา 27 ก.ค.65 เท่ากับรวม 24 งวด แต่ไม่มีธนาคารมาแจ้งเราเลย ว่าบ้านเป็นของธนาคาร ไม่มีการติดป้ายหน้าบ้านว่าทรัพย์เป็นของธนาคาร

เต็มดวง : กระบวนการดำเนินการ เนื่องจากเราเอื้อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย เราก็ต้องทำตามขั้นตอน ก็อาจใช้เวลานิดนึง ของพี่หมอขอตรวจข้อเท็จจริงก่อนเดี๋ยวเราประสานงานกัน ของพี่หมอก็ประสบปัญหาเหมือนพี่หญิง แบงก์ก็ช่วยให้ประมูลได้ ตอนนี้ทำสัญญาและเริ่มผ่อนกับเราแล้ว แต่ข้อเท็จจริงอื่น ขออนุญาตไปตรวจสอบก่อน เดี๋ยวตอบไปไม่ถูกต้อง ธนาคารเราช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว

หมอ : ผมสงสัยทำไมใช้เวลาดำเนินการ 35 เดือนครับ บ้านหมดสัญญาตั้งแต่ 27 ก.ค.65

เต็มดวง : เดี๋ยวขอตรวจสอบและแจ้งประสานไปที่พี่หมอโดยตรง ธนาคารก็เหมือนคนที่อยู่ตรงกลางครับ

หมอ : เดี๋ยวไปเจอที่หัวหินก็ได้ครับ

ทนายโจ้ : ในฐานะที่ได้ข้อมูลจากโอ๋มา กรณีแบบโอ๋ สามารถนำสัญญาตัวนี้ให้บุคคลอื่นได้มั้ย

เต็มดวง : หลักข้อกฎหมาย พี่โจ้ก็น่าจะทราบอยู่แล้ว

ทนายโจ้ : โอ๋ไม่ได้ผิดอะไรใช่มั้ยครับ การที่โอ๋ทำสัญญากับธนาคาร โอ๋มีสิทธิ์นำบ้านไปให้บุคคลอื่น ขายให้บุคคลอื่นต่อได้ใช่มั้ย

เต็มดวง : ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึงวิธีการทั้งหมด เป็นวิธีการที่เราขาย เพราะเคสคุณโอ๋เป็นการซื้อโดยบุคคลภายนอก คุณชนิดาภา ไม่ใช่คู่สัญญากับธนาคาร

ทนายโจ้ : ผมเปลี่ยนคำถามใหม่ ถ้าโอ๋เป็นคู่สัญญา เขาสามารถทำได้ ถูกมั้ย
เต็มดวง : ทำไม่ได้ครับ ธนาคารไม่สนับสนุน ไม่มีนโยบายอย่างนั้นครับ

ทนายแก้ว : คุณเอาไปขายต่อไม่ได้

ทนายโจ้ : มีเงื่อนไขในสัญญาระบุไว้แบบนั้นใช่มั้ยครับ ว่าห้ามนำไปขาย ถ้าทำไม่ได้ เราป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดอีก

โอ๋ : ถ้างั้นนายทุนหลายคนซื้อทรัพย์จากธนาคารไปขายต่อให้คนอื่นได้ยังไงคะ

เต็มดวง : อันนั้นอาจจะเป็นคนละข้อเท็จจริง ของคุณโอ๋มีหลายเคสไงครับ เราถึงบอกว่าขอให้เราดูก่อนได้มั้ย เราจะได้แจ้งรายละเอียด อย่างสองรายที่เรารู้เพราะลูกบ้านยกมาโชว์เท่านั้นเอง

โอ๋ : พรุ่งนี้ขอทรัพย์สินคืนด้วยนะคะ

พรุ่งนี้ผู้เสียหายจะไปพบทั้งสองท่านที่หัวหิน ต่อสายหา “นายทุน” คุณโอ๋เอาบ้านที่เขาผ่อนไปจำนองกับนายทุน นายทุนจะมายึดบ้านเขาแล้ว?
ทนายแก้ว : ไม่ได้อย่างนั้นอย่างนี้ การไปถามให้เขาตอบว่าผิดหรือไม่ผิด เขาตอบไม่ได้หรอกครับ

ทนายโจ้ : โทษทีครับ

ทนายแก้ว : เจตนามันแล้วแต่ ต้องดูตัวลูกค้าเขารู้หรือเปล่า ถามทุกท่านอย่างนี้ ถ้ารู้ว่าบ้านติดจำนอง จะเข้าไปทำสัญญามั้ย
ออย : ไม่ค่ะ

ทนายแก้ว : ถ้าผมรู้ ผมก็ไม่เข้าไปทำ

“คุณรุ่ง” คือนายทุนที่คุณโอ๋เอาบ้านไปจำนอง รู้จักคุณโอ๋ สนิทกันขนาดไหน?
รุ่ง : ผมไม่ได้สนิทสนมหรือรู้จักเขาเป็นการส่วนตัวพิเศษอะไร คุณโอ๋เป็นลูกค้าท่านนึง ผมรู้จักมา 4-5 ปี รู้จักเพราะมีนายหน้าแนะนำมาให้คุณโอ๋มารู้จักกับผม พอเรารู้จักกันปุ๊บก็มีการทำสัญญาจำนองกันหลังแรก เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว พอทำจำนองไปสักระยะ คุณโอ๋มีบ้านมาให้ผมประเมินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แรกๆ 1-2 หลัง เราก็รับให้ เพราะทรัพย์ที่มันได้ ราคาเราตีให้อยู่ประมาณครึ่งนึงอยู่แล้ว ในการจำนองทั่วไป เริ่มแรกทำกันมา แกก็ส่งมาโดยตลอด เขาเอาบ้านมาเพิ่มขึ้น หลังที่สอง ที่สาม กระบวนการเขา เขามีการปิดด้วยครับ อย่างเอามาเข้า 3 หลัง เขาก็ปิดหลังนึง ผมก็ถามเขาว่าเขาทำธุรกิจอะไร เขาบอกมีอาชีพรีโนเวตบ้านขาย วิธีการปิดคือเขาให้ลูกค้าไปกู้แบงก์ แล้วนัดผมไปสำนักงานที่ดินเพื่อปิด เราก็จบกันไป ทำแบบนี้ได้สัก 3-4 ปี ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือปีที่แล้วเขาไม่ได้ส่งดอกเบี้ย และไม่มีบ้านมาเข้าเพิ่ม พอไม่มีบ้านมาเข้าเพิ่มเขาก็ไม่มีเงินทุนไปปิดหลังเก่าๆ เวลาเขาเอาบ้านมาเข้าเพิ่ม เขาจะได้เงินไปเพิ่มก้อนนึง เขาจะเอาก้อนนี้ไปปิดดอกเบี้ยหลังเก่าๆ ที่ค้างอยู่ พูดง่ายๆ คือไม่ได้มีเงินลงทุนก้อนใหม่ จะใช้วิธีเอาบ้านหมุนเวียนอยู่อย่างนี้ ใช้โฉนดแปลงใหม่มาปิดแปลงเก่า วนไปอย่างนี้ ถึงเห็นว่าจำนวนบ้านมันเยอะ 8 หลัง ณ ตอนนี้อยู่กับผม 8 หลัง อยู่หัวหิน 4 หลัง อ่างทอง 4 หลัง พอเป็นแบบนี้เรื่อยๆ เมื่อปีที่แล้ว 67 เขาไม่มีบ้านมาเข้า และมีค้างดอกเบี้ยของเก่า ผมก็เริ่มทวงถามทำไมไม่มาส่งดอกเลย เขาบอกว่าอยู่ระหว่างเดินบัญชีให้ลูกค้า อยู่ระหว่างปิดแบงก์เพื่อเอาเงินมาจ่ายผม แต่ระยะเวลาล่วงเลยจนถึงต้นปี 68 น้องนิวเลขาคุณโอ๋ ผมรู้จักน้องนิวเพราะเวลาไปทำจำนอง คุณโอ๋จะส่งน้องนิวเข้ามาทุกครั้ง น้องนิวโทรมาแจ้งผมช่วงต้นปี 68 ว่าตอนนี้น้องนิวลาออกแล้วนะ ธุรกิจเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องลูกค้าไม่ส่งดอกบ้าง ผมก็จำไม่ค่อยได้ชัดเจนเท่าไหร่ตอนนั้น ก็เลยตัดสินใจว่าน่าจะต้องฟ้องเพื่อบังคับจำนองแล้ว เพราะยอดค้างค่อนข้างเยอะแล้ว จำนวน 8 หลัง ระหว่างฟ้อง ผมก็ขอเบอร์กับน้องนิวด้วย เบอร์ลูกค้าที่อยู่แต่ละหลัง น้องนิวแจ้งว่ามีลูกค้าอยู่ในบ้านเหล่านั้นด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ผมไม่ทราบว่าเขาทำอาชีพอะไรกันแน่ ผมเพิ่งมาทราบจากน้องนิวว่าเขามีการเก็บเงินค่าบ้านจากลูกค้ามา ก็เลยเข้าใจว่าทำไมคุณเก็บมาแล้วไม่มาจ่ายผมล่ะ เราคิดดอกเบี้ยต่ำกว่ากฎหมายกำหนดอีกนะครับ ผมคิดดอกเบี้ยเขาร้อยละบาทต่อเดือน เพราะทำกันมานาน รวมจำนวนบ้านที่ทำกันมาตกเกือบ 20 หลังได้ ที่เขาชี้แจงว่าบ้านที่ปิดธนาคาร เขาใช้วิธีเอาเงินของเราไปปิด

โอ๋ : ทุกหลังเลยเหรอว่าเอาเงินคุณไป เอาเข้าของคุณวิโรจน์ไม่กี่หลังเองนะคะ เพื่อให้มีการทำธุรกิจร่วม ทุกหลังเหรอที่เอาเข้าคุณวิโรจน์ บ้านหลังนึงกำไร 1 ล้าน ให้คุณวิโรจน์เท่าไหร่

รุ่ง : ผมไม่ได้แจ้งว่าทุกหลังนะครับ ผมแจ้งว่าบางหลัง

ตอนนี้ 8 หลัง คดีถึงไหนแล้ว?
รุ่ง : คดีได้พิพากษาไปทั้งหมด 8 หลังแล้วครับ วันขึ้นศาลคุณโอ๋ก็ไม่ได้มา ผมก็เจตนามาพูดคุยกับเขาว่าเราจะหาทางออกกันยังไง เพื่อให้จบสวยที่สุด อีกอย่างลูกค้าไม่ได้รู้เห็นกระบวนการตรงนี้ด้วย แต่ที่ผมไปแจ้งลูกค้า ผมมองว่าถ้าไม่แจ้ง ความเสียหายมันจะเยอะกว่านี้ ถ้าโดนบังคับคดีไปแล้ว ลูกค้าก็ต้องส่งคุณโอ๋ไปเรื่อยๆ ความเสียหายจะสูงขึ้นเรื่อยๆ วันที่ผมไปซื้อจากกรมบังคับคดี ก็จะเป็นเจ้าของคนใหม่ วันนั้นลูกค้าเขาจะรับได้ยังไง ในเมื่อสุดท้ายเขาไม่ได้บ้าน

ยอดรวม 8 หลังคุณวิโรจน์ ทั้งหมดกี่ล้าน?
รุ่ง : น่าจะ 10 กว่าล้านครับ

โอ๋ : คุณวิโรจน์รู้มั้ยทำไมถึงไม่จ่าย คุณวิโรจน์ลองไปดูสัญญาจำนองกับเงินที่ได้รับมาจริงค่ะ ถ้าคุณวิโรจน์ไม่หักเหลี่ยม คุณวิโรจน์ก็ยังได้เงินเหมือนเดิม

รุ่ง : ขอโทษนะ คุณใช้คำว่าหักเหลี่ยมไม่ได้ เพราะเราคุยกันชัดเจนว่ามีค่าอะไร

โอ๋ : แชตมีค่ะ

รุ่ง : ไม่ต้องเปิดแชตครับ ผมเล่าให้ฟังได้เลยว่ามีค่าอะไรบ้าง หนึ่งค่าดำเนินการ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ผมคิดร้อยละ 5 เปอร์เซ็นต์ของวงเงิน ปัจจุบันผมลดให้คุณเหลือ 2 เปอร์เซ็นต์ของวงเงิน ค่าดำเนินการคือค่าปากถุง หรือค่าธรรมเนียมที่ธนาคารเรียกเก็บในวงเงินที่ลูกค้ากู้แบงก์ ธนาคารเรียกเก็บ 2-3 เปอร์เซ็นต์ก็แล้วแต่มันก็แนวทางเดียวกันครับ สองดอกเบี้ย เราตกลงกันว่าหลังคุณมากู้แล้ว คุณจะจ่ายดอกเบี้ยให้ผมล่วงหน้า 2-3 เดือนแล้วแต่ตกลงในแต่ละเคส ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นที่คุณพูดว่าได้เงินไม่ตรงกับสัญญาจำนอง มันไม่แปลกครับ เพราะทุกเคสในประเทศนี้ คุณทำแบบนี้เหมือนกันหมดครับ

โอ๋ : คุณวิโรจน์เอาสัญญาอีกฉบับมาให้เซ็น และทำสัญญาโดยเพิ่มวงเงินเอง ตอนนี้กำลังอุทธรณ์อยู่ค่ะ ฟ้องกลับเรื่องรับเงินกับจำนองไม่ตรงกัน อยู่ระหว่างดำเนินการ ทำไมถึงไม่จ่าย เพราะคุณวิโรจน์แจ้งว่าเงินที่เราจ่ายไปมียอดค้าง ทั้งที่เราจ่ายคุณไปแล้ว มีใบเสร็จ คุณบอกว่าฉันเอาลูกน้องไปกักขังลูกน้องคุณ ไม่เคยค่ะ

รุ่ง : อันนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องที่คุยกันวันนี้ครับ และไม่มีด้วยครับ

โอ๋ : มันหักกันตั้งแต่ตอนนั้นค่ะ ตอนนี้ที่ไม่จ่ายเพราะการหักและคุณขาดผลประโยชน์คุณเลยมารวมตัวลูกบ้านไม่ให้มาจ่ายค่าบ้านกับเรา เพราะคุณเสียผลประโยชน์ไง ในบ้านหลังนี้คุณไม่ได้ถือกรรมสิทธิ์

รุ่ง : ขอโทษนะครับ คุณลองคุยกับลูกบ้านว่าใครเป็นคนรวมตัว ผมไม่เคยเรียกร้องผลประโยชน์จากลูกบ้านครับ

โอ๋ : มีแชต มีคลิปเสียงค่ะ คุณบอกลูกบ้านว่าเก็บเงินไว้นะ เดี๋ยวมาจ่ายค่าบ้านกับคุณ

รุ่ง : ถ้าคลิปนี้ ผมจะอธิบายว่าถ้ามีการบังคับคดีแล้วผมซื้อบ้านได้ ลูกบ้านสามารถมาทำสัญญากับผมได้ครับ คลิปเสียงที่คุณโอ๋พูดผมไม่ปฏิเสธว่าผมพูด แต่ผมบอกลูกบ้านว่าเมื่อมีการขายทอดตลาดแล้ว ให้ลูกบ้านติดต่อกับผมโดยตรงได้เลย เพราะผมซื้อบ้านถูกต้องตามกฎหมาย

โอ๋ : เพราะคุณรู้ไงว่าจำนองกับคุณเท่าไหร่ ลูกค้าซื้อกับเราเท่าไหร่

รุ่ง : ถ้ากรณีผมซื้อบ้านจากกรมบังคับคดีได้แล้ว เราก็สามารถให้ลูกบ้านมาผ่อนกับผมได้ แต่ตอนนี้ผมไม่ใช่เจ้าของที่ดินแท้จริงโดยสมบูรณ์ มันยังเป็นกรรมสิทธิ์คุณโอ๋อยู่ ผมไม่เคยเรียกร้องให้ลูกบ้านมาผ่อนกับผมโดยตรงนะครับ คุณสามารถคุยกับลูกบ้านได้ทุกคนเลยว่า ผมติดต่อลูกบ้านทุกคนด้วยสาเหตุอะไร

โอ๋ : มีคลิปเสียงค่ะ

8 หลังมีแนวทางเยียวยาลูกค้ายังไง?
โอ๋ : ไม่ๆ 8 หลังลูกค้าพร้อมปิดเมื่อไหร่ก็ปิดได้ เราไม่ได้คิดจะเอาบ้านหลังนี้ให้กับใคร มันยังเป็นบ้านของเราอยู่

ทนายแก้ว : ไม่เข้าใจ

โอ๋ : ที่ไม่จ่ายวิโรจน์ เพราะคุณเล่นตุกติกกับเรา

ทนายแก้ว : แล้วเกี่ยวอะไรกับลูกค้า

โอ๋ : ไม่เกี่ยวกับลูกค้าค่ะ พูดง่ายๆ คุณไม่ผ่อนสัญญาก็สิ้นสุด แต่เหตุคือในระหว่างเรากับวิโรจน์ วิโรจน์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ เราจะปิดเมื่อไหร่ก็ได้

รุ่ง : แล้วทำไมถึงไม่ไปศาลล่ะครับ

โอ๋ : เราไม่ได้ปิดยอดที่คุณแจ้งมา

รุ่ง : ทำไมไม่ไปศาลล่ะครับ ถ้าคุณไปศาลก็คุยกันได้ไงครับ

ทนายแก้ว : ทำไมมาพูดนอกศาล หนูมีเวทีสิทธิ์พูด ทำไมไม่ไปชี้แจงตรงนั้น

โอ๋ : วันนั้นให้ทนายเตรียมเอกสารแล้วค่ะ ให้ทนายทำเรื่องอุทธรณ์เรื่องราคา

รุ่ง : เตรียมเอกสารแล้วทำไมไม่มาล่ะครับ ในเมื่อศาลก็นัดเป็นเดือนๆ

ทนายโจ้ : ผมเห็นหมายศาลคุณวิโรจน์ทั้ง 4 คดี ผมก็เซ็นใบแต่งทนายแล้ว เตรียมจะเข้าไป เจตนาคือไปเจรจาขอผ่อนชำระ เพราะพูดได้เลยว่าไม่มีทางสู้คุณวิโรจน์ได้แน่นอน เอกสารมันชัดเจน ผมแนะนำไปให้ผ่อนชำระกัน และดูแลลูกค้ากัน แต่โอ๋ไม่ได้มาว่าจ้างให้ผมทำ ผมเลยไม่ได้เข้าไปในคดี วันสุดท้ายก่อนขึ้นศาลผมถามว่าจะเอายังไง จะให้ทนายขึ้นไปมั้ย โอ๋เขาตัดสินใจไม่ใช้ทนายทำคดี ก็เลยไม่ได้ทำให้

ตอนนี้บังคับคดีแล้ว?
รุ่ง : ตอนนี้รอกระบวนการให้ถึงระยะเวลาก่อนครับ

ทนายโจ้ : เรื่องอุทธรณ์ที่โอ๋เข้าใจ มันยังไม่มี ผมไม่ได้เป็นทนาย ก็เลยไม่ทราบ

ทนายสายหยุดว่าไง?
ทนายสายหยุด : ผมเข้าใจพี่วิโรจน์ ปากถุงคือนายหน้าค่าติดต่อ คุณไปกู้เขาแจ้งอยู่แล้วคุณต้องโดนหัก แล้วคุณโอ๋มืออาชีพเขาเสียขนาดนี้ เขารับไม่เต็มหรอก ค่าดำเนินการ ค่าจดทะเบียน ค่าหน้าม้า ค่าสารพัด สุดท้ายรับไม่เต็มอยู่แล้ว แต่เขาไปจำนอง แล้วโดนยึด เขาจะรับผิดชอบคนซื้อยังไง คุณวิโรจน์บอกว่าเขาซื้อกลับมาได้ เขาใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าหนี้จำนอง เปอร์เซ็นต์ที่เขาจะซื้อกลับมาได้สูง ก็บอกน้องๆ ว่าเก็บเงินเถอะ ไม่ต้องผ่อนโอ๋แล้ว เพราะผมยึดแล้ว เดี๋ยวมาซื้อกับผมดีกว่า ผมว่านายทุนเขาไม่ได้ผิดอะไร นายทุนเขาปล่อยเพราะต้องการผลประโยชน์และดอกเบี้ย เท่านั้นเองครับ นายทุนเขาไม่ได้ไปร่วมทุนหรอก ออกกู้ธรรมดา ส่วนแบ่งกันให้มากให้น้อย ให้กำไร ก็เป็นข้อตกลงต่างหาก

โอ๋ : ถ้าไม่ได้ร่วมทุนจะไม่มีการจำนองแบบนี้ค่ะ เวลาจำนองกับเขา จะจำนองแค่เดือนสองเดือนในสัญญาทุกอย่างมีค่ะ หลังโฉนดมีบอกว่าเอาเงินคุณวิโรจน์มาแค่เดือนเดียว สองเดือน สิ่งที่คุณวิโรจน์ได้กลับไปเท่าไหร่ ในนี้มีบอกหมดค่ะ

ทนายสายหยุด : ก็คือค่าตอบแทนพิเศษ

รุ่ง : 4 ปีที่แล้วเป็นแบบนั้นครับ แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่ครับ

โอ๋ : ปัจจุบันที่ไม่จ่ายคุณวิโรจน์รู้ดีค่ะว่าเพราะอะไร

ถ้าคุณวิโรจน์รู้ว่าบ้านขายคนอื่นไปแล้ว จะรับจำนองจากคุณโอ๋มั้ย?
รุ่ง : ไม่มีทางแน่นอนครับ เพราะที่ทำกับเขา ผมเข้าใจมาตลอดว่าเขาแค่รีโนเวตบ้านแล้วขายทิ้ง เอากำไรแค่นั้นครับ ผมไม่รู้ว่าเขามีการให้ลูกบ้านมาอยู่ในบ้าน แล้วเก็บค่าบ้านทุกเดือน มีใครอยากฟ้องแล้วไปทะเลาะกับลูกบ้าน ผมก็ต้องไปทำเรื่องขับไล่อีกนะ แล้วกี่หลัง ผมต้องฟ้องขับไล่ทุกหลังเลยเหรอ

แล้วลูกบ้านจะทำยังไง?
รุ่ง : อย่างที่ผมได้กล่าวไป ผมได้ประสานลูกบ้านในแต่ละหลังแล้ว ที่มีคนอยู่ว่าให้เก็บเงินเอาไว้ กรณีผมซื้อได้ ผมจะให้เขามาคุยกับผมว่าเขาจะผ่อนยังไง หรือจะอยู่ยังไงต่อก็ค่อยว่ากัน เพราะตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปตรงนี้เลย แต่ถ้ากรณีผมซื้อไม่ได้ ความเดือดร้อนจะตกอยู่กับลูกบ้านนะครับ

คุณโอ๋จะมีส่วนร่วมรับผิดชอบอะไรมั้ย เพราะคุณบอกว่าถ้าหยุดส่งก็ผิดสัญญาแล้ว?
ทนายสายหยุด : แก้ปัญหาตรงนี้ง่ายมาก ถ้าโอ๋ยอมโอนกรรมสิทธิ์ให้คุณวิโรจน์ คุณวิโรจน์ไปจดจำนองกับคนผ่อน ทุกอย่างจบหมด

โอ๋ : เป็นไปไม่ได้ค่ะ

ทนายสายหยุด : ก็โอ๋ไม่โอนไง พอโอ๋ไม่โอนก็เข้าสู่การขายทอด ควบคุมอะไรไม่ได้เลย

ทำไมถึงไม่โอน?
โอ๋ : เงินที่จำนองกับวิโรจน์และเงินที่ลูกค้าขาย

ทนายสายหยุด : ถ้าบังคับคดีขายทอด คุณจะได้อะไร

โอ๋ : เงินที่จำนองกับวิโรจน์ กับราคาบ้านที่ขายให้ลูกค้าคนละราคานะคะ

ทนายสายหยุด : ไม่สิ เอที่เขาฟ้อง แล้วมีคำพิพากษาแล้วสิ อย่ากลับไปพูดนอกเรื่อง เอาที่เขาบังคับคดีแล้วสิ จะขายทอดแล้ว ถ้าคุณยอมโอนให้วิโรจน์ วิโรจน์ไปขายคนอยู่มันก็จบ เอาเคสบายเคส เอาที่เขาฟ้องแล้วสิ

โอ๋ : คุณวิโรจน์ยอมซื้อในราคาที่คุณวิโรจน์ฟ้องมั้ย

รุ่ง : เรื่องราคาที่ผมตีให้โอ๋ เป็นราคาที่สูงกว่านายทุนทั่วไปตี อย่างสมมติบ้านเขาขาย 2.5 ล้าน หลังของน้องท็อป ผมตีให้เขา 1.7 ล้าน ถามว่าแล้วโอ๋จะสู้ผมในบังคับคดีได้มั้ยครับ คุณกล้ายกให้ถึง 1.7 ล้านมั้ยครับ

โอ๋ : 1.7 ล้านที่ไหน 1.6 ล้าน

รุ่ง : คุณกล้ายกสู้กับผมมั้ยล่ะ

ทนายสายหยุด : ไม่ต้องไปเถียงกับเขาหรอก ศาลพิพากษาเท่าไหนก็เท่านั้นแหละครับ ถ้าจะเปิดใจคุยกัน มาเล่นแง่มันไม่จบหรอก ดอกเบี้ยมันไหลไม่หยุด มันไหลไปเรื่อยๆ

รุ่ง : ที่ผมจะบอกคือบ้านแต่ละหลัง ตีราคาค่อนข้างสูง กรมบังคับคดีเขาเปิดเขาคิดตามราคาประเมินจากสิ่งปลูกสร้าง ฉะนั้นราคาประเมินที่บังคับคดีเปิดจะต่ำกว่าราคาที่ผมรับแน่นอน สมมติที่ผมบอกว่าผมรับบ้านน้องท็อปไป 1.7 ล้าน ราคากรมบังคับคดีเปิด ผมว่าอย่างมากไม่เกิน 1 ล้านบาท ถ้าโอ๋บอกว่าจะไปยกไม้สู้กับผม ผมก็จะยกไปเรื่อยๆ จนถึง 1.7 ล้าน ผมก็จะถามต่อว่าโอ๋จะซื้อได้มั้ยครับ

จะโอนกรรมสิทธิ์ให้คุณวิโรจน์มั้ย?
โอ๋ : ถ้าคุณวิโรจน์ยอมรับในราคาที่คุณฟ้อง ถ้าฟ้องมา 1.7 ล้าน ถ้าคุณวิโรจน์รับในราคา 1.7 ล้าน ก็ให้ค่ะ

รุ่ง : ผมยอมรับในราคาที่ผมอนุมัติเงินคุณไปครับ

ทนายสายหยุด : ต้องฟังคนซื้อด้วยสิ เงินคนซื้อที่ผ่อนไปแล้วล่ะ เขาหักกับใคร ต้องคุยกันสามคน ถ้าโอ๋จะเอาส่วนต่างคนเดียว แล้วคนผ่อนเขาไม่ตายเหรอ พูดงี้ไม่จบหรอก

กัน : คุณโอ๋บอกว่าถ้าไม่ผ่อน 3 เดือนคุณจะยกเลิกสัญญาคุณโอ๋รักษาสิทธิ์คุณโอ๋ แล้วสิทธิ์พวกเราที่นั่งอยู่ตรงนี้ ที่ผ่อนให้คุณโอ๋ไปแล้ว แล้วเราไม่ได้บ้านล่ะคะ คุณโอ๋จะรับผิดชอบยังไง

โอ : ถ้าปลายทางมันไม่ได้ สมมติชื่อเป็นของคุณวิโรจน์ เป็นของนายทุน แล้ว 5.6 แสนของผมล่ะ

โอ๋ : ถ้าไม่ผ่อนก็ยกเลิกค่ะ ถ้าผ่อนไปต่อ ในวันที่บ้านเป็นชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่ชื่อโอ๋ สามารถไปฟ้องเอาได้เลย

โอ : อ๋อ ผมค่อยไปฟ้องเอาเหรอครับ โอ้โหยยย

ทนายแก้ว : แล้วเขาจะมั่นใจได้ยังไงล่ะครับ

โอ๋ : ถ้าไม่มั่นใจก็ไม่ต้องผ่อน ก็แค่นั้น

แต่ไม่ผ่อนคุณก็ถือว่าเขาผิดสัญญา เขาไม่ได้ 5.6 แสนคืนด้วย?
กัน : พวกเราทุกคนผ่อนตรงทุกคนเลยนะคะ ไม่มีขาดส่งแม้แต่ครั้งเดียว คุณโอ๋รับเงินเต็มจำนวนทุกเดือน

โอ : ถ้าผมผ่อนไปต่อ ผมอยากได้เงินคืนก็ฟ้องเอา

พี่สายหยุดยังไงดี?
ทนายสายหยุด : ปลายเหตุถ้าเขาไม่เปิดใจก็แก้ปัญหาไม่ได้หรอก นายทุนเขารอแก้ปัญหาให้อยู่แล้ว

น้องนิว ลูกจ้างคุณโอ๋?
ทนายสายหยุด : ไปทำธุรกรรม นิติกรรมแทน และไปโรงพักแทนด้วย

นิว : หนูเข้าทำงานก.ค.66 หนูเข้ามาทำหน้าที่บัญชี แต่หนูไม่ได้ทำบัญชี ช่วงแรกหนูได้ไปชงน้ำร้านกาแฟ พอพนักงานอีกคนออกไป หนูมารับช่วงต่อ ก็จะทันช่วงพี่หญิง ของพี่หญิงหนูเป็นคนเอาเอกสารไปเดินเรื่องเองค่ะ แต่ก็ตามที่พี่โอ๋ได้โพสต์ ธนาคารแจ้งมาว่า ภาระหนี้สินพี่หญิงยังไม่ได้ พี่หญิงเลยขอยืมพี่โอ๋ 6 แสน มันคือการแก้ปัญหาที่จะกู้ต่อไปค่ะ พี่โอ๋บอกว่าถ้ามีอะไรให้บอกโอ๋ ถ้าสมมติต้องให้ปิดอะไร พี่หญิงปรึกษาหนู หนูได้ไปบอกพี่โอ๋ค่ะ สุดท้ายพี่หญิงก็ไม่ได้กู้

หญิง : เคส 6 แสน ก่อนหน้านี้มีน้องเบส พนักงานคนเก่าที่หญิงดีลอยู่ มาน้องนิวรับช่วงต่อน้องเบส ปัญหาเคสหญิงมีภาระหนี้เยอะ หญิงมีเงินติดตัวอยู่ 2 แสน หญิงจะเอา 2 แสนไปปิดภาระหนี้ แต่เงินไม่พอ หญิงอยากได้บ้านแล้ว ยื่นระยะเวลามานานมากแล้ว น้องเบสกับน้องนิวก็ได้บอกหญิงว่าลองขอคุณโอ๋ดีมั้ย คุณโอ๋มีกรณีเอาเงินส่วนตัวไปปิดหนี้ต่างๆ ปิดบัตรเครดิตต่างๆ พอกู้บ้านได้ก็เอาเงินสดมาคืนเขา หญิงก็เลยปรึกษาสามี จะลองทำแบบนี้ดีมั้ย เพราะตอนนั้นหญิงโดนโกงเงินส่วนตัวทางบ้าน ก็มีการพิมพ์ข้อความไปที่น้องนิว ว่าเป็นไปได้มั้ยถ้าคุณโอ่จะปิดหนี้บัตรหรือรถให้ 6 แสน น้องนิวบอกขอปรึกษาพี่โอ๋ให้ เพราะพี่โอ๋ทำแบบนี้กับลูกค้าทุกเคส หลังจากนั้นไม่ได้มีการคุยต่อ เพราะหนูก็มีเงินของหนูอยู่แล้ว ไม่เคยไปขอยืมใดๆ ทั้งสิ้น แต่คุณโอ๋เอาไปลงประกาศในเฟซส่วนตัวหน้าเพจของเขา มีคนคอมเมนต์ค่อนข้างเยอะ ว่าหญิงหลอกให้คุณโอ๋มาปิดหนี้ให้ ซึ่งไม่เป็นความจริงเลยค่ะ

โอ๋ : พูดในไหนคะ ใครป็นคนพิมพ์

หญิง : เป็นหน้าเฟซคุณโอ๋ค่ะ

ทนายแก้ว : นิวทำหน้าที่อะไรให้คุณโอ๋

นิว : นิวทำทุกอย่างค่ะ ชงน้ำที่คาเฟ่ ทำกับข้าว พาลูกค้ายื่นกู้ ดูรายละเอียดในร้าน จะเป็นหนูทุกอย่าง

ทนายแก้ว : เวลาเอาสัญญาให้ลูกค้าเซ็นก็เป็นหนู ได้แนบโฉนดมั้ย

นิว : โฉนดบางหลังมีค่ะ บางหลังมีแค่หน้าแรก แต่ส่วนใหญ่ไม่มีค่ะ ถ้ามีหนูต้องให้ลูกค้า

หมอ : ผมทำสัญญา 63 ได้โฉนดหน้าแรก 65

โอ๋ : งั้นเท่ากับนิวเป็นคนทำเองนะ เพราะพี่โอ๋ไม่เคยบอกนิวว่าส่งโฉนดให้ลูกค้าแค่ด้านหน้า

นิว : ใช่ค่ะ เพราะทนายได้บอกตร.ไปแล้วว่าหนูทำเอกสารโดยพี่โอ๋ไม่รู้เรื่อง แต่เป็นไปไม่ได้ค่ะ มีอะไรหนูส่งในไลน์ให้พี่โอ๋ตลอด แล้วมาเกิดเรื่องบ้านฝรั่งจะฟ้องหนู

ทนายสายหยุด : บ้านฝรั่ง ไม่รู้คุณโอ๋จะเถียงยังไงนะ ผมก็ว่าผมแจ๋วนะ ตามคุณโอ๋ไม่ค่อยทัน บ้านฝรั่งฝากลงเว็บขาย ให้น้องลงเว็บขาย วันเดียว ฝรั่งขอเช่าซื้อเลย ไทม์ไลน์น้องขายได้วันที่ 2 ก.พ.68 ฝรั่งขอเช่าซื้อเลย คุณโอ๋อยู่ในบ้านนั้นในฐานะอะไรไม่รู้หรอก คุณโอ๋อยู่เองในนั้นเลย แต่ตัวเองไม่ใช่เจ้าของนะ จากนั้น17 มี.ค. 68 ให้น้องนิวรับมอบอำนาจลูกจ้างในออฟฟิศไปประมูลบ้านที่ธนาคาร จะคล้ายๆ คุณออยแล้วนะ วันนั้นมีลูกค้าธอส.ไปประมูลเหมือนกัน ไปร้องเรียนธนาคารว่านิวประมูลได้ไง เอาบ้านธนาคารไปประกาศขาย ตั้งแต่ยังไมได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ธนาคารยุติการประมูล ตอนนี้ฝรั่งก็ผ่อนอยู่ เอาเงินให้โอ๋ไปแล้ว ฝรั่งไม่มีสิทธิ์ได้กรรมสิทธิ์บ้านแล้วเป็นแสน น้องกำลังโดนดำเนินคดีอยู่ ให้เขาตอบเรื่องนี้ก่อน กำลังไคลแม็กซ์ อยากรู้เขาตอบยังไง

โอ๋ : อันนี้ไม่รู้นะ

ทนายสายหยุด : ไม่รู้ไง เขาโอนเงินเข้าบัญชีเซเว่นให้คุณ คุณก็ขนข้าวขนของออก ให้ฝรั่งมาอยู่

โอ๋ : ฝรั่งไหน ไม่ใช่แล้ว

ทนายสายหยุด : บ้านหลังนี้คุณอยู่ก่อนแล้วให้เขาไปขายจริงมั้ย

โอ๋ : งั้นธนาคารต้องมาเป็นคนตอบค่ะ ธนาคารจะมาตอบให้

ทนายสายหยุด : คุณอยู่ในฐานะอะไรก่อน ไม่ใช่เจ้าของ ไปขายได้ไง

ผู้เสียหาย : บ้านหลังที่ว่าอยู่ติดกับบ้านผม น้องนิวเข้าไปทำเอกสาร ทุกอย่างที่คุณพูดกับฝรั่งคุณจำได้มั้ย ผมจะไม่ทำอะไร ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับน้องและฝรั่ง คุณรับเงินเขาไปแสนหก ถูกต้องมั้ย

โอ๋ : นายหน้าได้เท่าไหร่ หักไปด้วยนะ

ทนายสายหยุด : คุณมีสิทธิ์อะไรเอาของเขาไปขาย

โอ๋ : บ้านหลังนี้เป็นของเรา อยู่ในช่วงระหว่างดำเนินการ งั้นธนาคารต้องมาตอบด้วย

ทนายสายหยุด : ธนาคารเปิดประมูล 17 มี.ค. แล้วเขาไม่ให้คุณประมูล คุณให้เด็กเอาไปขายได้ไง วันที่ 2 ก.พ.

.ผู้เสียหาย : บ้านหลังนี้มีหลายเรื่องนะ ใช้ให้ผมไปจ่ายค่าน้ำ แต่ไปตรวจแล้วไม่มีการจ่ายค่าน้ำ เจ้าหน้าที่ให้ผมกลับไปดูมิเตอร์ว่ายังอยู่มั้ย มิเตอร์ยังอยู่แต่ไม่มีในสารบบ

โอ๋ : แล้วมันเกี่ยวอะไร

ผู้เสียหาย : ผมอยากรู้ว่าคุณอยู่มานานหรือยัง เพราะคุณบอกว่าเป็นบ้านของคุณ

โอ๋ : สัญญาซื้อขายก็มีค่ะ ไม่งั้นจะเข้าไปอยู่ได้ไง ถ้าไม่ได้ซื้อบ้าน

ทนายสายหยุด : วันที่ 2 ก.พ. คุณให้น้องเขาไปขาย ในฐานะอะไร

โอ๋ : ไม่ได้ขายค่ะ ให้เช่าค่ะ

ทนายสายหยุด : ให้เช่าเดือนละกี่บาท

โอ๋ : เดือนละ 1.5 หมื่น

ทนายสายหยุด : ของไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของคุณ คุณเอาไปให้เขาเช่าได้ยังไง

โอ๋ : อย่างที่บอกเป็นบ้านของเราตั้งแต่แรก

ทนายสายหยุด : บ้านของคุณ ทำไม 17 มี.ค. ธนาคารเอาออกมาประมูล

โอ๋ : ธนาคารก็ต้องมาตอบค่ะ

ทนายสายหยุด : เขาตอบแล้ว คุณผิดสัญญาบ้าง ให้น้องเขยมาซื้อบ้าง

โอ๋ : หลังนี้ยังไม่ได้ตอบค่ะ ธนาคารบอกว่าหลังนี้ไม่ได้ตอบ

ทนายสายหยุด : ธนาคารผิดทั้งหมด คุณไม่ผิดอะไรเลย

โอ๋ : เราไม่ได้พูดว่าธนาคารผิดนะ ไม่มีคำไหนบอกว่าธนาคารผิด

ทนายสายหยุด : ก็ผมถามว่าคุณเอาให้เขาเช่าในฐานะอะไร คุณไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์

ทนายแก้ว : นิวตัดสินใจออกจากโอ๋เพราะอะไร

นิว : ที่หนูออก เพราะหนูได้ไปประมูลบ้าน 17 มี.ค. หนูต้องไปรับหน้าแทน มีคนที่สนใจเขาร้องเรียนหนู และส่งหลักฐานให้ธนาคารดู ทุกคนรุมหนูหมดเลย เขารออยู่ข้างล่าง นั่งอยู่ในรถ หนูลงไปบอกเขา เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร

ทนายสายหยุด : เหมือนวันนี้เหรอที่ไม่ได้รู้สึกอะไร

นิว : หนูไม่ได้เสียผลประโยชน์ เพราะหนูไม่ได้อะไร ถ้าได้ก็ค่าน้ำมัน ค่าดำเนินการ 2 พัน หนูขี่รถไปนี่แหละค่ะ บ้านที่เป็นล้านหลังนึง ที่อยู่อีกซอยนึง พี่เขาโดนเอเยนต์ไล่ออก บ้านหลังนั้นหลุดเหมือนกัน หนูต้องพาลูกค้าไปหาบ้านใหม่ พอหาบ้านใหม่ลูกค้าต้องการต่อเติม ความหนักใจมันอยู่ที่หนู จนพี่โอ๋ได้ทักมาว่าหนูว่าทำไมหนูต้องเอาเรื่องในบริษัทพูดโน่นนี่นั่น แต่หนูไม่เคยพูดค่ะ

โอ๋ : นิวพูดให้จบด้วยนะ บ้านหลังนั้นพี่โอ๋ซื้อให้ลูกบ้านเองใช่มั้ย เงินทั้งหมดเป็นเงินพี่โอ๋เองใช่มั้ย

นิว : หนูออกมาเพราะหนูอึดอัดที่ต้องมารับผิดชอบอะไรแบบนี้ พี่โอ๋พูดเองว่าพี่โอ๋จะมีลูกน้องทำไม นิวทำงานให้ใคร หนูก็ต้องช่วยลูกค้า เพราะลูกค้าบ้านไม่มี แต่อันนี้พี่โอ๋เขารับผิดชอบไปแล้ว ลูกค้ายอมความ ไม่ได้อะไร หนูตัดสินใจออก เมื่อสงกรานต์นี้ค่ะ

ทำไมวันนี้ตัดสินใจติดต่อโหนกระแสมาให้ข้อมูล?
นิว : หนูไม่ได้อยากโดนคดีค่ะพี่หมวย เพราะว่าลูกค้าช่วงแรกเขาคิดว่าหนูรู้เห็นด้วย หนูก็ไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ว่าหนูไม่ได้เกี่ยวข้อง ลูกค้าโทรมาหาหนูเรื่อยๆ เราเลยได้พูดคุยและรวมตัวกันค่ะ

ทนายแก้ว : พูดทางออกเลยแล้วกัน พรุ่งนี้ธนาคารสำนักงานใหญ่จะเดินทางไป โอ๋กับลูกบ้านทั้งหมด ไปเจอที่หัวหิน ตกลงไม่ได้ก็ไปแจ้งความดำเนินคดี คุณจะมีข้อต่อสู้ยังไงแล้แต่ทนายโจ้

ทนายโจ้ : ผมยังไม่ได้เป็นทนายให้โอ๋นะ เดี๋ยวผมโดนอีก เรื่องพวกนี้ผมรับข้อเท็จจริงก่อน ขอสรุปก่อน

โอ๋จะทำยังไงกับลูกบ้าน?
โอ๋ : ถ้าประเด็นไหนที่โอ๋ผิดกับลูกบ้าน โอ๋รับผิดชอบ ถ้าประเด็นไหนโอ๋ไม่ผิด โอ๋ไม่รับผิดชอบ แค่นั้น

เคสที่จำนองกับนายทุน จะจัดการยังไง?
โอ๋ : ถ้าสมมติว่าบ้านเป็นของคนอื่นแล้ว ที่ไม่ใช่เรา เรารับผิดชอบลูกค้า

โอ : รับผิดชอบยังไงบ้างครับ

โอ๋ : ถ้ากรรมสิทธิ์บ้านที่เป็นของเราเขาไม่จ่าย สัญญาก็ยกเลิก

โอ : ผมหมายถึงของคุณจะรับผิดชอบยังไงก่อน

ท็อป : ขอแย้งครับ ผมคุยกับผอ.สคบ. เขาบอกว่าผมมีสิทธิ์ไม่จ่ายได้ครับ เพราะมีคำฟ้องศาลมา ผมมีสิทธิ์ระงับการจ่ายครับ ผมก็ทำตามที่ผอ.สคบ.แนะนำครับ

โอ๋ : อันนั้นก็ทำตามสิทธิ์ค่ะ

หมอ : ที่คุณไม่ทำสัญญาผ่านตรงกับธนาคาร เพราะคุณทำพฤติกรรมแบบนี้บ่อยๆ แล้วเขาแบล็กลิสต์คุณใช่มั้ย

โอ๋ : ไม่นะ ต้องไปถามธนาคาร ที่ซื้อบ้านอยู่ทุกวันนี้ ติดแบล็กลิสต์เหรอ ธนาคารต้องเป็นคนตอบ ไม่ใช่เราตอบ

หมอ : แล้วหมดสัญญากับบ้านผมไป กับนายทุน อีก 34 งวด คุณเอาเงินผมไปทำอะไร งวดละ 1.4 หมื่น

โอ๋ : อันนั้นต้องไปถามคนที่ทำสัญญากับคุณ คุณติดต่อเขาอยู่ ก็ไปถามเขา คุณรู้ดีใครทำสัญญากับคุณ

หมอ : ผมทราบครับ

โอ๋ : คุณไปถามเลยค่ะ เคสบายเคสค่ะ

ออย : แต่เงินโอนเข้าบัญชีคุณนะคะ

โอ๋ : บัญชีร่วมค่ะ ไปคุยกับเขาค่ะ

หมอ : โห คุณเปิดบัญชีร่วม แต่ 56 งวด เข้าบัญชีร่วมแค่งวดเดียวครับ

อยากบอกอะไรโอ๋?
หญิง : ยังอยากได้เงินคืนทุกบาททุกสตางค์ที่คุณโอ๋เอาของหญิงไป

ออย : หนูก็เหมือนกันค่ะ ที่จ่ายคุณโอ๋ไป

กัน : เช่นกันค่ะ อยากได้เงินคืน

หมอ : เหมือนกันครับ

โอ : เหมือนกันครับ

ทุกคนอยากได้เงินคืน ทนายสายหยุด มีอะไรจะทิ้งท้าย?
ทนายสายหยุด : คนซื้อบ้านหรือทำธุรกิจแบบคุณโอ๋ ก็ให้ดูคุณโอ๋เป็นตัวอย่างไว้ บางทีเราคิดว่าเราไปไหว แต่ไปไม่ไหว คนเดือดร้อนหมด แล้วมาเลี่ยงบาลีว่าให้ฝรั่งเช่า ฝรั่งเขาจะซื้อนั่นแหละ เพียงแต่เราไม่มีปัญญาเอาโฉนดไปขาย บอกให้เช่าไปก่อน ใครบ้าจะมาเช่าบ้านที 4-5 หมื่น มัดจำล่วงหน้า มันไม่มีหรอก เลี่ยงบาลีเลี่ยงได้หมดแต่ดูเจตนาก่อน สุดท้ายล้มขึ้นมาเป็นโดมิโน่แบบนี้ จะฉ้อโกงประชาชนไหนมั้ยล่ะ พยานมานั่งอยู่ตรงนี้ว่าบอกให้เขาไปขาย ก็ยังพูดว่าเช่า แชตก็มีว่าขายครับ

คุณโอ๋อยากบอกอะไรกับผู้เสียหาย?
โอ๋ : บ้านที่ว่าเอาไปขาย สัญญามีนะคะ ไม่ได้ขาย ให้ฝรั่งเช่า เพราะเป็นบ้านของเรา เราให้เช่า



























กำลังโหลดความคิดเห็น