เรียกได้ว่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นต้นแบบเบื้องหลังความสำเร็จนางงามไทยมาช้านานทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่นางงามจักรวาลคนแรกของไทย จนมาถึงปัจจุบัน ผ่านแฟชั่นและความงามอันทรงคุณค่า จากที่พระองค์เคยใช้แฟชั่นสื่อสารเชื่อมสัมพันธไมตรีทางการทูตเพื่อเผยแพร่ความเป็นไทยให้ผู้คนทั่วโลกหันมามองพลังของผู้หญิงไทยว่าเป็นพลังแห่งการสื่อสารที่นุ่มนวล เป็นเอกลักษณ์ที่ชวนจดจำและประทับใจ
จากแฟชั่นการทูตของพระราชินี พระองค์ทรงมองเห็นว่านางงามจะเป็นผู้สืบบทบาทนั้นบนเวทีโลก
พระองค์ทรงส่งต่อต้นแบบความเป็นผู้หญิงที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่างดงามที่สุดในโลกทั้งรูปโฉม แฟชั่น และพระจริยวัตร แก่สาวไทยผู้เข้าประกวดเวทีโลก เพื่อต่อยอดการสืบสารศิลปวัฒนธรรมและความเป็นไทยที่งดงามให้ทั่วโลกได้มองเห็น
พระพันปีหลวงผู้ทรงเป็นเบื้องหลังความงามของ “อาภัสรา หงสกุล” นางงามจักรวาลคนแรกของไทย
ย้อนกลับไปเมื่อ 25 ก.ค. 1965 อาภัสรา หงสกุล ได้รับตำแหน่ง Miss Universe 1965 ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ถือเป็นครั้งแรกที่สาวไทยสามารถคว้ามงกุฎระดับจักรวาลมาครองได้ ซึ่งเบื้องหลังความงามและความสำเร็จ เต็มไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ก่อนเดินทางไปประกวดพระองค์ทรงเรียก อาภัสรา เข้าเฝ้า ทรงแนะนำบุคลิก ออกแบบทรงผม ด้วยพระองค์เอง 3 แบบ คือ แบบผมสำหรับแต่งชุดไทยกลางวัน , แบบผมสำหรับแต่งชุดไทยราตรี และ แบบผมสำหรับแต่งชุดราตรีสากล โดยแต่ละแบบ ทรงออกแบบให้เหมาะสมกับรูปหน้า และบุคลิกของเธออย่างงดงามลงตัว เพื่อใช้ในการประกวด
และโปรดให้สวมซิ่นผ้าไหมสันกำแพง จนกลายเป็นซิ่นอาภัสราที่โลกจำจด สะท้อนพระวิสัยทัศน์ว่านางงามคือทูตวัฒนธรรม ที่สื่อสาร ส่งต่อความเป็นไทยด้วยรอยยิ้มและเสื้อผ้า ในครั้งนั้นอาภัสรา ให้สัมภาษณ์ไว้กับนิตยสารเดลี่-สเก้ทช์ (Daily Sketch) ว่า “ดิฉันเป็นหนี้พระบารมีของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถโดยแท้ จึงได้รับความสำเร็จสูงเกียรติครั้งนี้ พระองค์ท่านทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้า และมีพระกระแสรับสั่งให้ดิฉันเดินไปเดินมาให้ทอดพระเนตร และมั่นพระทัยว่าดิฉันเดินได้สง่างาม ซ้ำยังมีพระกระแสรับสั่งต่อไปอีกว่า ให้ดิฉันเปลี่ยนทรงผมใหม่ จะได้ดูสวยงามขึ้น”
“ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์” กับตำนานรักเด็ก จากความสวยสู่โครงการเพื่อสังคม
จากแนวคิดแบบเดียวกันกับ อาภัสรา ต่อยอดสู่ชุดไทยพระราชนิยมชุดไทยจักรีประยุกต์สีม่วงเม็ดมะปรางบนเวทีนางงามระดับโลก ทำให้ “ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซมอน“ คว้านางงามจักรวาลคนที่ 2 ของคนไทย และปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ยังคว้ารางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ปี1988 อีกด้วย
และที่มากไปกว่านั้น ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ ยังผลักดันโครงการสำหรับเด็ก ช่วยเหลือด้านสุขภาพ การศึกษาและการสนับสนุนทางสังคม หวังให้พวกเขาเหล่านั้นนำความรู้กลับไปพัฒนาท้องถิ่นของตนเองในอนาคต จนหลายเป็นตำนาน ปุ๋ย รักเด็กเบื้องหลังของทั้งหมดล้วนมาจากคำแนะนำของสมเด็จพระพันปีหลวงทั้งสิ้น และโครงการของปุ๋ยได้ต่อยอดเป็นมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในประเทศไทยผ่านโครงการต่างๆ จนถึงปัจจุบัน
ปุ๋ย พรทิพย์ เผยความรู้สึกว่า… “พระองค์คือวีรสตรีในชีวิตของข้าพเจ้า พระองค์ทรงมองเห็นสิ่งดีที่สุดในตัวข้าพเจ้า พระองค์จึงทรงได้รับการขนานนามว่า แม่ของแผ่นดิน ทรงอุทิศพระองค์เพื่อสังคมและการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยตลอดพระชนม์ชีพ การก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในปี พ.ศ. 2519 ของพระองค์ ได้ฟื้นฟูอุตสาหกรรมผ้าไหมไทย สร้างรายได้ให้กับครอบครัวในชนบท และส่งเสริมงานหัตถศิลป์ไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
ข้าพเจ้าจะขอจดจำพระเมตตาและแบบอย่างของพระองค์ไว้ในใจตลอดไป เป็นตัวแทนแห่งวัฒนธรรมและความงามอันแท้จริงของความเป็นไทย”
“โอปอล สุชาตา” สืบสานและต่อยอดงามอย่างทรงคุณค่า
ในช่วงเวลาที่วงการนางงามไทยเผชิญสภาวะหลงทาง กลับมีแสงสว่างเล็กๆ วิ่งทวนกระแสและจุดประกายคุณค่าของผู้หญิงไทยอีกครั้ง ภาพของ โอปอล สุชาตา ช่วงศรี ทำให้คนไทยหลายคนเห็นภาพซ้อน หวนนึกถึง สมเด็จพระพันปีหลวงสมัยสาวๆ ด้วยโครงหน้าและรอยยิ้มหวานละมุนแบบมีคลาส เป็นที่สะดุดตา จับใจตั้งแต่แรกเห็น
โอปอลเองยอมรับพระพันปีหลวงคือต้นแบบของตัวเธอ ทั้งในฐานะนางงามและสตรีไทย โอปอลนำชุดฉลองพระองค์หลายชุดมาเป็นแรงบันดาลใจ ใส่ออกงานทั้งขณะประกวดและดำรงตำแน่ง มิสเวิลด์ ทั้งยังสืบสานต่อการความเป็นนักการทูตของพระองค์ เป็นต้นแบบในการนำแนวคิดของพระองค์มาปรับใช้กับตัวเองและส่งต่อแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่น ให้ได้เห็นถึงความงามที่จริงและมีคุณค่า
รวมถึงโครงการ โอปอล for her ที่กำลังทำอยู่ในช่วง ดำรงตำแหน่ง Miss World 2025 ที่รณรงค์ให้ความรู้เรื่อง มะเร็งเต้านม และสนับสนุนการตรวจคัดกรองฟรีสำหรับผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ก็เป็นโครงการที่ต่อยอดมาจาก สมเด็จพระพันปีหลวง ที่เปิดศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ เพื่อโรคมะเร็งเต้านม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะผู้หญิง เป็นที่พึ่งสำหรับผู้หญิงที่กำลังเผชิญกับโรคร้าย
ความเป็นไทยสู่สากลแม้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่จุดร่วม ล้วนพูดถึงสิ่งเดียวกัน มีผู้เป็นแรงบันดาลใจคนเดียวกัน นอกจาก 3 นางงามไทยที่ประสบความสำเร็จบนเวทีโลกแล้ว สมเด็จพระพันปีหลวงท่านยังได้รับการยกย่องเป็นอินฟลูเอนเซอร์สตาร์ไอดอล โดยเฉพาะวงการนางงามไทย จะเห็นได้ว่าชุดฉลองพระองค์ท่านถูกนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับนางงามไทยมาตลอด พระองค์ทรงเป็นแฟชั่นนิสต้าร์ตัวจริง ทรงประยุกต์ผ้าไทยเข้าได้กับทุกลุคและไม่มีตกเทรนด์ แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงนำสมัยอยู่
                                                                            
                    

