“บุ๋ม ปนัดดา” ยกในหลวงรัชกาลที่ ๙ และ สมเด็จพระพันปีหลวง เป็นต้นแบบของการทำความดี เปิดโรงครัวแจกอาหารและน้ำดื่ม บริเวณข้างศาลหลักเมือง ให้ประชาชนที่เข้าถวายสักการะพระฉายาลักษณ์ “พระพันปีหลวง” เผยเป็นความตั้งใจอยากทำถวาย ไม่ขอรับเงินบริจาค แต่ขอเป็นข้าวสารอาหารแห้ง แก๊สหุงต้ม หรือข้าวกล่องแทน เผยข้อบังคับข้อ 39 หากมูลนิธิฯ ล้มเลิก ยกทุกอย่างให้สภากาชาดไทยเพราะพระองค์ทรงเป็นนายกฯ สภากาชาดไทย มั่นใจไม่ทิ้งหนี้สินให้เป็นภาระแน่นอน
เป็นอีกหนึ่งคนดังในวงการบันเทิงที่ทำความดีเพื่อสังคมมาตลอด สำหรับพิธีกรชื่อดัง “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี”โดยวันนี้ (27 ต.ค.2568) เจ้าตัวได้เผยถึงความตั้งใจในการตั้งโรงครัวมูลนิธิองค์กรทำดี เพื่อแจกอาหาร และน้ำดื่มให้กับประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง โดยบุ๋มได้ตั้งโรงครัวบริเวณข้างศาลหลักเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทุกคน
ซึ่งหลังจากบุ๋มให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเสร็จ ได้เดินข้ามถนนไปฝั่งสนามหลวง เพื่อพูดคุยกับประชาชนที่มารอเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปในการพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา แต่ทุกคนก็ไม่ย่อท้อ ต่างปักหลักรอไม่ไปไหน แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีที่มีในหัวใจ
“เราได้รับสมญานามว่าโรงครัวเพื่อชาติอยู่แล้วค่ะ ไม่ว่าจะเกิดความเดือดร้อนกรณีไหนก็ตาม เราก็จะเป็นโรงครัวแรกๆ ในการดูแลรับใช้พี่น้องประชาชน แล้วก็เจ้าหน้าที่ทุกๆ ท่านค่ะ เราก็ได้รับการอนุญาตจากสำนักพระราชวังค่ะ ระบุพื้นที่มาว่าเอาเป็นตรงไหนยังไง เราก็ได้รับเกียรติให้อยู่ในจุดที่ใกล้จุดลงทะเบียน สำหรับพี่น้องประชาชน ที่อาจจะมาจากต่างจังหวัดไกลๆ มาเข้าคิวยาวๆ ก็จะมีที่เราเตรียมไว้เป็นข้าวง่ายๆ แล้วก็ในส่วนของน้ำดื่ม ตรงนี้เดี๋ยวจะมีป้ายขึ้นให้ด้วยนะคะ แต่จุดที่เราอยู่ คือมาทางศาลหลักเมืองค่ะ ถ้าหันหน้าเข้าศาลหลักเมืองจะอยู่ซ้ายมือค่ะ อยู่ตรงปากซอยใกล้ๆ พื้นที่เข้าแถวเพื่อมาลงนามค่ะ ยังไงก็หาเจอแน่นอนค่ะ”
โรงครัวจะเริ่มวันไหน เดี๋ยวจะอัปเดตอีกที รอประชุมกับสำนักพระราชวังก่อน แต่เบื้องต้นจะแจกเป็นข้าวกล่องกับน้ำ
“จริงๆ โรงครัวองค์กรทำดีเราเริ่มได้ค่ะ เราทำงานกันแทบทุกวันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้เดี๋ยวขอคำสั่งคอมเฟิร์มจากข้างในอีกทีหนึ่ง เพราะเดี๋ยวจะมีการประชุมกับทางสำนักพระราชวัง แล้วก็จะตกลงจุดกันให้เรียบร้อยก่อนค่ะ เดี๋ยวก็จะแจ้งให้ทราบอีกทีหนึ่ง แต่มีโรงครัวตรงนี้แน่นอน เพียงแต่ว่าขออนุญาตบอกอย่างรวดเร็ว ว่าเราจะเป็นข้าวกล่องกับน้ำ
หากประชาชนหรือหน่วยงานเอกชน อยากร่วมบุญ สามารถติดต่อมาได้
“ใครที่อยากจะมาแจม บุ๋มเชื่อว่ามีประชาชน มีเอกชนอยากมาร่วม ก็ขอเป็นข้าวกล่องที่เป็นกล่องมาเลยค่ะ อาจจะไม่ถนัดที่จะมาตั้งเป็นก๋วยเตี๋ยวหรืออะไร เพราะตรงนี้ต้องมีเรื่องของความสะอาดและความสะดวกเรียบร้อย เพราะพื้นที่ค่อนข้างจำกัดและรถจอดเอาของลงยากมาก ดังนั้นขอเป็นข้าวกล่องมาเลย แต่ขอช่วยแจ้งในเพจองค์กรทำดีให้นิดหนึ่ง ว่าอยากมาวันไหน จะได้ไม่ชนกันเยอะ ทีมงานจะได้รับส่งของกันได้สะดวก แล้วบุ๋มต้องลงชื่อ ว่าใครให้อะไรวันไหน เพื่อส่งรายงานกับสำนักพระราชวังด้วย ทุกอย่างต้องเป็นระเบียบเรียบร้อยค่ะ”
เตรียมพร้อมรับมือ กับมวลมหาประชาชนที่จะเข้ามา
“องค์กรทำดีเราพร้อมอยู่แล้วค่ะ ในการรับมือกับมวลมหาประชาชนที่จะเข้ามาตลอดระยะเวลา ตั้งใจไว้ในช่วง 1 เดือนก่อน เดี๋ยวเราจะดูกันอีกที ก็ขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยน และจำนวนคนที่มาด้วยค่ะ เราพร้อมทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะขึ้นเหนือล่องใต้ องค์กรทำดีเราพร้อมทุกที่วันแรกๆ เลยค่ะ”
ส่วนหนึ่งของความตั้งใจ คืออยากทำถวาย “สมเด็จพระพันปีหลวง” ย้ำไม่ขอรับเงิน ขอเป็นข้าวสารอาหารแห้ง หรือเปล่าข้าวกล่องมาเลย
“ตัวบุ๋มเองเคยได้ถวายงานพระองค์ท่านหลายครั้ง ก็เลยเป็นความตั้งใจ ว่าในการทำงานขององค์กรทำดีครั้งนี้ ไม่ขอรับบริจาคเป็นเงินนะคะ เป็นความตั้งใจของตัวบุ๋มเองที่เคยถวายงานท่าน แล้วเราอยากทำเพื่อท่านแต่บุ๋มก็จะโดนแม่ๆ ดุแน่ๆ ที่มาร่วมมือกับบุ๋มหลายครั้ง ว่าไม่ได้นะ แล้วแม่จะช่วยยังไง บุ๋มขอให้แม่ๆ ซื้อเป็นของให้บุ๋มได้ไหมคะ เป็นข้าวสารอาหารแห้ง หรือไข่ไก่ น้ำปลาพริก น้ำมันพืช จะขอบคุณมากๆ เลย บริษัทแก๊สส่งแก๊สมาได้นะคะ พวกเราใช้แก๊สเยอะมาก
ส่วนใครที่เป็นข้าวกล่องมาเลย ก็ขออยู่น้ำดื่มเป็นขวดเล็กๆ แก้วเล็กๆ เพื่อความสะดวกในการส่งและการเก็บ จะได้ไม่ทิ้งกันเรี่ยราดด้วย ก็ไปส่งได้ที่มูลนิธิองค์กรทำดี ตรงรังสิต คลอง 8 เลยนะคะ จะเป็นสำนักงานใหญ่ ก็แจ้งมาได้เราจะได้ลงคิวให้ เพื่อความชัดเจน ข้าวไม่มากองกัน”
คนพร้อมสนับสนุนเยอะมาก ตั้งแต่ยังตั้งครัวไม่เสร็จ
“คือทุกคนสนับสนุนเยอะมากค่ะ เสียงมาก่อนที่ครัวเราจะตั้งเสร็จอีกค่ะ ก็รู้สึกดีใจที่ทุกคนเห็นการทำงานของเราและเชื่อมั่นในการทำงานของเรา ว่าเราเป็นโรงครัวเพื่อชาติของจริง แล้วก็ดีใจที่ทางสำนักพระราชวังเห็นการทำงานของเรามาโดยตลอดด้วยค่ะ ก็ยินดีที่จะเป็นตัวแทนฝั่งประชาชนและเอกชน ในการนำอาหารหรือขนมมาแจกให้กับพี่น้องประชาชนที่หลั่งไหลกันเข้ามาในพื้นที่สนามหลวงด้วยนะคะ”
มีเรื่องอะไรปุ๊บ “บุ๋ม ปนัดดา” มาปั๊บ พร้อมยืนเคียงข้างประชาชน
“ก็เป็นนิสัยของบุ๋มและทีมงานอยู่แล้วค่ะ เราก็เต็มที่กับทุกงานค่ะ เพราะเรารู้ว่าเรายืนเคียงข้างประชาชนมานานมากแล้ว ไม่ว่าจะทุกข์หรืออุทกภัยก็ตาม ในทุกๆ เหตุการณ์จะมีองค์กรทำดีกับปนัดดาอยู่ตรงนั้นนะคะ”
เล่าความประทับใจ เคยถวายงาน “สมเด็จพระพันปีหลวง” หลายครั้ง จำไม่ลืมได้รับคำชม พร้อมลูบหลังมือบอกว่า ‘หนูสวยมากจ้ะ’
“ตั้งแต่เป็นนางสาวไทยค่ะ ตอนนั้นได้ไปเดินแฟชั่นโชว์ที่ประเทศจีน ตรงเซี่ยงไฮ้กับปักกิ่ง แล้วก็มาในประเทศไทยอีกหลายครั้งค่ะ ก็ได้ถวายงานเดินแฟชั่นโชว์ แล้วที่ท่านชมว่าสวยมากจ้ะ คือตอนที่อยู่ที่จีนค่ะ แล้วท่านก็เสด็จพระราชดําเนินขึ้นรถพระที่นั่งไปแล้ว แล้วจู่ๆ ท่านก็เสด็จกลับมา ซึ่งแถวแตกไปแล้วค่ะ แต่ท่านมามองเรา แล้วก็บอกว่าหนูนางสาวไทยใช่ไหมจ๊ะ เราก็เลยบอกว่าใช่เพคะ แล้วท่านก็จับมือค่ะ จับมือแล้วลูบหลังมือ บอกว่าหนูสวยมากจ้ะ คำว่าพระบารมีคืออะไร คำว่าเข่าอ่อนคืออะไร คือวันนั้นเป็นวันที่สัมผัสได้ ประทับใจมากค่ะ แล้วก็ยังจำสัมผัสของพระองค์ จำรอยยิ้มของพระองค์ท่านได้จนถึงวันนี้
หลังจากนั้นก็เลยได้ไปถวายงานในพระราชวังนะคะ เพราะบางทีพระองค์ท่านก็จะมีดูแลทูตจากต่างประเทศมา แล้วเราก็พอที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ ก็เลยได้มีโอกาสรับใช้พระองค์ท่านถวายงานตรงนั้น ซึ่งสิ่งที่เราเห็นคือท่านทรงงานหนักมากนะคะ เสร็จตี 4 พอ 7 โมงเช้า ท่านตื่นบรรทมแล้วค่ะ มาทรงงานต่อ เราเลยรู้สึกตกใจว่าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทรงทำไมหนักขนาดนี้เลยเหรอ แล้วเราทำไมจะไม่ทำงานให้หนักไม่ได้นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งมั้งคะ ที่ทำให้บุ๋มสู้งานขนาดนี้ ไม่ว่าวันนี้จะทำงานเสร็จดึกแค่ไหนก็ตาม วิ่งไปชายแดนต่อหรือไปลงน้ำท่วมต่อ ทำให้บุ๋มมีพลังใจในการทำงานแบบนี้ค่ะ”
ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และ สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงเป็นต้นแบบของการทำความดี
“ตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ จนถึง พระนางเจ้าสิริกิติ์เป็นต้นแบบของการทำความดีของบุ๋มและเชื่อว่าของอีกหลายๆ คนด้วยค่ะ ท่านทรงดูแลตัวเองดีมาก ไม่ว่าจะลงพื้นที่ในป่าลึกขนาดไหน บุ๋มเองก็เลยจะพยายามดูแลตัวเองอย่างนั้นเช่นเดียวกัน จนหลายคนแซวว่าเข้าป่าต้องหน้าผมเป๊ะขนาดนั้นเลยหรอ อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งจริงๆ นะ บุ๋มว่าบุ๋มมีต้นแบบที่งดงามระดับโลกนะคะ ท่านทรงเป็นไอคอนนิคระดับโลกที่ให้พวกเราเห็นแล้ว ว่าท่านทรงพระสิริโฉมงดงามทุกอิริยาบถทุกสถานที่ ไม่ว่าท่านจะลงไปตอนค่ายศูนย์อพยพ จำได้ใช่ไหมคะ ท่านทรงงดงามทุกอย่างเลย แล้วก็ท่านทรงทำงานเพื่อชนชาวไทยอย่างแท้จริง
อย่างวันนี้ บุ๋มโชคดีได้ทำรายการ สิ่งหนึ่งที่เราถามกันว่า ณ วันนั้นเราช่วยกันทำค่ายอพยพให้กัมพูชาทำไมถูกไหมคะ ท่านทรงให้เหตุผลว่า ถ้าไม่ทำค่ายอพยพในวันนั้น คนกัมพูชาอาจจะเข้ามาในประเทศเรา และทำร้ายคนไทยมากกว่านี้เพราะประเทศไทยเรา ณ วันนั้นไม่ได้มีสงครามเหมือนกับเขา แล้วพอเราฟังเหตุผลนี้ เราก็รู้สึกว่าใช่ ตอนนั้นมาเป็น 2 แสนคน ถือว่าเป็นกองทัพใหญ่มากเลยนะคะ กองทัพที่หิวโหยทรมานบาดเจ็บกันมา ถ้าไม่ทำค่ายอพยพดักไว้ตรงนั้น คนพวกนั้นเขาจะบุกเข้ามามากกว่านี้อีก นี่คือเหตุผลที่ลึกๆ ที่เราไม่เคยได้ยิน ดังนั้นท่านมีพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลมาก อย่างที่เราอาจจะไม่ได้อยู่ ณ ตอนนั้น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากการที่เราได้สัมภาษณ์คนได้ไปเห็นแล้ว เรารู้สึกว่าเราโชคดีมาก ที่ได้เกิดในพื้นแผ่นดินไทยค่ะ”
นับเป็นบุญ เป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ ที่ได้เข้าเฝ้าฯ และได้ถวายการรับใช้พระองค์
“ก็เป็นบุญที่ยิ่งใหญ่สำหรับบุ๋มมากค่ะที่ได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่าน ที่ได้ถวายงานพระองค์ท่าน เป็นบุญที่บุ๋มว่าเป็นเกียรติครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตบุ๋มด้วย โดยเฉพาะการที่ได้กราบพระบาทหลายๆ ครั้ง ท่านทรงแนะนำหลายอย่าง ท่านทรงชมหลายอย่าง จนเรารู้สึกว่าชีวิตของปนัดดาคนนี้โชคดีจังหนอ เลยทำให้เรามีแรงบันดาลใจครั้งสำคัญ ที่จะได้ทำความดีอย่างนี้ตลอดไป แล้วอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งมั้งคะ ที่องค์กรทำดีเรา ถึงยกทุกอย่างให้กับสภากาชาดไทย ที่ท่านทรงเป็นนายกฯ ของสภากาชาดไทยค่ะ”
ยังไม่มีโอกาสได้เล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้กับลูกๆ ฟัง แต่ทุกคนรู้เจตจำนงดี ว่ากำลังทำอะไร
“บุ๋มยังไม่ค่อยได้มีโอกาสค่ะ อย่างที่ทุกคนทราบข่าว ว่าองค์กรทำดีเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 57 แล้วเราจดทะเบียนมานานแล้วแต่กว่าจะได้ก็ 2 ปีกว่า ใช้เวลาในการทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ทุกคนไม่เคยรู้มาก่อนเลยใช่ไหมคะ ว่ามูลนิธิเรา ข้อ 39 คือให้กับสภากาชาดไทย บุ๋มเชื่อว่าจริงๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับเจตจำนงของแต่ละที่มากกว่า และอยู่ในราชกิจจานุเบกษาอยู่แล้ว แต่บุ๋มไม่คิดว่าจะต้องมาถูกเปิดเผยเรื่องแบบนี้ด้วยดรามาหรืออะไรก็ตามแต่
อยากจะบอกว่าเราได้ทำงานร่วมกับสภากาชาดไทยมานานมาก เราเห็นว่านี่คือหน่วยงานรัฐหน่วยงานหนึ่ง ที่เราลงพื้นที่มาตลอดเวลา มีอุทกภัยน้ำท่วมภัยพิบัติอะไรต่างๆ เราก็เลยรู้สึกว่านี่แหละค่ะ ถ้าวันหนึ่งองค์กรทำดีไม่ได้ ก็คือตึกมูลนิธิทุกอย่าง เราก็จะให้สภากาชาดไทยดำเนินการต่อ สามารถเอาไปใช้งานได้เลยค่ะ แล้วก็เป็นเจตจำนงที่ลูกบุญธรรม ลูกๆ ในองค์กรทำดีทุกคนรู้ค่ะ ว่าเรากำลังทำ และจะต้องสร้างให้ดีที่สุด เพราะนี่คือสมบัติของชาติโดยแท้จริงค่ะ”
ได้รับเสียงชื่นชมเยอะมาก ที่ยกทุกอย่างให้สภากาชาดไทย
“ค่ะ เป็นเจตนารมณ์ที่ชัดเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มีหลายคนเขียนว่า เอ๊ะ…งั้นอย่างนี้คำว่าหนี้สิน ก็ต้องทิ้งให้เขาด้วยเหรอ สบายใจได้นะคะ บุ๋มไม่ทิ้งภาระให้คนอื่นแน่นอนค่ะ ที่ดินบุ๋มใช้เงิน ตัวเองซื้อตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะคะ ที่ไปซื้อตรงนั้น เพราะว่าเจ้าของที่ให้เพิ่มอีกหนึ่งไร่ฟรีๆ
และหลวงปู่ศิลาดำริไว้เพิ่มอีกหนึ่งไร่ ตอนไปกราบท่าน ท่านมอบมาให้ 5 หมื่นบาทและอยากจะบอกหลวงปู่ว่าที่ตรงนั้น 2 ล้านกว่านะ (หัวเราะ)อันนี้ขำๆ นะ แต่ว่าด้วยดำริของหลวงปู่ศิลา ที่ตรงนี้ตอนนั้นบุ๋มยังไม่ได้สร้างอะไรเลย แต่หลวงปู่ศิลากลับบอกว่า ที่ตรงนี้จะช่วยคนได้อีกมาก ต้องทำเพิ่มอีกหน่อยหนึ่ง เราก็เลยกลับมาแล้วก็ฮึดทำ
ณ วันนั้นยังเป็นที่ดินเปล่าๆ ซึ่งบุ๋มก็ยังนึกภาพไม่ออก แต่วันนี้ในส่วนโครงสร้างตึกหรืออะไรก็ตาม ทุกอย่างวันหนึ่งก็จะเป็นศูนย์ต้านภัยพิบัติให้กับสภากาชาดไทยได้แน่นอน บุ๋มวางระบบไว้ทุกอย่างแล้วค่ะ แล้วก็ไม่มีหนี้สินเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ”


