xs
xsm
sm
md
lg

Curious Tales of a Temple ปลุกผีจีนโบราณให้ตื่นด้วยอนิเมชันสุดล้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา



ในบรรดาเรื่องราวภูตผีปีศาจและสิ่งเหนือธรรมชาติของจีน ไม่มีผลงานชิ้นใดที่ทรงอิทธิพลและเป็นที่รู้จักเท่ากับ “เหลียวไจซืออี้” หรือ “เรื่องประหลาดจากห้องหนังสือ” ของปูซงหลิง นักเขียนสมัยราชวงศ์ชิง ผู้รังสรรค์โลกอันน่าพิศวงซึ่งหลอมรวมความเป็นมนุษย์และอมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง และตอนนี้ ความมหัศจรรย์เหล่านั้นได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งในรูปแบบภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องเยี่ยมอย่าง Curious Tales of a Temple หรือ “เรื่องพิศวงตำนานลึกลับ” ซึ่งมิใช่เพียงการเล่าเรื่องซ้ำ แต่เป็นการตีความใหม่ที่เต็มไปด้วยจินตนาการและศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์

ภายใต้การรังสรรค์ของ Light Chaser Animation สตูดิโอที่เคยฝากผลงานอันน่าทึ่งไว้แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องผ่านกรอบโครงสร้างที่น่าสนใจ โดยเริ่มต้นจากฉากในบ่อน้ำโบราณ ณ “วัดหลานรั่ว” อันลึกลับ ที่ซึ่งชายหนุ่มผู้มาเยือนได้พบกับสองวิญญาณที่บังคับให้เขาต้องฟังเรื่องเล่าของพวกตน และในทางกลับกัน เขาก็ได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวเวทมนตร์ของเขาด้วย โครงสร้างการเล่าแบบรวมเรื่อง (Anthology) นี้ ได้ร้อยเรียงตำนานคลาสสิกของปูซงหลิงเข้าด้วยกันหลายเรื่อง ซึ่งแต่ละเรื่องต่างมุ่งสำรวจแก่นแท้ของอารมณ์มนุษย์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ความโลภ ความจริงใจ ความรักในห้วงแห่งความสับสน ความภักดีในชีวิตสมรส ไปจนถึงความรักที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ของชีวิตและความตาย


หัวใจหลักของภาพยนตร์อยู่ที่การสำรวจ “หัวใจมนุษย์” ผ่านโลกแห่งภูตผีปีศาจ ซึ่งเรื่องเล่าที่ถูกนำมาตีความใหม่ ได้แก่ เรื่องราวอันเป็นที่คุ้นเคยอย่าง Painted Skin ตำนานปีศาจที่ใช้ผิวหนังมนุษย์ที่แต่งแต้มสีสันปกปิดความกระหายที่จะกินหัวใจมนุษย์ สะท้อนถึงการหลอกลวงและความอันตรายของการหลงเชื่อเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก

นอกจากนี้ ยังมี Nie Xiaoqian (เนี่ยเสี่ยวเชี่ยน) เรื่องราวความรักอันน่าสะเทือนใจระหว่างปีศาจสาวที่ถูกปีศาจร้ายกักขังและบัณฑิตผู้ทรงคุณธรรมอย่างหนิงไฉ่เฉิน ที่แม้จะโรแมนติกแต่ก็ขมขื่น ท่ามกลางฉากหลังของสงครามและยุคสมัยที่ผันผวน สะท้อนถึงความไร้อำนาจของปัจเจกชนต่อกระแสธารของยุคสมัย ส่วนเรื่องราวที่เบาที่สุดในบรรดาทั้งหมดคือ Princess Lotus (องค์หญิงดอกบัว) ที่ติดตามจิตรกรวัยรุ่นกับการผจญภัยในอาณาจักรผึ้ง


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นอย่างแท้จริงคือมิติทางด้านศิลปะและเทคนิคอนิเมชันที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ทีมผู้สร้างได้ใช้รูปแบบศิลปะที่หลากหลายและสร้างสรรค์ในการตีความตำนานแต่ละบท เพื่อมอบประสบการณ์โสตทัศน์ที่สดใหม่

ตัวอย่างเช่น ในบท The Master of Laoshan (นักพรตเต๋าจากเขาเหลาซาน) ซึ่งเล่าถึงชายผู้หมกมุ่นกับการเป็นอมตะ จนได้เรียนรู้วิชาเวทมนตร์ทะลุกำแพง ผู้กำกับได้พัฒนาสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือ อนิเมชันพื้นผิวแบบ 'สักหลาด' (felt-textured animation) ที่ให้ภาพดูนุ่มฟูและคลุมเครือ ซึ่งไม่เคยปรากฏบนจอภาพยนตร์จีนมาก่อน การเปลี่ยนฉากยังเลียนแบบกลไกการเลื่อนฉากบนเวที ทำให้เกิดมิติของการแสดงละครที่น่าตื่นตาตื่นใจ ในขณะที่บางบทก็ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพวาดสมัยราชวงศ์ซ่ง เพื่อสื่อถึงสุนทรียศาสตร์และเสน่ห์แบบตะวันออก


ที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือการตีความเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอย่าง Miss Lu (คุณหนูลู่) ซึ่งทีมผู้สร้างได้ปรับให้เรื่องราวดำเนินไปในบริบทที่ร่วมสมัยมากขึ้น เพื่อสื่อถึงความรักอันไม่สิ้นสุดระหว่างบัณฑิตกับหญิงสาวที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น แม้เธอจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ความภักดีอันไม่สั่นคลอนของเขา นำไปสู่การเกิดใหม่ของเธอ และความรักที่ก้าวข้ามผ่านกาลเวลาได้อย่างน่าอัศจรรย์

“เรื่องพิศวงตำนานลึกลับ” ไม่ได้เป็นเพียงภาพยนตร์ที่นำเสนอตำนานเก่าเล่าใหม่ แต่เป็นการแสดงความเคารพต่อปูซงหลิง บรมครูแห่งวรรณกรรมจีนโบราณอย่างมีศิลปะ โดยการผสมผสานงานเขียนคลาสสิกเข้ากับเทคนิคอนิเมชันที่ล้ำสมัย ทำให้เรื่องราวเหล่านี้ยังคงมีความหมายและเข้าถึงผู้ชมยุคใหม่ได้

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงวุฒิภาวะและความคิดสร้างสรรค์ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์อนิเมชันจีนในปัจจุบัน ที่กล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดทางศิลปะและเทคนิค เพื่อร้อยเรียงเรื่องเล่าแห่งอดีตให้กลายเป็นประสบการณ์ทางอารมณ์ที่สมบูรณ์และลึกซึ้ง ซึ่งกระตุ้นให้ผู้ชมได้ใคร่ครวญถึงความรัก ความตาย และศีลธรรมในทุกยุคสมัย ผ่านสายตาที่เปี่ยมด้วยจินตนาการและสีสันอันแพรวพราว













กำลังโหลดความคิดเห็น