“พลอย เฌอมาลย์” แฮปปี้ ได้รับกำลังใจก้อนโตจากครอบครัว เพื่อนๆ ในวงการ และแฟนคลับ ทุกอย่างดีขึ้น หัวเราะ ยิ้มได้ แต่ยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ อยากไปหา “เขื่อน ภัทรดนัย” เพื่อปรับทุกข์และฮีลใจ ลั่นทุกข์สาหัสป่วยมะเร็งเต้านม - ต่อมน้ำเหลือง อยู่รพ.จิตเวช 5-6 วัน คิดว่าจะกลับมาเป็นตัวเองไม่ได้อีกแล้ว พร้อมเผยถึงตัวเอง เคยรักใครแค่ไหน ทำให้ตัวเองบ้างได้ไหม?
หลังจากที่ออกมาเปิดใจว่าตนเองป่วยมะเร็งเต้านมระยะ 2 ลามไปต่อมน้ำเหลือง รักษาอาการพร้อมๆ กับที่ต้องกินยารักษาอาการจิตเวช ถึงขั้นต้องไปอยู่รพ.จิตเวช แต่วันนี้ “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์”กลับมาหัวใจแข็งแรง พร้อมเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ทุกคนได้ฟัง โดยในงานเปิดตัวโครงการ Princess Collection 2025 “Pink Bloom” โดยแบรนด์ SIRIVANNAVARI ร่วมกับ Wacoal ออกคอลเลกชันชุดชั้นในและชุดเลาจน์แวร์ทรงออกแบบ รายได้สนับสนุนต้านภัยมะเร็งเต้านม พลอยเปิดใจถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ยอมรับว่าได้รับกำลังใจก้อนโตจากทุกคน เผยถึงตัวเอง เคยรักใครแค่ไหน รักตัวเองแบบนั้นบ้างได้ไหม
“ก็ผ่านไปแล้ว (หัวเราะ) มันอยู่ในจุดที่ว่าพลอยพร้อมที่จะพูด จริงๆ เรื่องทั้งหมดเกิดเมื่อเดือนก.พ.ปีที่แล้ว พลอยเองก็เผชิญกับมันมาทั้งปี แต่ไม่ได้บอกใคร ไม่ได้พูดกับใครมากนอกจากเพื่อนสนิท เพื่อนสนิทรู้ตอนผ่าตัดเสร็จแล้วด้วยซ้ำ ทุกคนก็เป็นห่วงว่าทำไมไม่บอก พลอยก็เก็บไว้คนเดียว หลายคนก็ไม่ทราบ แต่ ณ วันนี้พลอยพร้อมเป็นกระบอกเสียงให้ทุกคนแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เราต้องไปเกรงกลัวมัน หรือต้องอายที่จะไปตรวจหา อยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพตรงนี้ด้วย เพราะมันสำคัญมากกับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
จริงๆ แล้วพลอยตรวจครั้งแรกเป็นก้อนเนื้อ หมอบอกว่าไม่เป็นอะไร ต้องฟอลโลว์อัปนะ ผิดที่พลอยเองนี่แหละ ที่ชะล่าใจ พลอยกลัวเข็มมากๆ แล้วเราคิดว่าสุขภาพเราดี เราไม่น่าเป็นอะไรหรอก ก็ปล่อยให้ผ่านไปปีครึ่ง แล้วตรวจอีกที ผลออกมาว่าเนื้อมีการเจริญเติบโต รูปร่างมันชัดเจนว่าเป็นมะเร็ง ผลเลือดด้วย พลอยก็ช็อกก็เปลี่ยนรพ. เพื่อนแนะนำให้ไปบำรุงราษฏร์ มีการพูดคุยกับหมอ แล้วผ่าตัด ตอนนั้นเจอสองข้าง ข้างนึงไม่ชัดเจนว่าคืออะไรก็ต้องเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ ตรวจแล้วมันคือหินปูน แต่ข้างซ้ายค่อนข้างชัดเจนมากๆ ก็ผ่าตัด เอาชิ้นเนื้อไปตรวจ
ตอนแรกคิดว่าจะจบแล้ว แต่หมอบอกว่ามันไม่จบนะ มันมีต่อ มะเร็งที่พลอยเป็น เป็นมะเร็งสองสายพันธุ์ เป็นมะเร็งเต้านม และต่อมน้ำเหลือง พลอยก็ช็อกอีกรอบ หมอบอกว่าเป็นสเตท 2 ก็ถามว่าจะรู้ตอนไหนว่ามันจะไม่ลามไปกว่านี้ หมอบอกจะรู้ตอนผ่าตัด ตอนนั้นก็ใจแป้วแล้ว กลัวลามไปอวัยวะอื่นๆ แต่โชคดีที่จบที่ต่อมน้ำเหลือง จากนั้นก็ฉายแสง ทานยา ตอนนี้ตรวจมาไม่เจอแล้ว แต่ต้องมอนิเตอร์ ต้องทานยาคุณหมอไปอีก 2 ปี ตอนนี้เข้าปีที่สองแล้ว ที่พลอยทานยา
มันค่อนข้างโหดร้ายกับพลอยมาก เพราะเจอหลายเรื่อง มันกระทบทั้งเรื่องสุขภาพและจิตใจ พอเรามีเรื่องไม่สบายใจ ทั้งสุขภาพ และจิตใจ การลดฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ดิ่งกว่าเดิมพลอยกลายเป็นคนเครียด เก็บตัว มีปัญหาเยอะ ทานข้าวไม่ลง น้ำหนักลดลง 13 กิโล ใน 3 เดือน ผอม นอนไม่หลับ ก็ใช้เวลาหลายเดือนเหมือนกัน ตอนหลังเริ่มขอความช่วยเหลือจากเพื่อนมากขึ้น”
หัวเราะและยิ้มได้ แม้ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์
“ตอนนี้พลอยโอเคขึ้นแล้ว พลอยรู้สึกว่าพลอยไม่อยากไม่สบาย ไม่อยากป่วยเหมือนที่ทุกคนเห็น พลอยรักตัวเอง ดูแลสุขภาพ พยายามนอนให้เป็นเวลามากขึ้น ออกกำลังกาย มีความสุขกับชีวิต ตอนนี้เอาตรงๆ ยังไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่คิดว่าพรุ่งนี้ก็ดีกว่าแล้ว ถ้าวันนี้ยิ้มได้หัวเราะได้ก็มีความสุขแล้ว ถามว่าไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไหม ปรับและเปลี่ยน แต่ไม่ได้ฝืนตัวเอง พลอยกินดี นอนดี ออกกำลังกาย หันมาดูแลสุขภาพ นั่งสมาธิ กินอาหารเสริมที่ดีต่อร่างกาย อะไรที่ดีตอนนี้พลอยเทคหมดเลย เพราะอยากให้ตัวเองกลับมาแข็งแรงในทุกเรื่อง ทั้งร่างกายและจิตใจ”
อยู่รพ.จิตเวช 5-6 วัน แต่ไม่เวิร์ก สูญเสียความเป็นตัวเอง
“พลอยเป็นคนแย่มาก ช่วงแย่ๆ พลอยดันเก็บตัว ขังตัวเองไว้ในห้องไม่พูดอะไร เก็บตัวอยู่ในบ้าน จนมันอยู่ในจุดที่ไม่ได้แล้ว เสียอาการแล้ว ก็ไปอยู่รพ. อย่างตามข่าว ไปอยู่รพ.จิตเวชอยู่พักนึง 5-6 วัน แล้วก็กินยา รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเวิร์กแล้ว ทำยังไงดี ก็ลองเปลี่ยนหมอแล้วรับยาใหม่ รับยาไปพักนึงเราก็รู้สึกว่าไม่อยากติดยา เพราะทานยาเป็นเวลานานแล้ว ปีกว่า พลอยเริ่มจำใครไม่ได้ เหมือนเบลอ ไม่มีความมั่นใจ เริ่มหวาดระแวง ผวา มีหลายอาการมาก เริ่มสูญเสียความเป็นตัวเอง พลอยเลยรู้สึกว่าไม่ได้แล้ว ฉันต้องฮึบแล้ว ลองฮึบกับตัวเอง หันมานั่งสมาธิ อ่านหนังสือ ดูแลตัวเองขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆ ที่เรารัก หรือที่เราไว้ใจ ช่วยให้เหตุการณ์มันดีขึ้น
ช่วงเวลาที่ไปรพ.จิตเวช จริงๆ รับยามาตลอด มันเซนซิทีฟมาก แต่ช่วงไปหาหมออยู่รพ. ช่วงมี.ค. - เม.ย. ปีนี้ ก็ไปหาหมอ ช่วงที่พี่นุ่น (ดารัณ บุญยศักดิ์) อยู่ด้วยตลอดเวลานั่นแหละ ช่วงนั้นหนัก
พลอยว่า ณ จุดนั้น พลอยจมดิ่งกับความทุกข์ของตัวเองมากเกินไป ไม่สามารถเอาตัวเองหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ วนลูปอยู่อย่างนั้น จะออกก็ออกไม่ได้ เหมือนเรามูฟออนเป็นวงกลม พอจะดีขึ้นก็กลับไปคิด กลับไปเผชิญ เหมือนเราเดินหน้าไม่ได้ เราจัดการกับความคิดตัวเองไม่ได้ ทีนี้พอจัดการตัวเองไม่ได้ ไม่ขอการช่วยเหลือจากคนอื่น ก็เหมือนเราคิดวนอยู่อย่างนั้นไม่จบไม่สิ้น อาการนอนไม่หลับ มันหยุดไม่ได้ เหมือนเสียงในหัวมันดังตลอดเวลา แม่ก็เลยพาไปหาหมอ
พลอยมีคำถามเหมือนกัน ทำไมต้องเป็นฉัน แต่คิดว่าคงมีหลายคนมีประสบการณ์คล้ายๆ พลอย มันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากๆ เราจะเอาตัวเองออกมาจากตรงนั้นยังไงให้ได้ เราจะเข้มแข็งยังไงให้ได้ พลอยก็ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป พลอยอาจเดินทางช้ากว่าคนอื่นนิดนึง คนอื่นอาจหายเร็ว แต่พลอยนานมากกว่าจะดีขึ้น ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว และพร้อมแล้วที่จะออกมาพูด อยากให้ทุกคนหันมาดูแลตัวเอง ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งมันสำคัญมากจริงๆ”
อยากไปหา “เขื่อน ภัทรดนัย เสตสุวรรณ” ปรับทุกข์กับน้อง
“ตอนนี้ยังไม่ได้ไปพบหมอ ตอนนี้พลอยเน้นเรื่องอ่านหนังสือ พลอยชอบดูยูทิวบ์ ดูนักพูดฮีลใจตัวเอง ตอนนี้คุยกับน้องเขื่อนด้วย อ่านหนังสือน้องเขื่อน อยากไปหาน้องเขื่อน น้องบอกว่าเมื่อไหร่ให้มานะ อยากไปนั่งคุยปรับทุกข์กับน้องเขื่อน เพลงก็ฟังทั่วไป ก็ดีขึ้นค่ะ บางวันมีอาการไม่ดีบ้าง แต่ทุกอย่างอยู่ในจุดที่ดี มันค่อยเป็นค่อยไป ถ้าไม่ดีเราก็แค่ยอมรับความจริง ว่าเดี๋ยวเราอีกไม่นานข้างหน้าเราจะเสียใจน้อยลงแล้วนะ เรารู้ตัวเองมากขึ้น พลอยมองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติมาก เพราะเราเป็นมนุษย์ เรามีความรู้สึก มีความทุกข์ มีความเสียใจ แต่เราต้องเอาตัวเองออกจากจุดนี้ให้เร็วที่สุด
ความรักจากคนรอบข้าง กำลังใจจากทุกคน มันเป็นสิ่งที่เยียวยาทำให้เราเดินหน้าต่อไปได้ และกำลังใจสำคัญมาก พลอยคิดว่าตัวพลอยโชคดีมาก พลอยมีกำลังใจจากครอบครัวไม่พอ พลอยมีกำลังใจจากเพื่อนๆ ในอาชีพการงาน ในวงการ แฟนคลับ กำลังใจพลอยเยอะมาก เมื่อเทียบกับคนอื่น รู้สึกตัวเองโชคดี เราพร้อมมีแรงสู้อีกครั้ง”
บอกตัวเอง เคยรักใครแค่ไหน ทำให้ตัวเองบ้างได้ไหม
“ได้รับกำลังใจก้อนใหญ่จริงๆ ตอนนั้นก็แย่อยู่พักนึงนะ แต่เอาเป็นว่ามันค่อนข้างสาหัสสำหรับพลอย แต่วันนี้พลอยผ่านมาได้แล้ว วันนี้พลอยโชคดีมากๆ พลอยเริ่มยิ้มให้ตัวเองได้บ้าง หาความสุขให้ตัวเองได้บ้าง ก็ถือว่าโชคดีแล้วนะ ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะแย่แล้ว จะกลับมาเป็นตัวเองได้ไหม เพราะเป็นเวลาเนิ่นนานพอสมควร ที่เราอยู่ในสภาวะความเครียด
เคยบอกกับตัวเองว่าให้ใจดีกับหัวใจตัวเองหน่อย และรักตัวเองมากๆ ให้เหมือนรักคนอื่น เคยรักใครแค่ไหน ทำให้ตัวเองบ้างได้ไหม (หัวเราะ)”


