xs
xsm
sm
md
lg

SkinX พลิกโฉมการดูแลผิวด้วยนวัตกรรมการแพทย์ ให้ความงามไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทุกวันนี้เราใช้เทคโนโลยีแทบทุกอย่างในชีวิต ตั้งแต่สั่งอาหาร ดูหนัง ไปจนถึงวิดีโอคอลคุยกับเพื่อน แล้วถ้า “การปรึกษาหมอผิวหนัง” จะทำได้ง่ายๆ แบบนั้นบ้างล่ะ?

นี่คือจุดเริ่มต้นของ SkinX แพลตฟอร์ม Telemedicine ด้านผิวหนังรายแรกของไทย ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของ หมอผิง-พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล ที่อยากทำให้ “การดูแลผิว” ไม่ใช่เรื่องของคนมีเวลาเยอะหรืออยู่ใกล้โรงพยาบาลอีกต่อไป “เราอยากให้ทุกคนเข้าถึงหมอผิวหนังจริงๆ ได้จากที่บ้าน ด้วยเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและใช้งานง่าย” หมอผิง CEO และผู้ก่อตั้ง SkinX กล่าวไว้

ความงามที่ยั่งยืน เริ่มจากการเข้าใจตัวเอง
หมอผิงเชื่อว่า “การดูแลผิวไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย” แต่มันคือการดูแลสุขภาพใจและกายไปพร้อมกัน และเทคโนโลยี คือเครื่องมือที่ช่วยให้การดูแลนั้นง่ายขึ้น เข้าถึงได้มากขึ้น และต่อเนื่องยิ่งขึ้น SkinX จึงไม่ใช่แค่แอปปรึกษาหมอ แต่คือแรงบันดาลใจใหม่ของการดูแลตัวเอง ให้เราได้เข้าใจว่า “ความงามที่ยั่งยืน” เริ่มจากการรู้จักและดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี

มีหมออยู่ข้างๆ ช่วยดูแลผิว ง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว

SkinX ถูกออกแบบให้เป็น “แพทย์ผิวหนังในมือคุณ” ด้วยระบบที่ครบวงจรตั้งแต่ปรึกษาหมอเฉพาะทาง รับใบสั่งยา ไปจนถึงจัดส่งยาถึงบ้าน

ปัจจุบันมีแพทย์ผิวหนังมากกว่า 300 คน จากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำ และพันธมิตรคลินิกด้านความงามกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ แถมยังมียอดดาวน์โหลดเกิน 800,000 ครั้ง และมีผู้ใช้งานจริงต่อเดือนกว่า 50,000 ราย

หมอผิงมองว่า ปัญหาหลักของคนไข้ไทยคือ “การเข้าถึงแพทย์เฉพาะทาง” ที่ยังมีข้อจำกัด ทั้งระยะทาง ค่าใช้จ่าย และเวลารอคิว รวมถึงความไม่มั่นใจในข้อมูลด้านความงามจากโซเชียลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิง SkinX จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็นที่ที่คนไข้ “ปรึกษากับหมอจริง ได้ข้อมูลจริง และรักษาอย่างต่อเนื่อง”

นอกจากนี้ยังเปิดให้ ปรึกษาฟรีกับเภสัชกรและมีระบบติดตามผลอัตโนมัติ เพื่อดูแลผิว ผม หนังศีรษะ สิว ผื่น ภูมิแพ้ รวมถึงโรคผิวหนังทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ครบทุกมิติ
เข้าใจผิวของคุณลึกกว่าที่เคยด้วยพลังของ AI และ Data

อีกหนึ่งจุดแข็งของ SkinX คือการนำ AI และระบบ Data Analytics มาวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น ประเภทของปัญหาผิวที่พบบ่อย ช่วงเวลาที่คนเข้าปรึกษา และรูปแบบการตอบสนองต่อบริการหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากข้อมูลนี้ SkinX สามารถพัฒนาเนื้อหาและแคมเปญให้ “ตรงใจแต่ละคน” มากขึ้น ทั้งการให้คำแนะนำส่วนตัว โปรโมชั่นเฉพาะบุคคล หรือเนื้อหาดูแลผิวที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ “เราใช้ข้อมูลเพื่อเข้าใจลูกค้า ไม่ใช่เพื่อขายของ แต่เพื่อให้เขาได้รับคำแนะนำที่เหมาะกับตัวเองที่สุด” หมอผิงกล่าว

ต่อยอดสู่สกินแคร์จากทีมแพทย์ “ES – Essential Skin”

หลังจาก SkinX ได้รับการตอบรับอย่างดี หมอผิงและทีมจึงต่อยอดแนวคิดด้วยการสร้างแบรนด์ ES (Essential Skin) ที่เกิดจากข้อมูลจริงของคนไข้หลายหมื่นคน ออกมาเป็นสกินแคร์ภายใต้แนวคิดคือ “โดยแพทย์ เพื่อทุกสภาพผิว” เพราะ ES ไม่ใช่แค่สกินแคร์ทั่วไป แต่เป็นการต่อยอดจากงานวิจัยและข้อมูลจริง เพื่อให้คนไทยได้ผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจผิวของพวกเขาอย่างแท้จริง หมอผิงยังกล่าวอีกว่า “ES คือความต่อเนื่องของการดูแลจากแพทย์ในรูปแบบที่ใช้ได้ทุกวัน”
เบื้องหลังความสำเร็จแพลตฟอร์ม SkinX
ความสำเร็จของ SkinX ไม่ได้มาจากทีมแพทย์อย่างเดียว แต่ยังเกิดจากการร่วมมือกับ ทีมเทคโนโลยีของ SCB10X ที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัลอย่างลึกซึ้ง หมอผิงเล่าว่า “ทีมแพทย์จะออกแบบขั้นตอนการรักษาให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ ส่วนทีมเทคโนโลยีจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาสร้างระบบที่ใช้งานง่าย ปลอดภัย และตอบโจทย์ผู้ใช้จริง” เรียกว่าเป็นการทำงานแบบ Cross-Functional ที่ผสาน “ความรู้ทางการแพทย์” กับ “ความเข้าใจเทคโนโลยี” อย่างลงตัว
จากแพลตฟอร์มไทยสู่ HealthTech ระดับภูมิภาค

เป้าหมายต่อไปของ SkinX คือการขยายบริการไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใน 3 ปี ด้วยโมเดล “Medical + Technology Platform” ที่เป็นหัวใจของการเติบโต พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น ศูนย์กลางด้าน HealthTech และความงามของภูมิภาค “เราอยากให้คนทั้งเอเชียรู้ว่าการดูแลผิวที่ดี เริ่มได้จากหมอจริง ผ่านเทคโนโลยีที่ไว้ใจได้” หมอผิงกล่าวทิ้งท้าย

SkinX กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการสุขภาพและความงามไทย ด้วยการผสมผสาน “ความรู้ทางการแพทย์” เข้ากับ “นวัตกรรมเทคโนโลยี” เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงการดูแลผิวได้ง่าย ปลอดภัย และมีคุณภาพ พร้อมมุ่งสู่การเป็นแพลตฟอร์มสุขภาพผิวครบวงจรระดับภูมิภาคในอนาคต







กำลังโหลดความคิดเห็น