xs
xsm
sm
md
lg

“เจมี่ บูเฮอร์” หายตัวไปเป็นแม่หมอดูดวงให้คนรากหญ้า ไม่ใช่ทาร์เก็ตคนรวย ไม่เป็นผู้จัด-ผกก. ไม่อยากตายเร็ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เจมี่ บูเฮอร์” เผยดูดวงให้เฉพาะคนรากหญ้า เงินน้อย ไม่ใช่ทาร์เก็ตคนรวย ค่าดูหลักร้อย ใช้จิตวิทยาเชิงวิเคราะห์ให้คนมาดูดวงด้วยสบายใจ ปล่อยผ่านคอมเมนต์จิกกัด เผยเหตุซิลิโคนที่เคยทำหน้าอกรั่ว นอยด์คิดว่าเป็นก้อนมะเร็ง ถึงขั้นสั่งเสียคนใกล้ชิดไว้แล้ว ทำใหม่ไซส์เล็กลง ไม่เป็นผู้จัด หรือผู้กำกับ กลัวตายเร็ว

ห่างหายจากงานแสดงไปเป็นหมอดูเต็มตัวแล้ว สำหรับอดีตนักแสดงสาว “เจมี่ บูเฮอร์” ซึ่งเจอเจ้าตัวล่าสุดในงานเปิดร้าน Venus hair studio โดยสาวเจมี่เผยว่ามีคนมาดูดวงตอนที่ตนไลฟ์ในแอพติ๊กต็อกตลอด บางคนดูทุกวัน บอกว่าแค่ได้ยินเสียงก็สบายใจแล้ว เผยเป็นการใช้หลักจิตวิทยาเพื่อช่วยแก้ปัญหา มากกว่าใช้วิธีอื่น

“ลูกค้าก็จะมารีวิวให้เราว่าจริงนะ เราก็จะเห็นว่าเขากลับมาดูเราอีก ก็มีบ้างแหละ คงจะไม่ใช่ว่าหนึ่งพันคนจะถูกทั้งหมด แต่เจมี่ไม่ได้เน้น เพราะเจมี่ไม่ได้เป็นผู้วิเศษ ไม่ได้หากินทางสายมูเพื่อฉันจะไปซื้อแบรนด์เนม เราไม่ได้ขนาดนั้น เจมี่มีความเชื่อว่าวิชาพวกนี้เป็นวิชาครูบาอาจารย์ การที่เราเอาเงินเขามามันก็คือดวงของเขา ถ้าเราจะเอาไปทำบุญ เอาไปโน่นไปนี่มันก็เหมือนจะทำให้ดวงของเขาดีขึ้นด้วย และทำให้เราสามารถดูต่อไปได้

ถามว่าอะไรที่คนคิดว่าเราดูแม่นจนมาดูซ้ำ คือเจมี่มีความรู้ด้านจิตวิทยาทางความสัมพันธ์ เจมี่เรียนจิตวิทยาความรักมาก่อน เพราะฉะนั้นการดูไพ่ของเจมี่จะเป็นการดูแบบแก้ปัญหา อย่างบางคนดูบ้านเธอมีหิ้งพระ เธอวางอะไรไว้ตรงไหน เจมี่ไม่รู้ว่าเราจะต้องไปบอกสิ่งที่เขารู้อยู่แล้วเพื่ออะไร เจมี่ไม่ใช่สายนั้น แต่คุณมีความรักหรือมีความทุกข์เรื่องอะไร เจมี่ก็ใช้จิตวิทยาบวกกับวิเคราะห์ให้ในการแก้ปัญหา ซึ่งฟีดแบ็กที่ได้ยินมากที่สุดคือคุยกับพี่เจมี่แล้วสบายใจ มีน้องคนนึงดูกับเจมี่ทุกวัน ตั้งแต่เดือน พ.ค.จนมาถึงกลางเดือนต.ค.เพิ่งเลิก เพราะเขาบอกว่าได้ยินเสียงแล้วสบายใจ”

ปล่อยผ่านคอมเมนต์วิจารณ์ในทางที่ไม่ดี
“ถามว่าใช้เซ้นส์หรือสิ่งที่มองไม่เห็นเป็นหลัก มันแยกกันไม่ได้ค่ะ ถ้าใช้เซ้นส์อย่างเดียวมันก็จะเหมือนทักอย่างเดียวว่าตรงนั้นตรงนี้เป็นยังไง มันก็ไม่ใช่ไม่ดี แต่มันไม่ได้มีประโยชน์ในการพัฒนาจิตใจ เพราะฉะนั้นจิตวิทยาเป็นเรื่องสำคัญ แต่เราไม่ได้ทำเพื่อให้คนอื่นมองเราว่าฉันเจ๋ง ฉันเป็นผู้วิเศษ แต่เราใช้เพื่อความสุขของคนที่มาดูกับเรา

ไม่กลัวกระแสผู้วิเศษ เจมี่ว่าเริ่มต้นของผู้วิเศษทุกท่านมันเริ่มต้นมาได้ด้วยทัศนคติที่ดีอยู่แล้วแหละ คือถ้าเราจะมาทำงานทางสายมู เราไม่คิดถึงความทุกข์ของคนอื่น เราไม่อยากช่วยคนน่ะทำไม่ได้หรอก แต่พอมันมาแล้วมันจะเสียเพราะเงิน พอเขาเห็นเราเป็นที่พึ่ง เงินก็จะเข้ามาเยอะมาก แล้วฉันก็ต้องมีนั่นมีนี่ ความสบายของฉัน มันจะเสียตรงนี้ เพราะฉะนั้นคนที่มาทำเรื่องสายมู เป็นหมอดูหรือไลฟ์โค้ชก็ตามจะต้องไม่ทิ้งการมู มูของเจมี่คือการทำบุญ มันจะให้เราขัดเกลาจิตใจอยู่ตลอดเวลา

กับคำว่างมงายก็โดนประจำ กินเหมือนขนมเลยคอมเมนต์พวกนี้ อย่างที่ไปเล่าในรายการคุยแซ่บโชว์ล่าสุดก็จะมีคอมเมนต์แบบนี้ แต่เจมี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร คนเรามันไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัส หรือเขาไม่เคยมีประสบการณ์กับตัวเองว่ามาดูกับเจมี่แล้วรู้สึกดียังไง เขาคิดแบบนั้นก็ตลกดี ถามว่าแรงไหม ไม่แรงเลยหรือจะแรงก็ไม่รู้นะ แต่เจมี่ไม่ค่อยถือ เจมี่โดนตั้งแต่ทำช่องมาเลยก็จะมีคอมเมนต์แบบนี้ แบบจิกกัด ก็มีตอกกลับไปบ้างแบบแซบเลย ไม่ทนค่ะ ฟาดมาฟาดกลับ เขาจะพูดประมาณว่าเป็นอะไรมากไหม เจมี่ก็พูดด้วยเหตุด้วยผลว่าถ้ามันไม่มีจริง ศาสตร์พวกนี้มีมาก่อนคุณเกิดอีก แล้วคุณไม่เคยมีประสบการณ์แล้วคุณจะรู้อะไร และความสามารถด้านนี้เจมี่มีมาตั้งแต่สมัยเล่นละครแล้วค่ะ

ค่าดูน้อยมากค่ะ หลักร้อย เพราะทาร์เก็ตของเจมี่เป็นกลุ่มรายได้น้อยตั้งแต่แรกเลย เราไม่ได้ทาร์เก็ตคนรวย เพราะตรงนั้นมันจะมีดรามาเยอะ เขาอยากจะสนิทกับเราส่วนตัว เจมี่ก็เลยเอาทาร์เก็ตเฉพาะคนที่อยากแก้ปัญหา เรียกว่าคนรากหญ้า แต่เจมี่ไม่เคยคิดต่อยอดจากตรงนี้เลยนะ

ตั้งแต่เริ่มช่องมาเป็นยังไง โมเดลของช่องก็ยังเหมือนเดิม เจมี่ทำช่องมาปีกว่าๆ ตั้งแต่ ก.พ.67 จนปัจจุบันเจมี่เห็นอะไรมาเยอะ บางคนก็เข้ามาจีบ เหมือนทักเข้ามาจะดูดวงก็มี เจมี่เลยคิดว่าบางคนที่เขามีเงิน อันนี้คิดเองนะ คนที่มีเงินอยู่แล้วมันจะมีผลประโยชน์แอบแฝงค่อนข้างเยอะ บางทีก็อยากเข้ามาเพราะเอาคอมเนกชั่นความเป็นดาราเพื่อไปต่อยอดอย่างอื่น ฉะนั้นจิตใจของเจมี่มันอยู่กับคนที่อยากจะแก้ปัญหาจริงๆ มากกว่า ก็ถ้าใครอยากจะดูกับเจมี่ก็สนุกๆ นะคะ ของเจมี่มันเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์นะคะ เข้าไปที่ช่องสวีตไลท์เลม่อน ทางติ๊กต็อกนะคะ เจมี่ดูทุกวันเลยค่ะ”

ซิลิโคนรั่วทำนอยด์ ถึงขั้นสั่งเสียไว้หมดแล้ว
“คือซิลิโคนรั่วข้างขวา วันนึงนอนอยู่แล้วก็คลำๆ เจอก้อนอะไรก็ไม่รู้ พอนอยด์ก็นึกไปเรื่อยว่าฉันเป็นมะเร็งหรือเป็นอะไรหรือเปล่า ก็ไปหาหมอ หมอก็ชักสีหน้า แล้วพอเขาคลำดูก็หน้าเปลี่ยนสี นี่ก็ยิ่งนอยด์ไปใหญ่ว่าฉันต้องเป็นมะเร็งแน่นอน แต่หมอไม่พูดตรงๆ เขาพูดอ้อมๆ ว่ามีลักษณะแบบนี้ๆ นะครับ พอไปทำทีซีสแกนก็รู้ว่ามันแค่ซิลิโคนรั่ว

คือจริงๆ แล้วซิลิโคนมันมีอายุการใช้งาน 10-15 ปีอยู่แล้ว มันมีโอกาสที่จะเป็นได้ แต่ของเจมี่ไม่ใช่เกิดจากการกระแทกแน่นอน เพราะซิลิโคนทำมาเพื่อกันแรงกระแทกอยู่แล้ว มันจะหนามาก แต่ของเจมี่อาจจะเป็นลักษณะของคิวซีคืออาจจะมีรูที่เล็กมากๆ ที่สายตาเรามองไม่เห็นตั้งแต่ก่อนที่จะใส่เข้าไป พอไปโดนแรงเสียดทานมันก็จะค่อยๆ ซึมออกมา แต่เป็นซิลิโคนแท้นะคะ ไม่ใช่ถุงน้ำเกลือนะคะ (หัวเราะ)

ตอนนั้นเจมี่ทำเมื่อปี 57 ซึ่งตอนนั้นฮิตใหญ่ เจมี่ก็ใส่ไป 400cc แต่สมัยนั้นก็ยังถือว่าเล็กมากสำหรับคนตัวอย่างเจมี่ แต่พอมายุคนี้เขาฮิตแบบธรรมชาติ ยิ่งเล็กยิ่งดี น่ารัก แต่พอเราใส่ใหญ่ไปแล้วปรับไซส์มาเป็นเล็กมันก็ยาก เพราะตอนนั้นคุณหมอก็จะเจาะโพรงเอาไว้เพราะซิลิโคนมันใหญ่ พอเราใส่อันเล็กก็จะมีพื้นที่เหลือ ก็เลยไม่ค่อยโอเค สุดท้ายไซส์ยังไงก็ต้องแบบนั้น ต้องตัดสินใจให้ดีตั้งแต่แรก แต่ล่าสุดก็ใส่เล็กลงมา 25% แต่ถามว่ากลัวไหมว่าวันนึงมันจะเป็นอีก ก็กลัวอยู่แล้ว เพราะตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไป มี PM2.5 นั่นนี่ โอกาสที่คนจะป่วยก็มีเยอะ

แต่เจมี่สั่งเสียไว้หมดแล้ว เพราะมันนอยด์มาก เพราะวันที่ไปหาหมอที่พีกสุดคือที่เห็นสีหน้าหมอ นึกว่าฉันต้องมีโอกาสตุยแน่ ก็สั่งเสียไว้เลย ห้ามจัดงานศพ เพราะเจมี่สายมูอยู่แล้ว เรากลัวคนไปผีเข้าออกรายการ คือคิดทำไมก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะจัดงานต้องมีกลองยาวเหมือนงานบวช ต้องมีแห่ เตรียมธีมไว้แล้ว ต้องเป็นสีชมพูเท่านั้น ห้ามใครใส่สีดำ ฉันตายฉันต้องไปดี (หัวเราะ) คือเราไม่เคยเป็นอะไรหนักๆ ขนาดนี้ เจมี่จะคิดอะไรที่หนักที่สุดไว้ก่อน อะไรที่เลวร้ายที่สุดเราต้องเตรียมใจรับกับมันให้ได้”

บอกไม่ขอเป็นผู้จัดหรือผู้กำกับเด็ดขาด ไม่อยากตายเร็ว
“งานในวงการเนี่ยต้องบอกว่าวงการละครมันไม่ใช่เรื่องของรูปร่างหน้าตาอย่างเดียว วงการละครคือฝีมือล้วนๆ เลย เพื่อนๆ พี่ๆ ในวัยเดียวกันก็ผันตัวเองไปเป็นผู้จัด ก็จะมีชวนกันเรื่อยๆ แต่เรารู้สึกว่าเราอิ่มกับตรงนั้นแล้ว แต่จะให้ไปเป็นผู้จัดหรือทำเบื้องหลังก็ไม่ทำเด็ดขาด เพราะฉันไม่อยากจะตุยเร็วนะคะ (หัวเราะ)

การทำงานกองถ่ายทำหน้าที่เดียวเท่านั้นก็คือนักแสดง จะไม่เป็นผู้กำกับ จะไม่เป็นผู้จัดเด็ดขาด เพราะยังอยากมีอายุยืน (หัวเราะ) งานกองถ่ายเป็นงานที่เครียดมากนะคะ ขนาดเป็นนักแสดงอย่างเดียวเรายังรู้สึกว่าฉันจะไปทำอย่างอื่นได้ไหม ไม่ใช่ไม่ดี งานละครเป็นงานที่ดีมาก เป็นงานที่สร้างคน แต่มันเป็นงานที่ใช้ศักยภาพ ใช้ความสามารถของตัวเองเยอะ”





กำลังโหลดความคิดเห็น