xs
xsm
sm
md
lg

คิดการใหญ่ไปหรือเปล่า “เจนนี่” การตลาดแบบบ้านๆ พันล้านกระจอกไป?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สั่นสะเทือนวงการนักขาย แบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน! “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” หรือ “รัชนก สุวรรณเกตุ” ใส่ชุดนอน โชว์หน้าสด ร่ำไห้ระบาย ชีวิตแบกความช้ำกับดรามา “แม่เกตุ” ช่วยปลดหนี้หลายรอบแล้ว แต่ก็ยังเกิดขึ้นอีก ประกาศไม่ขอใช้หนี้ให้แม่อีกแล้ว แม้จะถูกแม่ขู่จะแฉเธอหากไม่ช่วยเรื่องเงิน

เจนนี่ไลฟ์เพราะหาอะไรทำ ไม่อยากให้ตัวเองเครียดเกินไปเรื่องแม่ แต่กลับได้รับฟีดแบ็กกลับมาอย่างถล่มทลาย แฟนๆ เห็นใจในชะตาชีวิต ช่วยซัปพอร์ตสินค้าที่เจนนี่ปักตะกร้าขายในติ๊กต๊อกจนหมดเกลี้ยง เจนนี่เอ่ยปากหากเจ้าของแบรนด์คนไหนอยากจ้างให้เธอขายของให้ ทักมาได้เลย

และนั่นก็กลายจุดเปลี่ยนชั่วข้ามคืน จากปรากฏการณ์ดรามา สู่เทศกาลเจนนี่ และตอนนี้ฉุดไม่อยู่แล้ว มันกำลังจะไปสู่เฟสติวัล 5 ภาค กับยอดตัวเลขที่เจ้าตัวคาดว่าจะได้ถึง 5,000 ล้าน!
 
ไต่บันไดชีวิต สไตล์เจนนี่
พื้นเพชีวิตเจนนี่ เป็นคนนครศรีธรรมราช จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช ไสใหญ่ ในสาขาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล ระหว่างเรียนเดินสายประกวดร้องเพลง

ชีวิตวัยเด็กค่อนข้างล้มลุกคลุกคลาน ครอบครัวแตกแยก อยู่กับ “แม่เกตุ” ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ต้องคอยหนีเจ้าหนี้ ดิ้นรนทำมาหลายอาชีพ ทั้งร้องเพลงกลางคืน ขายเสื้อผ้ามือสอง ขายรองเท้าตามตลาดนัด ตอนเรียนปี 1 ยังไม่ดัง ไม่มีเงิน เจนนี่เคยคิดว่าหากตนเองเรียนจบจะไปสอบเป็นครู หรือไม่ก็เป็นไกด์ เพื่อหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัว แต่ช่วงจังหวะชีวิตที่พลิกผัน คนจะดังเอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่ ในปี 59 เจนนี่นั่งดีดกีต้าร์พร้อมแต่งเพลงประชดแฟนนอกใจ “ได้หมดถ้าสดชื่น” ความน่ารัก ความใส และเพลงที่ติดหู ทำให้เจนนี่กลายเป็นดาวเด่นในโซเชียล

มีคนติดต่อเจนนี่ไปออกรายการทีวีของ “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” เป็นรายการแรก ได้ค่าตัว 7 พัน สำหรับเด็กบ้านนอก เงิน 7 พันมันมากเหลือเกิน จบจากรายการบุ๋ม หลายรายการก็ดาหน้ามาจองคิวเธอ ได้ค่าตัวตั้งแต่ 1,500 - 5,000 บาท เจนนี่เริ่มเก็บหอมรอมริบ และเริ่มนำชื่อเสียงในโซเชียลมาต่อยอด รับรีวิวสินค้า โพสต์รูปละ 500 บาท ทำคลิป 1,500 บาท

และทุกครั้งที่ได้เงินไม่ว่าจะมากหรือน้อย เจนนี่นำไปต่อยอดเสมอ!

เมื่อได้แสง เจนนี่เพิ่มมูลค่าให้ตัวเองด้วยการอัปค่าตัว จาก 600 บาท เพิ่มเป็น 1,500 บาท ร้องเพลง 4 ร้านได้คืนละ 6 พันบาท ไม่นานมีคนติดต่อให้เจนนี่เล่นคอนเสิร์ตที่ผับแห่งหนึ่งที่จ.ยะลา ในราคา 15,000 บาท คอนเสิร์ตเข้าเต็มเดือน เริ่มทำแดนเซอร์ เริ่มทำวง รถเริ่มไม่พอ ก็เริ่มซื้อรถ นำเงินไปต่อยอดชีวิตอยู่เรื่อยๆ จับ “ลิลลี่ นารีนาท เชื้อแหลม” น้องสาวมาฟีเจอร์ริ่งในเพลงโสดแล้วนะ ยอดวิวพุ่ง คอนเสิร์ตเพิ่ม และได้ตัดสินใจแต่งเพลง “เลิกคุยทั้งอำเภอ เพื่อเธอคนเดียว” ให้ลิลลี่ร้อง ฟีเจอร์ริ่งกับ “เก้า เกริกพล” เพลงดังเป็นพลุแตก กลายเป็นนักร้องอินดี้ผู้มียอดวิวสูงถึง 350 ล้านวิว คนดังๆ อยู่วงการหลายปี ยังทำไม่ได้เท่านี้ ในที่สุดเจนนี่ก็เปิดค่ายเพลงได้หมดถ้าสดชื่น ที่ถึงแม้จะปิดไปในภายหลัง ด้วยระบบการจัดการที่ไม่ดี แต่ทุกงานเจนนี่ทำด้วยใจ แฟนเพลงรับรู้และสัมผัสได้ ทั้งที่ไม่ได้จบบริหารด้วยซ้ำ

เจ้าแม่ดรามา ที่มาพร้อมรีวิวอื้อ
เจนนี่คือสุดยอดนักขาย ที่เจ้าของแบรนด์รู้กันดี แบรนด์ไหนติดต่อเจนนี่ไปขาย ล้วนฟันกำไรให้ผู้ว่าจ้างได้เป็นอย่างงาม เป็นคนเดียวที่กล้าต่อรองเจ้าของแบรนด์ ลดสะบั้นหั่นแหลกให้ลูกค้า เพื่อให้ได้ราคาที่พึงพอใจมาแต่ไหนแต่ไร เจนนี่มีงานไลฟ์ทุกวันวันละหลายๆ แบรนด์ ค่าตัวในการไลฟ์ก็ขยับไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ทะลุ 1 ชม. 2 แสน

ในวันที่เจนนี่มีฐานแฟนคลับแน่น แต่ก็ไม่ใช่น้ำเต็มแก้ว เธอพร้อมขอโทษ ปรับปรุง และแก้ไข เกือบ 10 ปีในวงการ ถูกยกเป็นเจ้าแม่ดรามาผู้ฆ่าไม่ตาย งานไม่เคยขาดมือ มีสามีอย่าง ยิว ฉัตรมงคล สมแก้ว เป็นลมใต้ปีก ที่ช่วยจัดการชีวิตทุกอย่างให้เข้ารูปเข้ารอย
 
มหกรรมไลฟ์ ฟื้นเศรษฐกิจ ชุบหัวใจดารา - เจ้าของแบรนด์
ดรามาเรื่องแม่กลายเป็นเรื่องรองลงไปทันที หลังจากที่เจนนี่ฟื้นคืนชีพตลาดออนไลน์ให้กลับมาคึกคัก เธอกลายเป็นเจ้าของตลาดที่ดาราดังเบอร์ต้นๆ เจ้าของสินค้าทุกแบรนด์ พุ่งเป้าหมายไปที่เจนนี่ เพื่ออาศัยแสงให้เธอขายให้ ฉีกทุกกฎเกณฑ์การขาย การตลาดแบบเดิมๆ ทิ้งไม่เหลือซาก ใครไม่มาก็วิดีโอคอล ต่อรองราคาแบบเรียลไทม์ จ่ายเงินจริงตามยอดที่ขายได้ วงการบันเทิงที่เงียบเหงา ขาลง ดาราต่างตกงาน ก็เริ่มกลับมามีชีวิตชีวา   ดารามีแบรนด์ได้ขายสินค้า สร้างเอนเกจฯ ให้คนรู้จักสินค้า ดาราไม่มีแบรนด์ ก็ถูกจ้างไปรีวิว ตลาดเจนนี่คึกคักเหลือเกิน เม็ดเงินหลั่งไหลเข้าหาเจนนี่ พร้อมๆ กับความหวังของคนในวงการบันเทิง ดาราหลายรายขายของไม่เป็น ก็เริ่มจับจุดการขายในโลกออนไลน์ได้

เจนนี่ไม่หวงวิชา เธอยังสอนเทคนิคในการขายในยุคที่ตลาดออนไลน์เติบโต จึงไม่แปลกใจ ทำไมดาราดังหลายคนถึงมีน้ำตา ร้องไห้กันระงม ไม่ว่าจะเชน ธนา , ดีเจพุฒ พุฒิชัย, ต้นหอม ศกุนตลา ฯลฯ ได้เห็นภาพการขายในอีกมิติ ที่เน้นความเรียล บ้านๆ แต่ขายได้หลัก 10 ล้านภายใน 10 นาที นำไปขายต่อยอดในช่องทางของตัวเอง ได้อีกหลายล้าน

นี่คือการชุบหัวใจคนบันเทิง และเหล่านักขาย ที่อยู่ในช่วงห่อเหี่ยวเหลือเกิน!

ไม่รวมแบรนด์ต่างๆ ที่ต่างก็ร่ำไห้ ซึ้งใจกับการช่วยขายของเจนนี่ หลายรายลืมตาอ้าปากได้ ผลิตของกันแทบไม่ทัน บางรายไม่ได้ยอดตามเป้า แต่มองว่าคุ้มค่า เพราะหากไปจ่ายเงินยิงแอด หรือจ้างคนดังรีวิว สิ่งที่ได้กลับมาก็ไม่แน่ว่าแมสเท่ากับจ้างเจนนี่หรือไม่ ทุกแบรนด์ล้วนได้ขับเคลื่อนชีวิต เป็นมหกรรมที่คนไทยช่วยคนไทย ขายของให้คนไทย คนไทยได้ซื้อสินค้าในราคาคุ้มค่า

นอกจากขอลดราคาสินค้าเพื่อลูกค้าแบบสะบั้นหั่นแหลกได้แล้ว เจนนี่ยังทลายกำแพงคนดัง กับการขอให้ช่วยขายสินค้าให้แบรนด์ขนาดเล็ก ซึ่งทุกคนที่มาไลฟ์กับเจนนี่ ล้วนยอมเปิดใจ ทิ้งตัวตนคนดังที่มีราคาทุกกระเบียดนิ้ว เรียลๆ ไปด้วยกัน เป็นภาพที่ถือว่าหาดูได้ยากในวงการบันเทิงของไทย

ข้อกังขา ขายกับเจนนี่ได้กำไรจริงหรือ?
บ้าน 100 ล้านของเจนนี่ตอนนี้กลายเป็นโกดังสินค้าไปแล้ว ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้กลายเป็นข้อกังขา เจ้าของสินค้าจ่ายค่าจ้าง 5 หมื่น หรือ 1 แสนใน 5 หรือ 10 นาที มันคุ้มจริงหรือ ด้วยสินค้าที่ลดราคาลงมาเยอะเกินไป จนมองว่าไม่น่าคุ้มกับการลงทุน แต่คนค้าขาย ย่อมรู้ต้นทุนที่แท้จริงของตัวเอง ไม่มีใครอยากเจ๊ง ค่าการตลาดที่จ่าย ไม่ได้จบแค่วันนั้น แต่เปิดค่าการมองเห็น ความคาดหวังหลักๆ ของเจ้าของแบรนด์คือการสร้างความจดจำ กลับมาซื้อซ้ำ ซึ่งเป็นราคาที่ประเมินค่าไม่ได้ ตอนนี้แค่พูดชื่อเจนนี่ หรือใช้สแตนดี้เจนนี่ ก็สามารถเพิ่มยอดขายและการมองเห็นให้กับคนในโลกออนไลน์หลายรายแล้ว เป็นอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้น

คิดการใหญ่ต้องระวัง
ปรากฏการณ์เจนนี่ ทำให้นักการเงิน นักการตลาดต่างต้องออกมาวิเคราะห์กันจนสะเทือน เจนนี่ไม่ได้นั่งรอรับเงิน กอบโกยอย่างเดียว ยังมีการช่วยเหลือเจ้าของแบรนด์เล็กๆ หลายราย นอกจากช่วยขาย ยังช่วยอุดหนุน นำเงินจากการขายไปบริจาค ซื้อข้าวของทำกุศลเพื่อสังคม ให้ลิลลี่ ลงพื้นที่ช่วยซื้อสินค้าคนระดับรากหญ้า กระจายรายได้ออนไลน์สู่แม่ค้าพ่อค้าออฟไลน์ตามตลาดนัด ช่วยเหลือร้านค้าเล็กๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนได้ใจคน

เจนนี่เป็นคนที่สมองมีแผนการต่อยอดอยู่ตลอดเวลา หลังจากเทศกาลเจนนี่ ตอนนี้เจ้าตัวเริ่มคิดไปไกลถึงเฟสติวัล จัด 5 รอบ 5 จังหวัดทั่วประเทศ เริ่มม.ค. ปี 69 จ่ายบูธละ 1 ล้าน ตัวเอง-สามี และบูม หมูทะ ไปช่วยไลฟ์ 2 รอบ โดยมองว่าหากได้รอบละ 5 แสน เจ้าของแบรนด์ก็หลุดทุน เมื่อไลฟ์มาราธอน ที่เหลือคือกำไร

แม้หลายคนมองว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้กลับมีคนดัง นักธุรกิจ เปิดจองบูธกันเข้ามาหลายรายแล้ว ทำเอาอึ้งและทึ่งกันไปถ้วนหน้า โดยเจนนี่ยังได้เสนอว่า สินค้าแบรนด์ดัง ต้องช่วยสินค้าแบรนด์เล็กๆ ไปด้วย ทุกฝ่ายมีแต่ได้กับได้

แต่นี่คือการคิดการใหญ่ที่ต้องระวัง เจนนี่คิดเร็ว คิดใหญ่ แต่ยังขาดประสบการณ์ในหลายๆ ด้าน กว่าจะถึงวันนั้น ต้องดูแลระบบหลังบ้านและการจัดการให้ดีกว่านี้ ให้นึกถึงบทเรียนจากการเปิดค่ายเพลงได้หมดถ้าสดชื่น เพราะคิดใหญ่ เล่นใหญ่ สุดท้ายต้องปิดตัว แถมต้องเผชิญดรามาไม่เว้นวัน กระทบชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย

เสียงจากยอดนักขายและคำเตือนที่ต้องฟัง
“ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” กูรูด้านนางงามและนักธุรกิจ ได้เปิดใจถึงเจนนี่ “วันนี้มีเจนนี่ พรุ่งนี้อาจจะมีคนอื่นก็ได้ วันที่แล้วมีพิมรี่พาย, มีวิน วิลเลี่ยม เชื่อว่ากระแสตรงนี้หากเจนนี่แก้ความชุลมุนวุ่นวายให้ตัวเองไม่ได้ ก็จะจบเร็วมาก ฉะนั้นต้องวางระบบให้ดีกว่านี้แล้วจะอยู่ได้อีกครึ่งค่อนปี”

หากเจนนี่สามารถทำทุกอย่างที่คิดสำเร็จขึ้นมาจริงๆ ยอด 1,000 ล้าน ที่คิดเอาไว้ตอนนี้ก็จะกระจอกไปเลย ปีหน้าเจนนี่จะกลายเป็นมหาเศรษฐีที่รวยกว่าเจ้าสัวในเมืองไทย!

























กำลังโหลดความคิดเห็น