“ณวัฒน์” ท้อใจถูกนายกฯ “อนุทิน” ยื่นอุทธรณ์หมื่นประมาทเรื่องวัคซีน วอนท่านข้ามผ่านอย่ามาเสียเวลากับเรื่องขี้ปะติ๋วตรงนี้ เอาเวลาไปดูแลเรื่องประเทศชาติจะดีกว่า ลั่นมีกรณีศึกษาคนของรัฐฟ้องประชาชนได้ยากมาก เพราะประชาชนเป็นผู้ได้รับผลกระทบตรงกับการบริหารงาน ตนมีสิทธิ์จะกล่าวอ้าง
เป็นเรื่องที่คิดว่าคงจบไปแล้วแต่กลับมาฟื้นใหม่อีกครั้งเมื่อ “บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เจ้าของเวทีมิสแกรนด์ และประธานกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่านายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ฟ้องหมิ่นประมาทเรื่องวิจารณ์โควิด ศาลยกฟ้องแต่นายกฯ อุทธรณ์ต่อ
และได้เขียนข้อความเพิ่มเติมในคอมเมนต์ว่า คนสาธารณะวิจารณ์ก็ไม่ได้ ศาลบอกมูลเหตุไม่เพียงพอ ท่านนายกฯ ก็สั่งให้ทีมอุทธรณ์ จนศาลรับเข้าสู่กระบวนการสืบสวน เรื่องแค่นี้เองอยากให้ท่านเอาเวลาไปช่วยประชาชนให้มากที่สุดดีกว่า เมื่อเจอบอสจึงถามเรื่องนี้ เจ้าตัวก็ได้เล่าว่า…
“เรื่องมันเกิดตอนผมเกือบตายตอนโควิด ผมวิพากษ์วิจารณ์ท่านเรื่องการเข้าไม่ถึงวัคซีน ผมไม่เคยได้วัคซีนจากรัฐบาลเลยแม้แต่หยดเดียว ผมซื้อวัคซีนให้ตัวเองและลูกน้องทุกคน เสียเงินไป 300,000 กว่าบาทมีใบเสร็จ และกรณีที่ท่านเตรียมออกพระราชกฤษฎีกายกโทษให้คนสาธารณสุข ให้แพทย์ พยาบาล และทีมงานและผู้จัดการวัคซีน ท่านได้พูดแล้ว ท่านได้ทำเรื่องแล้ว ผมถึงออกมาบอกว่าผมไม่เห็นด้วยกับการทำแบบนี้ ท่านคิดว่าการมาพูดแบบนี้ทำให้ท่านเสียเครดิต ท่านเลยฟ้องหมิ่นประมาททำให้คนเข้าใจว่าท่านเป็นคนไม่ดีได้
ซึ่งเป็นอาญา ศาลได้ยกฟ้องผมไปแล้ว ศาลบอกว่าจากสำนวนทั้งหมดที่ไปอยู่บนศาลเนื้อหาไม่เพียงพอที่จะเอามาฟ้องผมจึงยกฟ้องไป ผมดีใจที่ยกฟ้องไปเพราะเราเป็นผู้ป่วยจริง สองเราเข้าไอซียูจริง สามสิ่งที่เราพูดคือสิ่งที่ท่านแถลงข่าวอยู่แล้ว เราไม่ได้ไปบอกก่อน สี่เราเป็นคนไทย ท่านเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขในขณะนั้น เราย่อมมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ตามพื้นฐานสากลเป๊ะ เราก็คิดว่าศาลโอเค ก็สบายใจ แต่ท่านเองไม่จบท่านให้ทนายอุทธรณ์ พออุทธรณ์ศาลก็เลยรับฟ้อง ก็ไปสืบสู้ คดีเลยกลับสู่ศาลอีกครั้งจากการอุธรณ์ของนายกฯ อนุทิน ก็ต้องสืบกันประมาณต้นปีหน้า”
รู้สึกท้อใจเป็นคนของประชาชนกลับถูกนายกฯ ฟ้อง วอนท่านข้ามผ่านเรื่องขี้ปะติ๋วเอาเวลาไปดูแลเรื่องประเทศชาติดีกว่า
“ผมมีความรู้สึกท้อใจ เราเป็นประชาชน เราทำงานเต็มความสามารถ เราพูดในสิ่งที่เราประสบด้วยตัวเอง เราเป็นผู้ป่วย มีใบรับรองแพทย์ทุกอย่างว่าเราถึงแก่ชีวิตได้ เราพูดแค่นี้จะฟ้องเราหมิ่นประมาทแต่โชคดีที่เรามีศาลยุติธรรมที่บอกว่าไม่เพียงพอต่อการฟ้อง แต่ท่านอุธรณ์
ผมคิดว่าท่านนายกฯ ไม่น่ามาเสียเวลากับผมเรื่องนี้เลย อยากให้ไปทำงานเต็มที่อย่างที่ท่านอยากทำ ผมว่าสิ่งที่ผมพูดผมทำมันเป็นบรรทัดฐานที่จะพัฒนาประเทศไทยพัฒนาเด็กรุ่นใหม่ หรือคนรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ให้มีสิทธิ์ในการพูดเพื่อช่วยกันพัฒนาประเทศ เสียงของคนรุ่นนี้ค่อนข้างเยอะ ผมคิดว่าถ้าท่านไม่แคร์พวกเราเลย ท่านไม่แคร์คนไทย เราบาดเจ็บโดยที่ไม่ได้รับการรักษาจากโครงการการให้วัคซีน
แล้วมากลายเป็นผมถูกฟ้อง ก็รู้สึกว่าผมเป็นคนไทยที่แอบเศร้า แต่ผมไม่เครียดครับ เรื่องมันก็เป็นไปตามยถากรรม ผมมั่นใจว่าผมทำอะไรผมทำตามเอกสารเป็นหลัก ผมไม่กลัว สิ่งที่ผมกลัวคือไม่อยากให้ท่านผู้นำประเทศต้องมาเสียเวลากับเรื่องเหล่านี้มันเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วมากๆ อยากให้ท่านไปดูแลเรื่องใหญ่ๆ เรื่องกัมพูชา เรื่องเขา ทะเล พื้นดิน พื้นที่ เตรียมการเลือกตั้ง
ถ้าถอนได้ก็ควรจะถอน แค่ให้ทนายไปบอกว่าถอนก็จบ แค่นั้นเอง ผมไม่ได้ฟ้องท่าน ท่านฟ้องผม ผมเองก็ไม่คิดจะฟ้องท่าน ผมไม่เคยฟ้องใครเลย ลุงตู่ (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ก็จบไปแล้ว ไม่ได้ฟ้องกลับ เราเป็นประชาชน เมื่อมันมีกรณีศึกษาคนของรัฐฟ้อง มันจะฟ้องในข้อกล่าวหายากมาก เพราะเราเป็นผู้มีผลกระทบตรงกับการบริหารงาน เรามีสิทธิ์จะกล่าวอ้าง เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย”
