“วิว วรรณรท” แจงคลิปร้องไห้ เป็นการจำลองเหตุการณ์ ตอนเจอปัญหาช่วงโควิด ยันไม่ใช่คอนเทนต์โปรโมตสินค้า เพราะไม่ต้องการเล่นกับความรู้สึกคน รับเหนื่อยหมดไปหลายล้าน ผ่านมา 10 ปี ยังไม่โตตามเป้า ปัดเลิกกับ “แม็ค วีรคณิศร์” ทุกอย่างยังปกติดี งานแต่งไม่ได้เลื่อน แค่ขอเก็บเงินก่อน เผยฝ่ายชายเป็นทีมซัปพอร์ต ช่วยกันทำธุรกิจเบอร์เกอร์ เพื่อสร้างฐานอนาคตให้มั่นคง
เรียกว่ากว่าจะผ่านมาได้ ก็หนักหนาสาหัส สำหรับสาว “วิว วรรณรท สนธิไชย”ที่ออกมาโพสต์ระบายว่าเหนื่อย พร้อมกับลงคลิปปล่อยโฮ จำลองเหตุการณ์ที่มาสคาร่าของตัวเอง กำลังจะถูกถอดออกจาก 7-11 แต่งานนี้ก็ไม่วายแอบมีดรามาเบาๆ ว่าเป็นคอนเทนต์โปรโมตสินค้าหรือเปล่า ล่าสุดวันนี้ (14 ต.ค.) ได้เจอสาววิว ในงานบวงสรวงละครเรื่อง “จิตสะกดแค้น” เจ้าตัวก็ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ ว่าทุกอย่างเป็นปัญหาที่เกิดจริงขึ้นกับตัวเอง แค่มาเล่นเป็นละครสั้นให้คนดูเข้าใจมากขึ้น
“คือวิวทำธุรกิจมานานแล้ว ตอนนั้นเหมือนว่าเราก็ทำธุรกิจ พร้อมกับถ่ายละครไปด้วย จริงๆ แล้วมันเป็นปัญหาตั้งแต่ตอนโควิด ที่เครื่องสำอางมันขายได้น้อยลง เพราะว่าคนก็ไม่ได้แต่งหน้าเท่าไหร่ พอเผลอแป๊บเดียว มันก็คือเข้าปีที่ 7-8 ที่วิวขายเครื่องสำอางมา แล้วไลน์พวกเครื่องสำอางที่ขายในเซเว่นมันเยอะมากๆ ก็เข้าใจเลย ว่าคนไปก็อาจจะไม่ค่อยเห็นของเราอยู่แล้วแล้วตัวมาสคาร่าของวิวตัวเนี่ย ที่เคยเอาเข้าเซเว่นไป เคยโดนถอดมาก่อน เพราะว่าตอนโควิดขายไม่ดี ซึ่งเครื่องสำอางมันก็จะมีวันหมดอายุ ถ้าขายไม่ดี มันก็ต้องเอาออก ก็เหลือกองเป็นภูเขาเลย
บางคนก็ถามว่าทำไมไม่เอามาขายต่อ คือมันไม่สามารถ เพราะว่ามันหมดอายุ มันก็จะเสื่อมสภาพไป ตอนนี้ก็ยังอีก 3 ตัว ที่อยู่ในเซเว่นคือ ที่เขียนคิ้ว ลิป แล้วก็อายไลเนอร์ ส่วนมาสคาร่าเป็นตัวที่มีคนถามหาเยอะมากๆ เพราะว่ามันหายไป วิวก็เลยคิดกันว่า ลองทำใหม่อีกรอบไหม เราก็เลยเก็บเงินจนผลิตมาสคาร่าตัวใหม่ขึ้นมา แล้วช่วงนี้เซเว่นเขาก็มีเงื่อนไข เพราะว่าธุรกิจเครื่องสำอางมันเยอะ เขาก็บอกว่าถ้าขายไม่ดี เขามีให้ทดลองขายภายใน 3 เดือน ถ้ามันไม่ดีอีก ก็จะขอถอดออก
ซึ่งตรงนี้เราก็เครียด เพราะว่ามันเป็นการลงทุน คือมันอาจจะไปขายในที่ต่างๆ ได้ แต่เราก็ต้องสต็อกของไว้เยอะมากๆ มันก็เลยเป็นอะไรที่ค่อนข้างเครียด ว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง ไลฟ์ขายเราก็เคยทำแล้วก่อนหน้านี้ แต่มันก็ไม่ค่อยมีผลตอบรับเท่าไหร่ คลิปรีวิวก็ทำแล้ว คลิปแต่งหน้าสวยงามเราก็ทำแล้ว ก็เลยเป็นจุดที่ว่าทำงานหลายอย่าง แล้วตอนนี้ก็ทำแบรนด์เบอร์เกอร์ของตัวเองด้วย มันก็เลยเหนื่อยหลายอย่าง ไม่ใช่ว่าเราเพิ่งเริ่มทำธุรกิจ”
ตอนนั้นลงทุนหมดไปเป็นล้านๆ
“ทุกอย่างก็เป็นล้านๆ อยู่แล้วค่ะ แต่ตอนนั้นมันก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้ เพราะโควิดทุกคนโดนผลกระทบหมด แต่พอถอด การที่เราไปเห็นของที่เราตั้งใจทำ ลงเงินลงแรงอยู่ในนั้น มันก็ปวดใจ จริงๆ อยากให้คนได้ลองใช้ เพราะตั้งใจทำ ไม่ได้ขายเอากำไรเยอะเลย ไม่ได้ค้าขายเกินราคา ทุกอย่างราคาไม่ถึงร้อย ในการตั้งใจทำแต่ละอย่าง มันก็มีต้นทุน พอคนไม่ค่อยรู้จัก เราก็อยากจะให้ใช้ของดีๆ ในราคาดีๆ
แจงคลิปร้องไห้ เป็นการจำลองเหตุการณ์ตอนเจอปัญหาให้ดู
“คือตอนนั้นวิวเล่าเป็นภาพคลิปให้ดู เพราะว่าตอนที่เกิดเรื่องต่างๆ เราไม่ได้ตั้งกล้องถ่ายไว้ เราก็เลยเหมือนเล่นละครสั้นให้ดู จริงๆ ปัญหาในตอนนั้น มันไม่ได้ร้องไห้แค่รอบเดียว มันคงแก้ปัญหาไป ทำไป เศร้าก็คงไม่ได้แต่งหน้านั่งในรถสวยๆ คือมันเป็นแค่การจำลองเหตุการณ์ให้ดู ซึ่งการกลับมาทำรอบนี้ ก็เยอะเหมือนเดิม หลักล้านเหมือนกัน หลายล้านอยู่ เพราะการทำสต็อกเข้าร้านเซเว่น มันต้องสต็อกไว้เยอะมาก เพราะว่าเขามีสาขาทั่วประเทศ ก็ต้องเผื่อไว้ ห้ามของขาด สมมติว่าสินค้าหมดก็ต้องมีเติมตลอดเวลา”
หลังโควิดงานละครน้อยลง การหาเงินเลยต้องพุ่งไปที่ธุรกิจ
“ตอนช่วงโควิด เราทำงานในวงการบันเทิงมาสักพัก มันก็มีเงินเก็บ เราก็ใช้เงินตรงนั้น ตอนนั้นก็กระทบ แต่ก็ยังมีตัวอื่นๆ ที่ยังขายอยู่ มันก็ยังไม่ได้สาหัสมาก แต่มันก็เรียกว่าเราเสียเงินไป แต่พอหลังจากโควิดเสร็จ งานมันก็น้อยลงด้วย งานในวงการต่าง ๆ มันก็กระทบลงไปด้วย แล้วเราหลังๆ มาก็ตามวัย บทต่างๆ ที่เลือกได้ มันก็ไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่จะเป็นนางเอกตลอด ละครก็ทำน้อยลง เราดูบท ก็รับบทน้อยลง การหาเงินมันเลยต้องพุ่งไปที่ธุรกิจ”
มีผู้ใหญ่ในบ้านที่ต้องดูแล แต่ไม่ใช่ภาระ
“ใช่ 7 คนรวมวิวด้วย ซึ่งบางทีก็ไม่ได้ออกมาบอก คือในที่นี้ไม่ได้เป็นภาระ เหมือนที่ทุกคนพูดว่าเป็น เดอะแบก คือไม่ใช่เลย แต่แค่บอกว่า สมมติถ้าเรามีแค่คุณพ่อคุณแม่ เราก็อาจจะสบายๆ ชิลๆ ทำธุรกิจมีผลกระทบ เราก็เลี้ยงดูตัวเอง แต่ตอนนี้ที่บ้านก็จะมีคุณพ่อ คุณแม่ คุณตา คุณยาย น้า น้องสาว ก็เรียกว่าเป็นผู้ใหญ่ซะเยอะ ก็ไม่ได้ทำงานอะไรกันแล้ว เราก็เป็นคนที่ทำงาน แล้วก็น้องสาวที่ทำงานอีกคน เพราะฉะนั้นค่าอยู่ค่ากิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ในแต่ละเดือนมันก็เยอะ รวมถึงค่าครองชีพ มันก็เลยเป็นสิ่งที่เราอยากจะดูแลให้ดี”
รู้ว่าไม่มีอะไรมั่นคง ขอบคุณคอมเมนต์ช่วยแนะนำหลายอย่าง
“เราบ่นเหนื่อย แต่เราเป็นคนทำงานมาตั้งแต่มหา'ลัย ก็รู้ว่ามันเป็นอะไรที่ไม่มั่นคงอยู่แล้ว แม้แต่งานในวงการบันเทิง เราก็เลยวางแผน ว่าเราจะต้องค้าขาย แต่ก็รู้ว่าการค้าขายมันไม่ได้ประสบความสำเร็จกันง่ายๆ ทุกคนก็เหนื่อยกันมากๆ วิวก็เริ่มมาเรียนรู้อะไรมากขึ้น คอมเมนต์จากทางบ้านก็แนะนำดีมากๆ ให้ไลฟ์ ให้นั่นให้นี่ ก็คิดว่าเดี๋ยวจะทำอะไรที่ทำได้มากขึ้น เพราะจริงๆ แล้วเราก็ค่อนข้างล้าหลัง ตอนแรกไปไลฟ์ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ทำรีวิว ทำคอนเทนต์ก็ไม่ค่อยเก่ง แต่ตอนนี้ก็คือรู้แล้ว ว่ามันต้องทำอะไรบ้าง ทุกวันนี้วิวว่าการสื่อโซเชียลมันเร็ว เราก็ต้องใช้ให้ถูกต้อง ไม่ใช่พูดปากต่อปากแล้วมันจะเร็ว มันต้องให้คนเห็น ต้องมีคอนเทนต์ที่น่าสนใจ”
ยันไม่ใช่คอนเทนต์โปรโมตสินค้า เพราะไม่ต้องการเล่นกับความรู้สึกคน
“จริงๆ อยากขอบคุณก่อนนะคะ ลงคลิปไปคนก็สนใจ ว่ามันมีประเด็นดรามาอะไร คือเราไม่ได้คิดอยู่แล้วว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป มันก็แค่บ่น ระบาย ว่าเหนื่อยเนอะ แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะตายแล้ว มันแค่หาหนทางออก มันไม่ใช่คอนเทนต์ในการโปรโมตสินค้า หนูรู้สึกว่าอย่างนั้นมันเป็นการเล่นกับความรู้สึกคน ซึ่งเขาแฟนคลับ เป็นพี่ๆ นักแสดงในวงการบันเทิง พี่น้องทุกคนน่ารักมากๆ ทุกคนเป็นห่วง แล้วเขาก็รู้อยู่ว่าเราทำงานเยอะ ก็โยงไปว่ามันเป็นปัญหาธุรกิจ เดี๋ยวนี้ใครเขาก็ให้คำปรึกษา บางคนก็มาปรึกษาเราด้วย ก็เลยได้แชร์กันมากขึ้น”
การเป็นดารา ไม่ได้ช่วยให้สินค้าอยู่ในเซเว่นได้มากขึ้น
“มันไม่สำคัญเลย อาจจะมีคนรู้จักบ้างว่าเป็นของเรา แต่บางทีเขาก็คิดว่าเราเป็นพรีเซ็นเตอร์ เป็นการจ้างมา เหมือนเราไม่ได้ทำเอง ทุกอย่างวิวเคยพูดไปหมดแล้ว แต่เข้าใจว่ามันนานมากแล้ว ตั้งแต่เปิดแบรนด์เกือบ 10 ปี คนก็ลืมไปแล้วซึ่งแต่ละตัวมันก็คือวิวัฒนาการความสวยของเรา เป็นของเราเอง ถ้ามีอะไรติชมมาบอกได้หมดเลย แล้วที่ออกมาพูด อีกอย่างหนึ่งก็อยากให้ความรู้ แล้วก็อยากจะเป็นกำลังใจให้ทุกคนด้วยค่ะ เพราะทุกวันนี้เศรษฐกิจก็แย่มาก ๆ”
ยอมรับเหนื่อย ทำมา 10 ปี แต่ไม่โตตามเป้า
“มันก็เหนื่อยอยู่แล้วค่ะ หนูรู้สึกว่ามันไม่ได้มาได้ง่ายๆ ทุกอย่างมันต้องทุ่มเท เราจะได้รู้สึกภูมิใจ พอผิดหวัง แล้วถ้าวันนึงมันสมหวังขึ้นมา มันก็อาจจะรู้สึกอิ่มใจ”
เห็นดาราแห่ไปไลฟ์กับ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” รัชนก สุวรรณเกตุ ส่วนตัวก็สนใจ แต่ขอลองปรึกษากันก่อน
“เห็นอยู่ค่ะ ก็ไม่ได้อยากจะรบกวนใครนะคะ แต่ว่าถ้าเห็นอยู่ผ่านช่องทางนี้ วิวก็สนใจนะ แต่เดี๋ยวต้องลองติดต่อลองคุยดู ก็จะปรึกษากันก่อนว่าจะยังไง ก็ไม่ได้อยากรบกวนหรือกระทบใครด้วย”
ปัดเลิกกับ “แม็ค วีรคณิศร์ กานต์วัฒนกุล” ความสัมพันธ์ยังเป็นปกติ ใส่แหวนหมั้นเหมือนเดิม
“ยังใส่แหวนอยู่นะคะทุกคน ยังเป็นปกติ คือเขาเป็นทีมซัปพอร์ต จริงๆ เรื่องของเรามันไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยเขาเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดมานานแล้ว พี่แม็คเป็นคนทำธุรกิจมาก่อนหนูเยอะมากๆ เขาทำโรงแรม ทำร้านอาหาร เขาก็แนะนำว่า มันก็เป็นอย่างนี้แหละ แต่ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับดวง และความขยันของเรา เขาก็ได้แต่ซัปพอร์ต ให้กำลังใจ แล้วก็ร้านเบอร์เกอร์ก็ทำกันขึ้นมา วิวกับพี่แม็ค คิดร่วมกัน เพราะอยากจะสร้างฐานให้มั่นคงในอนาคต ที่เราจะแต่งงานมีลูก คนก็บอกว่าวัยรุ่นสร้างตัว แต่ก็ไม่วัยรุ่นแล้ว (หัวเราะ) ก็เลยเหนื่อยหน่อย จะพยายามให้เยอะๆ”
เพิ่งผ่านวันครบรอบขอแต่งงาน กำลังช่วยกันเก็บเงินสร้างเรือนหออยู่
“ใช่ค่ะ ครบรอบตอนขอแต่งงาน เร็วมาก เหมือนตอนนั้นก็วาร์ปมาถึงตอนนี้เลย เพราะเราทำงานหนักมาก ก็พยายามเก็บเงิน คือทั้งธุรกิจเบอร์เกอร์และเครื่องสำอาง ก็เก็บเงินสร้างบ้านของเราด้วย สร้างเรือนหอ”
ฝ่ายชายคอยซัปพอร์ตเวลาเหนื่อย
“คือเวลาวิวเหนื่อย วิวเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดอะไร ไม่ค่อยระบายอะไรเท่าไหร่ เหนื่อยก็ไปนอนคิด เขาก็จะมาถามว่ากินอะไรอร่อยๆ ไหม เขารู้ว่าการกินของอร่อยจะช่วยเราได้คือพอหันไปดูเขา ที่เป็นเหมือนหัวหน้าครอบครัว ก็ต้องทำงานเหนื่อย พอเห็นหน้าเขาที่เหนื่อยกว่าเรา เราก็หาย”
แพลนแต่งงานไม่ได้เลื่อน แต่ขอเก็บเงินก่อน อาจจะเป็นปีหน้าโน้น
“แพลนแต่งงานไม่ได้เลื่อน แต่ก็เก็บเงินก่อนนะ เมื่อไหร่เดี๋ยวบอกไป ก็คิดไว้ว่าปีหน้าโน้นค่ะ เอาให้พร้อมก่อน เราจะจัดการเรื่องบ้าน เรื่องที่อยู่ก่อนค่ะ”
