“เจมส์ มาร์” เฉลยข่าวดีคือการได้เล่นละครเวที ไม่ใช่เรื่องแต่งงาน ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ ไม่อยากกดดันเพิ่งคบกันได้ 2 ปี แต่ถ้าถึงวันนั้นจริงๆ ต่างฝ่ายต่างก็อยากให้เป็นคนนี้ “พาย” รับเขิน มีคนแสดงความยินดีเพียบ นึกว่าจะแต่งกันแล้ว ชมแฟนน่ารัก และรักมากขึ้นทุกวัน แอบเป็นห่วงช่วงนี้ทำงานเยอะ
ทำเอาแฟนๆ ดีใจเก้อ นึกว่าจะมีงานแต่ง หลังพระเอกหนุ่ม “เจมส์ มาร์” ออกมาประกาศเตรียมจะมีข่าวดี แต่ที่แท้คือการโปรโมตละครเวทีเรื่องแรกในชีวิต ล่าสุด (9 ต.ค.) ได้เจอหนุ่มเจมส์ และหวานใจคนสวย “พาย รินรดา แก้วบัวสาย” ที่มาร่วมงานเปิดตลาด “A fair” อร่อยเกรดเอ ก็เลยขอสัมภาษณ์คู่กันถึงประเด็นนี้ หลังหลายคนเข้าใจผิดไปแล้ว ว่าเตรียมจะแต่งงานกันจริงๆ
เจมส์ : “ข่าวดีสำหรับละครเวทีครับ วันสละโสดกับโจทก์เก่าๆ เดอะ สรวน มิวสิคัล ครับ นั่นคือข่าวดีของเรานั่นแหละ ว่าได้เล่นละครเวทีแล้ว”
พาย : “คนเข้าใจผิดเยอะเหมือนกันค่ะ คนมาถามหนูเยอะมาก บางคนเดินเข้ามาบอกหนูว่า ยินดีด้วยนะลูก หนูก็ถามยินดีเรื่องอะไรคะ เขาบอกจะแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ หนูบอกก็ยังค่ะ (หัวเราะ)”
เจมส์ : “แล้วก็คอมเมนต์ด้วย จะมีผู้ใหญ่หลายท่านที่เรารู้สึกอยากจะบอก แต่ว่าช่วงนั้นยังบอกไม่ได้ รวมถึงชีวิตจริง ก็อย่างที่น้องบอก เพื่อนๆ ผู้ใหญ่หลายๆ คน ก็ไลน์มา ทั้งยินดีด้วย ถามว่าเมื่อไหร่ มันคือการโปรโมตครับทุกคน (หัวเราะ) แต่เราก็รู้แหละ ว่าจะมีฟีลแบบนี้ แต่ไม่คิดว่าฟีดแบ็กมันจะใหญ่ขนาดนี้แค่นั้นเอง คิดว่าหลายๆ คนก็ลุ้นครับ เพราะว่ามันเป็นคำถามที่เรามักจะเจออยู่แล้วในชีวิตประจำวัน เจอผู้ใหญ่ เจอเพื่อน ทุกคนก็จะถามอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ถามด้วยความเอ็นดู”
แต่งจริงยังไม่มีกำหนด ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้
เจมส์ : “ยังไม่มีกำหนด ยังไม่ได้คุยกันเรื่องแต่งเลย เพราะรู้สึกว่ายังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่ เราเพิ่ง 2 ปีครึ่ง อีกอย่างเรามีงานที่ต้องรับผิดชอบ ยังอยากใช้ชีวิตไปก่อน ไม่เคยวางว่ากี่ปี ไม่เคยวางเรื่องของระยะเวลาครับ แต่ว่าผมก็พูดเสมอแหละ ว่าถ้าผมจะมีวันนั้น ผมก็อยากให้เป็นเขา คือชัดเจนมาตลอด ว่าถ้าจะมีวันนั้นก็อยากให้เป็นเขา แต่เราไม่เคยวางแพลนว่าเมื่อไหร่ เพราะรู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่เราวางแพลนหรือวางเวลา มันบังคับเรานิดหนึ่ง”
พาย : “แอบเขินนิดนึง ก็ดีใจ ขอบคุณที่เขาให้เกียรติเราขนาดนี้ ขอบคุณค่ะ อย่างที่พี่เจมส์บอก ว่ายังไม่ได้ฟิกซ์ไว้ เพราะอยากให้มันเป็นไปตามเวลาธรรมชาติมากกว่า ก็ขอบคุณและก็ดีใจที่เขาคิดว่าเป็นเรา เราเองก็รู้สึกว่า ถ้าวันหนึ่งเราจะแต่งงาน ก็เป็นเขานี่แหละค่ะ”
รัก 2 ปี ได้รู้จักกันมากขึ้น
เจมส์ : “เราเริ่มรู้จักกันมากขึ้น ในฐานะคนเป็นแฟน และเริ่มเห็น คือในวันที่ดีมันดีหมดแหละครับ ในวันที่ไม่ดี มีปัญหา เหนื่อย เราเห็นว่าเขาอยู่กับเราได้ เขาซัปพอร์ตเราได้ เขาอาจจะไม่เข้าใจเราร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยเขาอยู่กับเราได้ เวลาเถียงกันเป็นยังไง เวลามีปัญหา เราเคลียร์ปัญหากันยังไง มันเริ่มเห็นไปในอนาคตมากขึ้น แต่เราแค่ไม่อยากไปฟิกมันเท่านั้นเอง เพราะตั้งแต่วันแรกผมก็ไม่ได้ฟิกซ์ตัวเอง ว่าจะต้องเมื่อไหร่ยังไง แล้วผมก็ได้มาเจอเขา ผมก็ใช้วิธีนี้ต่อเนื่องครับ”
มีเรื่องให้ปรับจูนกันเรื่อยๆ
เจมส์ : “ผมว่าก็มีเรื่อยๆ แหละครับ ด้วยอายุที่มากขึ้น หน้าที่การงานที่เยอะขึ้น ช่วงนี้ผมอาจจะไม่ค่อยมีเวลา ก็พยายามบาลานซ์หาวันที่จะเจอกัน”
พาย : “แต่เขาน่ารักมากเลยนะ คือตั้งแต่คบกันมา ช่วงนี้เขาจะมีเวลาให้พายน้อยลง เนื่องด้วยงานของเขา แต่ว่าหนูไม่ได้รู้สึกว่าเขาหายไป เขาสามารถบาลานซ์ทุกอย่างได้ หนูเองก็ได้เรียนรู้ ว่ามันต้องมีการทำงาน มีการแยกกัน ซึ่งหนูโอเค หนูแฮปปี้มาก ที่เห็นเขาไปทำงานแล้วมีความสุข”
ชมน่ารักและรักมากขึ้นทุกวัน
พาย : “ทุกวันเลยค่ะ (หัวเราะเขิน)”
เจมส์ : “ขอบคุณค่ะ ล่าสุดก็พาไปกินข้าว ลงสตอรี่อะไรไป วันไหนที่กองละครนัดเลทหน่อย ตอนเช้าก็จะพาเขาไปกินอาหารเช้า วันไหนไม่ได้ซ้อม ทั้งวันก็จะไปกินข้าวกับเขา (หวานทุกวัน?) เมื่อไหร่ที่เราว่างก็ให้เวลาเขาเลย แต่ช่วงนี้ทั้งมีละคร ทั้งซ้อมละครเวทีด้วย ถามว่ากลัวเขางอนไหม ลึกๆ ผมก็ต้องคิดนะ ว่าเขาจะโอเคไหม พอเราไม่ได้ให้เวลาปกติ ซึ่งเขาอาจจะไม่คิดหรอก แต่ว่าเราต้องคิดเผื่อไว้ เพราะเรื่องแบบนี้มันสำคัญ การแพลนวัน การหาวันที่มันลงตัว แล้วไปที่ไหน ทำยังไง ให้วันที่เราว่างมันมีความสุขที่สุด”
พาย : “หนูเกรงใจเขา หนูรู้ว่าเขาทั้งถ่ายละคร ทั้งละครเวทีด้วย มันเป็นอะไรที่เหนื่อยมากๆ ก็เป็นห่วงเขา ไม่อยากให้เขาคิดว่ามาเป็นห่วงเราอีก อยากให้เขาเต็มที่กับงานของเขา เราก็พยายามซัปพอร์ตให้เต็มที่ อยากให้เขาพักผ่อน แต่ก็เข้าใจว่านี่แหละ มันน่าจะเป็นช่วงที่เขาสนุกกับงานที่สุด เราก็ดีใจที่เขามีประสบการณ์แบบนี้ค่ะ (มีไปดูแลที่กองบ้างไหม?) ไม่ได้ไปเลย เขามีคนดูแลแล้ว พี่อ๋า (ผู้จัดการส่วนตัว) ก็อยู่ เราก็เป็นฝ่ายให้กำลังใจจากทางบ้าน”
เจมส์ : “กลับมาก็จะเล่าให้เขาฟัง ว่าวันนี้ทำอะไรมาบ้าง ซ้อมอะไรมาบ้าง เล่นยังไง ก็จะมาเล่าให้เขาฟัง”
พาย : “หนูร้องเพลงได้แล้วค่ะ หนูร้องได้ทุกเพลงแล้ว”
เจมส์ : “เป็นการกลับมาคุยกันครับ ไม่ว่าเราเจออะไรในแต่ละวัน ก็อยากกลับมาเล่าให้เขาฟัง มันสนุกครับ เราสนุกก็อยากให้เขาสนุกด้วย งานละครเวทีก็ดีครับ เป็นประสบการณ์ใหม่ คือผมได้ทำอะไรใหม่ๆ เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น การเล่น การร้อง การเต้น แล้วโชว์ที่ผมไม่เคยทำมาก่อนจริงๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นมู้ดแอนด์โทน คืออยากให้ทุกคนมาดู จริงๆ ที่ทุกคนเห็นว่าผมทำงานมา 13 ปีเนี่ย ผมไม่ได้เอามาใช้ในละครเวทีเรื่องนี้เลย ทุกอย่างใหม่หมดเลยครับในละครเวทีเรื่องนี้
ก็ยากครับ เพราะมันเป็นสิ่งใหม่ๆ เราก็เอ็นจอย และเปิดรับกับมัน แล้วก็พยายามทำทุกโจทย์ที่เราต้องทำให้ดีที่สุด เรื่องร้องเพลงก็มีเบสิกที่ต้องไปเรียน การเต้นก็เช่นกัน การตีความตัวละคร ที่สำคัญคือบทมันเป็นผู้ชายเจ้าชู้ เราก็ต้องตีว่าตัวละครตัวนี้จะเจ้าชู้ยังไง น่ารักยังไง พอเจอโจทก์แต่ละคนต้องทำยังไง บทเจ้าชู้จริงๆ แล้ว ไม่ยากครับ คำว่าเจ้าชู้เนี่ยมันเล่นได้หลายแบบ มันมีเรฟเฟอร์เรนซ์ให้ได้ดูเยอะ ทีนี้เราเลือกแบบไหนมาที่มันตรงกับตัวละครและเราแค่นั้นเอง รับรองว่าไม่เคยเห็นผมเล่นแบบนี้แน่นอน”
ยันชีวิตจริงไม่เจ้าชู้แน่นอน
เจมส์ : “ชีวิตจริงไม่เจ้าชู้ครับ แต่ตัวละครนพ เจ้าชู้ครับ”
พาย : “เขาไม่ติดมาค่ะ เรียบร้อยๆ เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ เขาเรียบร้อยกว่าหนูอีก”
เจมส์ : “เลยอยากให้ทุกคนได้ดู ขนาดเราซ้อมทุกวัน กลับมาเล่าให้เขาฟังเรายังตื่นเต้นเลย เราเลยอยากให้ทุกคนมาดูเรื่องนี้จริงๆ ถ้ามีโอกาส ถามว่ากดดันไหม มันกดดันอยู่แล้วครับ ด้วยชิ้นงานที่ยิ่งใหญ่ เหมือนเข้าโรงเรียนวันแรก กลับเข้าวงการวันแรก ทุกอย่างมันใหม่หมด เราทำให้ดีที่สุด เราเอ็นจอยกับมัน นั่นคือสิ่งที่พี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) กับพี่อ้า (สันติ ต่อวิวรรธน์) ผู้กำกับเขาบอกผม คือพี่ขอแค่ความจอยๆ แล้วตัวละครตัวนี้มันจะไปของมันเอง”
รับมีไปปรึกษา “ณเดชน์ คูกิมิยะ”
เจมส์ : “มีครับ เรื่องของการดูแลร่างกาย พี่แกก็ซื้อวิตามินมาให้ผมเป็นแผงเลย แทบจะบังคับกิน กินอย่างนี้นะ ออกกำลังกายอย่างนี้นะ อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องเล่นกับแก ก็เจอกันตลอด แกก็จะคอยดูแลเรื่องการกิน ซื้อข้าว ซื้อน้ำให้ ซื้ออาหารคลีนให้กินตลอด หลักๆ ของแกคือการพักผ่อน และร่างกายที่ต้องดูแลให้แข็งแรง แล้วก็ฟิตเพื่อที่จะเล่นให้ได้ตลอด ที่เหลือแกก็บอกว่าจอยๆ กับมัน อย่าไปคิดมาก”
