xs
xsm
sm
md
lg

ทีมทองแท้ “หมอต่อ-ยาย่า” ตั้งโต๊ะแถลงกระบวนการยุติธรรมเป็นคนตัดสินเท่านั้นว่าถูกหรือผิด หลัง “เม พรีมายา“ เปิดศึกถูกทัวร์ลง สังคมโจมตีกระทบหนัก (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หมอต่อ” เผยได้รับผลกระทบถูกสังคมตัดสินฮุบบริษัทเม พรีมายา ลั่นไม่ว่าใครจะตัดสินยังไงสุดท้ายคนที่ตัดสินผิดหรือถูกมีแค่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ด้านยาย่า เขมณัฏฐ์ ยินดีจบอย่างสันติ ยันทีมตนคือทองแท้แน่นอน

หลังจากออกรายการโหนกระแสแล้ว ทีมทองแท้ “ยาย่า เขมณัฏฐ์”หนึ่งในผู้บริหารและหุ้นส่วนของ Dermatige Aesthetics และ “ทนายตั้ม เกรียงไกร วิศิษฎ์สรอรรถ” ก็ตั้งโต๊ะแถลงข้อเท็จจริงต่อพร้อมด้วย “หมอต่อ นพ.ภาณุพงศ์ ภัทรกุลเทวี” หนึ่งในผู้บริหารและหุ้นส่วนของ Dermatige Aesthetics ถึงกรณีที่ “เม พรีมายา”ออกมาเปิดศึกแฉหุ้นส่วน Dermatige Aesthetice ซึ่งรีแบรนด์มาจาก PRIMAYA คลินิก โดยได้ตั้งคำถามว่าตนเองถูกฮุบบริษัท เพราะหมดผลประโยชน์หรือไม่ ถูกกีดกันการเข้าถึงข้อมูลของบริษัท มีการฟ้องร้องกันไปมาสองฝ่าย และยังข้อสรุปไม่ได้

แถลงครั้งนี้ หมอต่อ รีบบึ่งรถมาร่วมแถลงด้วยตนเอง โดยหมอต่ออยากขอความเห็นใจชาวเน็ตที่ตัดสินทีมตนจนกลายเป็นจำเลยสังคมไปแล้วตอนนี้ ลั่นไม่ว่าใครจะตัดสินยังไงสุดท้ายคนที่ตัดสินผิดหรือถูกมีแค่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น

หมอต่อ : “ต้องขอโทษด้วยครับที่ไม่สามารถมาได้ตอนแรก พอดีติดเคส วันนี้ตั้งใจมาแถลงจริงๆ พอเรื่องมันเกิดขึ้น เราไม่เคยคิดจะทำร้ายใครเลย หลังจากนี้เราจะใช้กระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าสังคมหรือใครจะตัดสินยังไง สุดท้ายคนที่ตัดสินผิดหรือถูกมีแค่กระบวนการยุติธรรม

(ที่บอกว่าเมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เขามีแชตที่ช่วยเลือกโลโก้แบรนด์?) อันนี้ก็ต้องบอกว่าบางทีเราทำในฐานะเพื่อน หรือว่าอย่างผมเองก็จะมีเพื่อนสนิทของผมก็จะส่งให้ บางทีเราทำสกินแคร์ เราก็จะให้เพื่อนช่วยเลือก มันไม่สามารถนำมาเป็นข้อกล่าวอ้างได้ ตอนที่ช่วยเลือกเขาต้องทราบอยู่แล้ว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดตั้งบริษัท เพราะเขาเป็นคนขายหุ้นออกไปเอง ผมก็อยากให้มันจบลงที่ขั้นตอนกระบวนการกฎหมาย มันอาจจะยาวนาน แต่ว่าสุดท้ายแล้วทุกคนในประเทศนี้ก็อยู่ใต้กฎหมาย

ไม่ยืนยันแชตหลุด “หมอต่อ” ของจริง? รอพิสูจน์ที่ศาล
หมอต่อ : “อันนี้ขอไม่ยืนยันครับ มันจะเป็นแชตจริงไม่จริงก็ให้พิสูจน์กันในศาล ไม่ยืนยันว่าเป็นแอ็กเคานต์ของเรา ไม่แน่ใจว่ามีการปลอมแปลงขึ้นมา แต่ถ้าเขามั่นใจก็สามารถไปพิสูจน์กันในศาลได้ คือเราไม่รู้ว่ามันจะมีการตัดแต่งบางช่วงบางตอนหรือว่าจะเป็นยังไง ถ้าเขามั่นใจ เราก็มั่นใจในหลักฐานของเราเหมือนกันกลุ่มไลน์นี้ยังมีอยู่ไหมผมก็ไม่มั่นใจ จำไม่ได้ แต่ว่าเท่าที่มีการคุยงาน เราจะมีการคุยงานกันผ่านกลุ่ม Dermatige แต่กลุ่มที่มีเขา เราไม่ได้คุยนานแล้ว พอมันเปลี่ยนมือ แชตมันก็ไม่ได้มีแล้ว”

ยันนับหนึ่ง แบรนด์ Dermatige ไม่เคยมีอีกฝ่าย เพราะเขาขายหุ้นไปก่อนแล้ว
หมอต่อ : “ผมว่าพอวันหนึ่งบริษัทมีกำไร มันก็แน่นอนทุกคนเล็งเห็นผลประโยชน์ แต่ว่า ณ วันนั้นบริษัทขาดทุน เขามีการทำหนังสือขายหุ้นจริง การซื้อขายหุ้นเกิดขึ้นจริง แล้วพอวันนี้มันมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง เราก็ต้องพิสูจน์กันในศาลว่าใครถูกใครผิด เรา 3 คนเป็นคนทำแบรนด์ Dermatige มาตั้งแต่นับศูนย์ นับหนึ่ง

ที่ไม่มีเขาเพราะก็ตอนนั้นเขาขายหุ้น ตอนนั้นที่เขามีข่าว เขาก็ขายหุ้นไป ตอนหลังพอทำแบรนด์มาถึงจุดหนึ่ง เขาก็ติดต่อมาว่าอยากจะซื้อหุ้น ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือน้องสาวเขา สุดท้ายเขาก็เอาน้องสาวเขามาซื้อ น้องสาวเขาซื้อในบริษัท DMT MEDICAL ซึ่งมันเป็นบริษัทที่มีอนาคต มียอดผลกำไรอยู่แล้ว ส่วนบริษัท Dermaway เขาเลือกที่จะไม่ซื้อ เพราะเขาอาจจะรู้สึกว่าต้องลงเงินเยอะ หรือว่าขาดทุนอะไรหรือเปล่าอันนี้ผมก็ไม่ทราบ เราขายให้เขาเท่ากับราคาทุน ก็เราเห็นแก่ความเป็นเพื่อนตอนนั้น”

ยาย่า : “คิดตามบ้านๆ คนเป็นเพื่อนกัน ณ โมเมนต์นั้นรักกัน ร่วมธุรกิจกัน อย่างตัวน้องสาวเขาที่มาซื้อหุ้นก็มีธุรกิจกับเราอยู่ ปัจจุบันนี้ก็ยังมี ตอนนั้นเราไม่รู้จริงๆ ว่าการที่เราขายหุ้นให้น้องเขาหรือวันนี้มันจะต้องเอามาเทียบกันตรงนี้ ตอนนั้นในอดีตน้องเมให้เรามาในราคานี้ วันนี้น้องเขากลับมาทำเผื่อจะร่วมกันให้บริษัทเติบโต เราไม่ได้อยากค้ากำไรตรงนี้ ซึ่งอันนี้มันเป็นข้อผิดพลาดของพวกเรา ใครจะคิดเห็นยังไงเราห้ามความคิดเขาไม่ได้ แต่วันนี้ตัวเราเองยังไม่ได้มีความผิดอะไรเลย เรากลายเป็นคนที่รังแกคนอื่น เรารู้สึกเป็นเหยื่อถูกเอามาแขวนตรงนี้ เราเครียดกับสถานการณ์นี้มาก เราอยากจะมีคนกลางให้เรื่องมันไปสู่กระบวนการทั้งหมด จะได้ไม่ต้องพิพาทในโลกโซเชียล”

ทำใจทัวร์ลง ยันทีมตนทำทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการกฎหมาย
หมอต่อ : “มันเป็นเรื่องของการจัดผังบริษัทที่เรามีที่ปรึกษาที่เขาทำบริษัทมหาชนมาก่อน แต่มันอาจจะดูเข้าใจยาก ซึ่งผมก็ต้องการทำความเข้าใจประมาณนึงก่อนที่จะทำผังอันนี้ แต่ถามว่ารถทัวร์จะมาจอดไหม จริงๆ ก็เตรียมใจ จอดเรียบร้อยแล้ว

ยาย่า : “จอดแล้วเพราะว่ารถทัวร์เขาอาจจะไม่ได้เข้าใจในมุมมองของเรา วันนี้เราเลือกที่จะออกมาพูด ขอให้เปิดใจฟังเราหน่อย ในวันนี้ถ้าย้อนกลับไปดู หมอกลาง หมอต่อ ตัวย่าเองเราตั้งใจทำธุรกิจอยากให้ประสบความสำเร็จให้ธุรกิจมันเติบโต มันกำลังไปได้ดีวันนี้อยากจะฝากให้มองย้อนกลับไป ฝากถึงเขาก็ได้ว่าในวันที่เรามาร่วมหุ้นกันในอดีต ต่างคนต่างทำงาน แล้ววันหนึ่งคุณออกไปในคดีของคุณที่มันเกิดขึ้น วันนี้เราแยกทางกันออกมา”

หมอต่อ : “อยากจะให้ธุรกิจไปต่อ”

ยาย่า : “อยากจะให้ธุรกิจไปต่อ โดยวันนี้เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ งั้นเราคงไม่ได้ให้น้องสาวเขากลับมาซื้อหุ้น ณ โมเมนต์นั้นเราตั้งใจที่จะเติบโตต่อ ทำธุรกิจต่อเนื่อง และขยายกิจการต่อไป แต่พอเกิดการทะเลาะกัน ทุกครั้งที่มีการประชุมจริตมันไม่ตรงกันเลย เขาพูดจาหยาบคายใส่เรา หรือว่าไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมต่างๆ ที่เราไม่เคยนำตรงนี้มาพูดเลยจนวันนี้รถทัวร์มันมาจอดแล้ว เราก็ต้องพูดในมุมมองของเราบ้างว่าสิ่งที่เราเจอมามันเป็นยังไงบ้าง ถ้าย้อนกลับไปก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นพฤติกรรมที่เขาทำอยู่แล้วหรือเปล่า สิ่งที่เราโดนมาวันนี้เราอยากจะแยกทางกับเขาแล้ว ตอนดีมันก็ดี แต่ตอนมันแย่มันก็แย่จริงๆ แล้ววันนี้เราก็ยืนหยัดว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราทำทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการกฎหมาย”

ที่ไม่อยากไปต่อกับ “เม พรีมายา” เพราะมีเป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้
ยาย่า : “อันนี้เราไม่อยากไปกล่าว”

ทนายตั้ม : “ถ้าเอาง่ายๆ ที่น้องบอกคือขายหุ้นไปแล้ว มันจบ ตัวบริษัทก็ปิดกิจการ ก็เคลียร์ จริงๆ ในมุมมองผมถ้าอยากรู้มูลค่าบริษัทจริงๆ แล้วก็ถามได้เลย จริงๆ ตอนนี้มันอยู่ที่ผู้ชำระบัญชี คุณก็ส่งไปถามเลยขอเอกสาร ส่งไปได้เลย เพื่อจะได้รู้มันเป็นยังไง จะได้รู้มูลค่าด้วย ถ้าคุณพูดถึงเรื่องตัวเงิน มูลค่า มันก็จะสามารถเห็นได้ในตอนที่ปิดกิจการอยู่แล้ว ที่มีการชำระบัญชีก็จะเห็นมูลค่าแท้จริง”

ยาย่า : (มีการพูดคุยกับผู้ถือหุ้นไหมว่าทำไมคุณเมย์ถึงออกมาต่อสู้แทนตัวเขาทั้งๆ ที่เขาเป็นคนถือหุ้น?) จริงๆ เรามีเชิญเขามาประชุม แล้วเขาก็ไม่มา เขาก็เป็นญาติกัน ถามว่าวันนี้เขาจะคุยกับเราไหมก็คงคิดว่าแบบมันเป็นไปไม่ได้แล้ว เราก็ต้องทำทุกอย่างอยู่บนกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการประชุม เราก็ต้องทำให้ถูกต้อง แต่ถ้าวันนี้จะให้โทรไปหาเขามันก็เลยจุดนั้นมาแล้ว”

ได้รับผลกระทบ ถูกมองเป็นจำเลยของสังคมไปแล้ว
หมอต่อ : “กระทบไหมก็กระทบ แต่ผมก็ยังเชื่ออยู่อย่างนึงก็คือกระบวนการยุติธรรมครับ สุดท้ายผมอยากให้เรื่องนี้มันไปจบที่กระบวนการยุติธรรมไม่ว่าผลจะเป็นยังไง อย่างไรก็ตามกระบวนการยุติธรรมจะให้ความยุติธรรมกับทุกคนอยู่ดี”

แจงเรื่องใบอนุญาตคลินิกที่เป็นประเด็นอยู่ ไม่ได้เจตนา พอรู้ว่าผิดก็แก้ไขทันที
ยาย่า : “อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เรามีแจ้งไปในรายการว่าตรงนี้เราก็เป็นผู้เสียหาย อันนี้ขอให้ทางคุณทนายเป็นคนอธิบาย”

ทนายต่อ : “คลินิกทุกคลินิกของแบรนด์นี้มีการขออนุญาตถูกต้อง แต่ในสาขาที่มีปัญหานั้น มันมีการว่าจ้างบุคคลบุคคลหนึ่งในทีมทำงาน ว่าจ้างเขาไปดำเนินการทีนี้เอกสารที่เขนดำเนินการไม่ถูกต้องเขาแจ้งมา จริงๆ เราเป็นผู้เสียหาย ซึ่งมีการไปชี้แจงกับทางพนักงานสอบสวนไปแล้ว แล้วก็กำลังดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวด้วยเหมือนกัน จริงๆ เราเป็นผู้เสียหายนะครับ ถ้าบอกว่าเราเปิดแบบที่บอก ตั้งใจไปเปิด ผมถามว่ามันมีตั้งหลายสาขา แต่มันมีแค่สาขานั้นสาขาเดียว

(ผิดกฎหมายไหม?) ผมก็ตอบตามตรงเลย ถ้ารู้เห็นอยู่มันผิดอยู่แล้ว 100% ตรงนี้พอทางเขาทราบเรื่องเขาก็มีการไปดำเนินการกับบุคคลดังกล่าวก็อยากให้ความเป็นธรรมกับทางนี้เหมือนกัน”

หมอต่อ : “จริงๆ ก็ไม่นานนะครับ แต่ตอนนั้นเรายุ่งกันมาก ก็เลยมีการว่าจ้างให้คนไปทำเรื่องนี้ แต่พอเรารู้เรื่องเราก็มีการเข้าไปชี้แจง ซึ่งขั้นตอนเอกสารอะไรทุกอย่างก็อยู่ในชั้นของกระบวนการยุติธรรม”

ทนายตั้ม : “ถ้าถามว่าติดอยู่แล้วดำเนินการได้ไหม แน่น่อนว่ามันดำเนินการไม่ได้ แต่ผมถามว่าถ้าคุณจ้างคนข้างๆ ไปดำเนินการ แล้วเขาทำเรียบร้อย เอาเอกสารมาให้ตัวคุณก็ต้องเชื่อใช่ไหม แต่พอต่อมาคุณรู้ว่าเอกสารที่ดำเนินการมามันไม่ถูกต้อง คุณก็ต้องดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว ซึ่งจริงๆ ก็เป็นผู้เสียหาย คือหลักการมันง่ายๆ แล้วสาขาอื่นมีแบบนี้ไหมก็ไม่มี พฤติกรรมก่อนหน้านี้มีไหมก็ไม่มีถูกไหมครับ เพราะอย่างนี้ผมก็อยากให้มองว่าคนที่ทำคลินิกมาขนาดนี้ มันคงไม่ต้องมีเหตุมานั่งทำอะไรแบบนี้ ชื่อเสียงก็มี คงไม่มีใครเอาชื่อเสียงตัวเองมาแขวนกับอะไรแบบนี้”

หมอต่อ : “เรารู้จากตัวพนักงานเขามาบอกว่ามันน่าจะผิด พนักงานที่เป็นผู้จัดการของเรา มันไม่ใช่ใบจดแจ้งของคลินิกนี้ เราก็รีบดำเนินการให้ถูกต้อง”

ยาย่า : “ตอนแรกเรายังไม่รู้ค่ะ ซึ่งพอเขาดำเนินการไปเราก็เพิ่งมารู้ตอนหลัง พอมารู้ตอนหลังก็มีลูกค้าที่เขาบอกซึ่งเขาก็ไปแจ้งพนักงานสอบสวน ซึ่งตอนนั้นเราก็ตกใจมากว่าแบบมันถูกต้อง เราก็เลยรีบไปสืบสวนตรงนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็มีไปชี้แจงเรียบร้อย แล้วก็มีการตามบุคคลดังกล่าวที่ว่าจ้าง”

ทนายตั้ม : “ผมบอกแบบนี้ครับ ถ้าหมอคือบุคคลที่ไม่สุจริต ในมุมนั้นผิดแน่นอน แต่มุมตรงนี้ผมก็ย้ำเหมือนเดิมว่า ถ้าเขาไม่รู้แล้วเขาเอามาใช้มันก็เป็นผู้เสียหายคนนึง ตอนนี้ก็กำลังดำเนินการอยู่”

ยาย่า : “จริงๆ แล้วมันก็เป็นเรื่องของบุคคลที่ 3 ที่เราว่าจ้างและผิดพลาด แต่คือก็ไม่ได้ผิดพลาดทุกอัน มันก็เพิ่งมาผิดพลาดอันนี้ ซึ่งโดยส่วนตัวเขาก็พยายามที่จะแจ้งว่าคลินิกไม่ถูกต้อง ซึ่งตรงนี้เราก็ต้องขอดีเฟ้นจริงๆ ว่ามันไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เราอยากจะให้เกิดขึ้น และตัวเราเองเราก็เป็นผู้เสียหายจากตรงนี้เหมือนกัน”

แจงกรณีถูก “หมอกวาง วลีรัตน์คลินิก” กล่าวหาเป็นเรื่องในอดีต
หมอต่อ : “เป็นเรื่องสมัยทำงานหลายปีก่อนแล้ว ซึ่งเขาก็ได้มีการดำเนินคดีกับเรา ซึ่งสุดท้ายศาลก็ตัดสินใจยกฟ้องคืนความบริสุทธิ์ให้กับพวกผม อย่างเมื่อกี้ก็มีการโทร.ไปในรายการโหนกระแส ว่าแบบนี้เดินไปบอกเขาดีกว่าไหม แต่สำหรับผมตอนนั้นก็ยอมรับ ณ ตอนนั้นในความเป็นเด็กเราก็ทำผิดจริงแต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ต้องเจอ เราก็อาจจะดีกว่าหรือเปล่าที่จะออกมาวันนั้น ซึ่งอันไหนที่ทำให้เกิดความเสียหายผมก็อาจจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายตอนนี้กำลังเก็บรวบรวมหลักฐานพิจารณาอยู่”

“ยาย่า” ยินดีจบกับ “เม พรีมายา” อย่างสันติ ยันทีมตนคือทองแท้แน่นอน ด้าน “หมอต่อ” ขอสู้พิสูจน์ตัวเองด้วยกระบวนการยุติธรรมพร้อมยอมรับทุกคำตัดสิน
ยาย่า : “ตอนนี้ดำเนินการฟ้องไปแล้วเรียบร้อย เราอยากจบด้วยดี ด้วยสันติกับทางญาติคุณเมย์ เราถอนฟ้องกันได้ เราไม่ติด เราเคยเป็นเพื่อนเป็นคนรู้จักกันในระยะเวลาหนึ่ง (สรุปทองแท้ยังเป็นทองแท้อยู่ไหม?) ยังเป็นอยู่อย่างแน่นอน

หมอต่อ : “ถ้าในสายตาชาวเน็ตค่อนข้างโจมตีเรื่องนี้แต่ว่าจริงๆ แล้วอยากจะให้พิสูจน์ตามขบวนการขั้นตอนตามกฎหมาย หลายๆ คดีประชาชนตัดสินไปอย่างหนึ่งแต่ข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานก็อาจจะออกมาเป็นอีกอย่างหนึ่งก็ได้

ผมอยากใช้กระบวนการยุติธรรมจริงๆ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงเราก็ต้องยอมรับตามนั้น (อะไรที่ทำให้เราอยากจะใช้สำนวนทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ?) เห็นผ่านๆ ตาเลยเอามาลองใช้ดู แถลงออกมาแล้วมันดูเครียดจังเลย ก็เลยเอามาลงนิดหน่อยให้มันเป็นสไตล์เรา ก็อาจจะโดนถล่มอยู่ตอนนี้













กำลังโหลดความคิดเห็น