“เอส กันตพงศ์” ขอโทษทำให้คนตกใจ ยันชอบเขียนแนวสั่งลา แต่ไม่ได้คิดอยากตาย ไม่มีปัญหาชีวิต หลังป่วยเห็นภาพตัวเองชัดขึ้น ไม่ยึดติด ยันสิ่งที่โพสต์ไม่เกี่ยวกับครอบครัว โบ้ยถามอดีตภรรยาสาเหตุเลิก เพราะตนไม่รู้จริงๆ ภูมิใจลูกฉลาดกว่าพ่อ
ทำเอาหลายคนตกอกตกใจที่อยู่ๆ หนุ่ม “เอส กันตพงศ์ บำรุงรักษ์” ก็โพสต์เหมือนจดหมายสั่งลา ทิ้งท้ายประโยคที่ว่า “ผมจะอยู่ในหัวใจของทุกคนตลอดไป” ล่าสุดได้เจอเจ้าตัวในงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์โรแมนติกแฟนตาซี รัก-สาปสูญ ณ โรงภาพยนตร์ ONE BANGKOK เอสก็ยืนยันว่าไม่ได้มีความหมายในเชิงจดหมายลาแบบนั้น แต่เป็นการโปรโมตวันหัวใจโลกเท่านั้นเอง
“ทุกคนตกใจมากเลย จริงๆ มันเป็นการรณรงค์วันหัวใจโลกครับ พอดีทางงานเขาอยากให้ผมรณรงค์ให้คนตระหนักถึงความสำคัญว่าหัวใจคนสามารถวายเฉียบพลันได้ คือเรามีโปรเจกต์ด้วยกัน ก็เลยช่วยประชาสัมพันธ์ด้วยข้อความ เจตนาคืออยากจะให้คนรู้ว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนจริงๆ ตอนนี้ภาวะที่คนหัวใจวายเฉียบพลันมันมากขึ้นเรื่อยๆ ประเทศไทยเราก็ติดสถิติโลกมากขึ้นโดยไม่ควรมี ก็เลยอยากที่จะทำให้คนตระหนักรู้ว่ามันสามารถจะเกิดขึ้นทุกจังหวะ
ก็เลยจะมีข้อความที่เขียนเป็นเหมือนความในใจ ที่พูดเหมือนจะเป็นการที่ให้ทุกคนไม่ประมาท และจะบอกว่าไม่กลัวตายไหม ก็อาจจะใช่ และจะมีอีกโครงการนึงที่ผมจะไปเป็นวิทยากรที่ผมโพสต์ว่าการเตรียมตัวตายก่อนตาย ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ท่านพุทธทาสภิกขุท่านเคยพูดไว้ตั้งนานแล้ว ท่านเคยเทศน์ไว้เกี่ยวกับเรื่องเตรียมตัวตายก่อนตาย แล้วมันสอดคล้องกัน ก็เลยรู้สึกว่าอยากจะแบ่งปันความรู้ให้กับทุกคนได้รู้ว่าควรตระหนักถึงสิ่งนี้ เพราะมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ครับ
แต่โพสต์นั้นจะเรียกว่าเป็นจดหมายลาไหม ถ้าเอาจริงๆ ผมเป็นคนชอบเขียนแบบนี้อยู่แล้ว แต่ไม่เคยโพสต์ คือผมชอบเขียนว่าถ้าวันนี้ผมจะตาย ผมอยากทำอะไร ผมจะถามว่าถ้าวันนี้ตาย อะไรที่ยังไม่ได้ทำ ผมถามตัวเอง ถ้าพรุ่งนี้ตาย อะไรที่ยังไม่ได้ทำ มันเหมือนเป็นสิ่งที่จะทำให้เรารู้ว่าอันนี้ยกเลิกดีกว่า อันนี้ควรทำ อันนี้ไม่ควรทำ มันจะทำให้เราจัดสรรเวลาได้ดีขึ้น ปัญหาในชีวิตไม่มีครับ (หัวเราะ) เป็นการแบ่งปันให้ตรงมากขึ้น อยากให้คนได้รู้สึกไม่ยึดติดกับตัวตน คือแน่นอนยังเป็นมนุษย์อยู่ เรื่องทางโลกงานการทุกอย่างยังต้องทำ แต่ยิ่งยึดติดยิ่งทุกข์
อันนี้ผมพูดจากตัวเองเลยตอนผมอยู่โรงพยาบาล ผมเข้าโรงพยาบาลมารอบที่ 6 แล้ว แต่ไม่ได้ออกข่าว ผมลองอ่านหนังสือธรรมะ ตอนนอนร่างกายก็คงเจ็บ แต่เราไม่ได้รู้สึก เหมือนเตรียมตัวว่าถ้ามันจะไปก็ไปได้ทุกเมื่อ มันห้ามไม่ได้ อันนี้เป็นข้อดีจริงๆ ครับ ถ้าจังหวะที่เราจะไปและเรามีสติรู้ว่ายังไงเราก็ต้องไป จะทำให้เราเครียดน้อยลงตอนที่จะไป ผมเป็นคนชอบเตรียมตัวอย่างนี้อยู่แล้ว พอป่วยก็เลยทำให้ตัวเองเห็นภาพมากขึ้น ไม่ยึดติดมากขึ้นครับ แต่พอโพสต์ไปโทรศัพท์ผมดังร้อยกว่าสาย (หัวเราะ) ตอบไม่ถูกเลย
แต่ต้องขอบคุณทุกกำลังใจมากๆ ครับ (ยกมือไหว้) ขอบคุณทุกความห่วงใย ที่สำคัญต้องขอโทษด้วยหากทำให้ใครเข้าใจผิดไปครับ ก็รู้สึกเกรงใจ ตกใจ และขอบคุณทุกๆ คนด้วยนะครับ ไม่ได้มีอะไรที่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิดเลย คนโยงไปเรื่องครอบครัว ก็ไม่น่าจะใช่ครับ เพราะกิจกรรมกับลูกตอนนี้ค่อนข้างจะเยอะครับ แต่ไม่ได้ค่อยได้โพสต์”
โบ๊ยถามอดีตภรรยาถึงสาเหตุที่ต้องเลิกกัน เพราะตนก็ไม่รู้
“ตอนนี้เขา (อดีตภรรยา) ก็ยังทำหน้าที่ของแม่ ผมก็ยังทำหน้าที่ของพ่อครับ ตอนนี้คือพ่อและแม่ที่ผมอยากให้เขาโฟกัส ต่างคนต่างโฟกัสครับ ผมก็ขอเป็นคุณพ่อที่ดีดีกว่า แต่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ เป็นเรื่องที่ผมไม่ทราบจริงๆ ให้ลองถามเขาดีกว่า ในเมื่อชีวิตคู่มันคือคนสองคน ถ้าในเมื่ออีกคนตัดสินใจยังไง เราก็ต้องตามนั้น ผมไม่ชอบขัดคนอื่น
สิ่งที่โพสต์ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยครับ เป็นการโปรโมตวันหัวใจโลกครับ แต่ถามว่าเคยคุยถึงสาเหตบ้างไหม ก็อาจจะเป็นอะไรที่มันเป็นบางคำถามที่เราถามไป ต่อให้เราได้หรือไม่ได้คำตอบ ก็ไม่อยากจะไปกดดันเพื่อให้ได้คำตอบ ก็ถ้าตัดสินใจยังไง ผมเป็นคนไม่ชอบถามเกิน 2 ครั้ง ถ้าไม่ได้คำตอบก็คือไม่ถามอีกเลย ตอนนี้ต่างคนก็ต่างจัดตารางเวลาสำหรับลูกครับ ก็จัดล่วงหน้ากันยาวเหมือนกันครับ
ลูกสาวตอนนี้ก็เริ่มเป็นคนที่ต่อรองเก่ง และเริ่มให้ลูกฝึกขายของ ก็มีกระเป๋าที่เขาเอาไว้เป็นแม่ครัว แล้วก็รับโทรศัพท์ลูกค้า คือเป็นเกมนะครับ และตอนนี้แบงก์ 20 เต็มกระเป๋าเขาแล้ว บางทีผมอยากเทสต์เขาว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใต้สำนึกยังไง ถ้าเป็นคุณปู่ คุณย่าสั่งของ เขาจะบอกว่าเขาไม่เก็บเงิน แต่ถ้าเป็นคุณป้าจะเก็บเงิน 20 บาท ส่วนคุณพ่อก็ไม่เก็บเงิน เป็นคนใจดีมาก
กิจกรรมก็มีกันเรื่อยๆ ครับ แต่ข้อเสียยอมรับว่าไม่ได้โพสต์ เป็นคนไม่ชอบโพสต์ แต่ก็มีเก็บไว้เยอะ คือรู้สึกว่าเขาจะฉลาดกว่าพ่อ ผมจะชอบพูดว่าถ้าลูกฉลาดกว่าพ่อได้เมื่อไหร่ นั่นคือความภูมิใจของผม”
