ITD เดินหน้าพัฒนาศักยภาพ SME ไทย จัดงาน “เสริมแกร่ง SME สร้างระบบนิเวศเรียนรู้สมัยใหม่ผ่านแพลตฟอร์ม ITD Expert Anywhere” หนุน SME ไทยก้าวไกลสู่สากล เร่งพัฒนาแพลตฟอร์ม ITD Expert Anywhere เต็มสูบ พร้อมหาพันธมิตรเสริมอีโคซิสเต็ม ทั้งสถาบันการเงิน-ภาคเอกชน สร้างความสมบูรณ์ของแพลตฟอร์ม หวังดึงผู้ใช้บริการ 1 ล้านรายในปีหน้า และตั้งเป้าภายในระยะ 3 ปี ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือ SME ได้ 600,000 ราย
นายสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา หรือ ITD ประธานการเปิดงาน “เสริมแกร่ง SME สร้างระบบนิเวศเรียนรู้สมัยใหม่ผ่านแพลต์ฟอร์มITD Expert Anywhere” กล่าวว่า ปัจจุบันกว่า 90% ของธุรกิจทั่วโลกเป็น SME มีการจ้างงานกว่า 70% ของแรงงานทั้งหมด สำหรับประเทศไทยมีผู้ประกอบการ SME มากกว่า 3 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วน 99% ของธุรกิจทั้งหมด และมีการจ้างงานกว่า 12 ล้านราย โดยธุรกิจ SME สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วนถึง 35% ของ GDP จะเห็นได้ว่า SME ไม่ใช่ธุรกิจขนาดเล็ก แต่เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยเช่นกัน
จากความสำคัญของธุรกิจ SME ดังกล่าว เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ ITD พัฒนาแพลตฟอร์มITD Expert Anywhere ขึ้นมา เพื่อเป็นเสมือนจีพีเอสช่วยนำทางให้ผู้ประกอบการไทยในการทำธุรกิจง่ายขึ้น แข่งขันได้ดีขึ้น โดยมีการทำงานหลัก 2 ส่วน คือ 1.การเข้าถึงองค์ความรู้ด้านการค้าต่าง ๆ กฎ ระเบียบทางการค้า และข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจอย่างครบครัน ทั้งในรูปแบบบทความ และวิดีโอคลิป เปรียบเสมือนห้องสมุดเคลื่อนที่ ซึ่งผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ใดก็ได้เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือ 2.การได้รับโอกาสได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เปรียบเสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว แพลตฟอร์มนี้จึงเป็นการตอบสนองเชิงโครงสร้างที่ประเทศกำลังเผชิญในเรื่องการค้า การลงทุน และการพัฒนาในอนาคต เพื่อให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลที่จำเป็นและปรับตัวเชิงรุกได้
โดยแพลตฟอร์ม ITD Expert Anywhere มีบทบาทสำคัญใน 3 ส่วน ได้แก่ 1.การยกระดับแรงงานและถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งเป็นนโยบายเชิงโครงสร้างที่สำคัญที่สุดสำหรับการเติบโตในระยะยาว 2.การเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขัน โดยมุ่งเน้นการปฏิรูปด้านนวัตกรรม ที่ยกระดับประสิทธิภาพของภาคอุตสาหกรรม 3.การเชื่อมโยงธุรกิจสู่ความยั่งยืน ผ่านแนวคิดInclusive business ที่เชื่อมโยง SME เข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทขนาดใหญ่ ภายใต้กรอบ ESG และ SVG
“เชื่อว่า SME ไทยมีศักยภาพสูง เรามีตัวอย่างมากมายที่ SME เล็ก ๆ ในท้องถิ่นสามารถเติบโตเป็นผู้ส่งออกที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าชุมชน หรือสตาร์ทอัพที่เริ่มจากไอเดียเล็กๆ แล้วส่งออกไปอยู่ในต่างระเทศ ทุกความสำเร็จเหล่านี้ บอกได้ว่า SME ไทยสามารถก้าวไกลได้จริง ถ้ามีเครื่องมือและเครือข่ายที่ถูกต้อง ซึ่งแพลตฟอร์ม ITD Expert Anywhere จะเป็นส่วนหนึ่งในการพา SME ไทยไปสู่ในจุดนั้น อยากบอกว่า ธุรกิจเล็กไม่ได้หมายถึงความฝันที่เล็ก ทุกธุรกิจมีโอกาสเติบโตถ้ามีเครื่องมือและเครือข่ายที่เหมาะสม”นายสุภกิจ กล่าว
ด้านนายภานุมาส เทพทอง รองผู้อำนวยการ ITD กล่าวว่า แพลตฟอร์ม ITD Expert Anywhere ถูกพัฒนาขึ้นมาในช่วงที่ประเทศไทยประสบปัญหาแพร่ระบาดโควิด-19 มีการล็อกดาวน์ประเทศ ซึ่งเห็นว่าภาคธุรกิจน่าจะประสบปัญหา มีความต้องการได้รับคำปรึกษาช่วยเหลือ ทาง ITD จึงพัฒนาแพลต์ฟอร์ม ITD Expert Anywhere ขึ้นมาเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ ให้กับธุรกิจ SME และมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษากับธุรกิจ SME ไม่ว่าจะอยู่สถานที่ใดก็ตาม
โดยปัจจุบันโครงการดำเนินงานเป็นปีที่ 3ซึ่งมีผู้เข้ามาใช้บริการเยี่ยมชมเว็บไซต์และแพลตฟอร์มในส่วนต่าง ๆ มากกว่า 200,000 ราย ซึ่งภายในปีหน้าคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการกว่า 1 ล้านราย ส่วนยอดดาวน์โหลดแพลตฟอร์มปัจจุบันมีมากกว่า 10,000 ราย ภายในระยะ 3-4 ปีนับจากนี้ทาง ITD คาดว่าจะมีผู้ดาวน์โหลดแพลตฟอร์มประมาณ 600,000 ราย หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ของจำนวนผู้ประกอบการ SME ไทยที่มีกว่า 3 ล้านราย ขณะที่ในปีนี้ทางแพลตฟอร์มมี SME เข้ามาขอรับคำปรึกษาผ่านแพลตฟอร์มกว่า 2,000 ราย ซึ่งบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ ที่ผ่านมาทาง ITD ได้เดินทางออกไปโรดโชว์ในต่างจังหวัดซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมี SME เข้าขอรับคำปรึกษากว่า 1,000 รายด้วย
เพื่อพัฒนาให้แพลตฟอร์มรองรับการให้บริการของธุรกิจ SME อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ทาง ITD จะมีการประสานงานและเชื่อมโยงหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในด้านต่าง ๆ ให้เข้ามาบริการธุรกิจ SME เช่น ธนาคารรัฐหรือสถาบันการเงิน เพื่อให้บริการด้านสินเชื่อหรือเป็นแหล่งการเข้าถึงเงินทุน รวมถึงการเพิ่มผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเป็นผู้ให้คำปรึกษา ซึ่งมีแผนเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญอีก 50 คน โดยเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย 40 คน และคนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศอีก 10 คน อนาคตจะมีการพัฒนาและเพิ่มผู้เชี่ยวชาญเป็นภาษาต่างประเทศ เพื่อให้แพลตฟอร์มรองรับได้มากกว่า 1 ภาษา
“การจะทำให้ผู้ใช้บริการอยู่ในแอปพลิเคชัน โดยไม่ออกจากแอปพลิเคชันหรือลบทิ้งแพลตฟอร์มต้องมีระบบนิเวศอื่นๆ ด้วย ซึ่งปัจจุบันสามารถให้บริการด้วยฟังก์ชันหลากหลายประเภทแล้ว อาทิ ครีเอทอีเวนต์ออนไลน์การจัดสัมมนาออนไลน์ การให้บริการ e-learning การให้คำปรึกษาแบบเดี่ยว และแบบกลุ่ม เป็นต้น แต่แพลตฟอร์มจะมีการพัฒนาต่อเนื่อง เช่น การหาพันธมิตรภาคเอกชน เพื่อให้อีโคซิสเต็มสมบูรณ์มากขึ้น” นายภานุมาส กล่าวในตอนท้าย
