“หมอก้อง” ห่วงคนไข้วชิระ หลังถนนถล่ม แนะย้ายผู้ป่วย ชี้หนักกว่าแผ่นดินไหว เครื่องมือแพทย์ราคาสูง เสี่ยงเสียหาย แนะคนพื้นที่ใกล้เคียงเตรียมพร้อมอพยพตลอดเวลา หวังซ่อมแซมเร็วกว่า 1 ปี เชื่อเป็นงานหินรับน้องนายกฯ “อนุทิน”
เป็นอีกหนึ่งบุคลากรทางการแพทย์ที่ออกมายอมรับว่าห่วงเรื่องความปลอดภัยของคนไข้โรงพยาบาลวชิรพยาบาลเหมือนกัน สำหรับ “หมอก้อง สรวิชญ์ สุบุญ” เพราะจากเหตุการณ์ถนนถล่มเมื่อวานนี้สถานการณ์ยังไม่นิ่ง แต่เชื่อว่าทางโรงพยาบาลน่าจะต้องมีการโยกย้ายคนไข้ออก เพราะไม่รู้ว่าจะมีการถล่มอีกหรือเปล่า แต่ถ้าสามารถซ่อมเสร็จก่อน 1 ปีก็คงจะดี ไม่อยากให้เอาไปเปรียบเทียบกับกรณีของประเทศญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญด้านนี้มากกว่าไทย
“วชิระฯ เป็นโรงพยาบาลใหญ่และเป็นโรงเรียนแพทย์ ผมก็ไม่แน่ใจว่าทางโรงเรียนแพทย์วชิระฯ เขามีมาตรการยังไง แต่เป็นโรงพยาบาลในเครือกรุงเทพมหานคร ก็มีอยู่ 10 กว่าที่ ผมว่าน่าจะโยกย้ายได้ ต้องโยกย้ายแหละ เพราะมันคงไม่หยุดแค่ตรงนั้น เพราะถล่มตรงนี้มันก็ต้องถล่มที่อื่นถูกไหมครับ ผมก็เป็นห่วง สมมติพวกเราไปยืนตรงนั้น พวกเราอาจจะหนีได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะหนีทันหรือเปล่าเลย แต่ตรงนั้นมีคนไข้และที่สำคัญอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องมือแต่ละอย่างมีราคาสูงหมด และการเคลื่อนย้ายคนไข้ อย่างตอนแผ่นดินไหวยังทุลักทุเลเลย อันนี้ผมว่ามันหนักกว่าแผ่นดินไหวอีก ผมว่ามันหนักมาก
ถามว่าการซ่อมแซม 1 ปีนานเกินไปไหม มันนานเกินไปสำหรับพวกเราแหละ เพราะเราก็อยากให้มันเร็วกว่านั้น แต่ในความเป็นไปได้ผมก็ไม่แน่ใจ ต้องเป็นทางวิศวกรเขาเป็นคนประเมิน แต่โดยหลักของโรงพยาบาลพอมีเรื่องแบบนี้ต้องเลื่อนคิวคนไข้แน่นอน แต่ผมเชื่อว่าเขาต้องจัดการกับคนไข้ของเขา ปกติโรงพยาบาลก็จะมีขอความช่วยเหลือกันได้ ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนก็อยากให้มันไวนะ เพราะมันไม่ใช่แค่ปัญหาตรงนั้น แต่แถวนั้นทั้งเส้น มันหลายอย่าง ไม่ใช่แค่โรงพยาบาลวชิระฯ หรอก
แต่ถ้าเกิดว่ามันเร็วแล้วไม่ปลอดภัยล่ะ ก็ไม่รู้เหมือนกัน บ้านเราเนอะ จะไปเทียบมาตรฐานกับญี่ปุ่น คือก็ต้องพูดตามตรง พวกเราก็คงตอบกันเองว่ามันเท่ากันไหมด้วยเทคโนโลยี ถ้าคนญี่ปุ่นทำ กับเราทำ ณ วันนี้ผมก็ยังคิดว่ามาตรฐานเราก็คงไม่เท่าเขา เพราะเขามีองค์ความรู้เรื่องแผ่นดินไหวเยอะกว่าเรา และโครงสร้างเขาก็ต้องดีกว่าเรา ถ้าเราไม่ศึกษาให้ดีทำมาแล้วพังอีก อันนี้ผมว่ายังโชคดีที่ไม่มีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ถ้ามันมีขึ้นมาอีกแล้วพวกเรารับได้เหรอ”
บอกอาจจะเป็นเหตุการณ์รับน้องของนายกรัฐมนตรี “อนุทิน ชาญวีรกูล” ก็ได้ แต่ก็ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี
“เป็นการต้อนรับนายกฯ ใหม่ (หัวเราะ) เหมือนท่านนายกฯ เข้ามาก็ต้องเจองานหินเลยใช่ไหมครับ คือคนเป็นนายกฯ ก็ต้องเจองานหินทุกวันแหละ ถ้าจะมาสบายๆ ก็คงไม่มานั่งตำแหน่งมั้ง เพราะฉะนั้นก็หวังว่าไม่ใช่แค่นายกฯ หรอกครับ แต่ทั้งคณะเนอะ ก็ถือว่าเหตุการณ์นี้เป็นการรับน้อง อยากให้ท่านผ่านไปให้ได้แล้วกัน”
แนะนำสำหรับคนที่อยู่ในพื้นที่ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกเมื่อ
“เคสที่น่าเป็นห่วงก็คงจะเป็นเคสที่อยู่ไอซียู ซีซียูต่างๆ ที่มันเคลื่อนย้ายยาก และที่สำคัญต้องใช้อุปกรณ์ เพราะว่า ณ ตรงนั้นเสร็จมันไม่ใช่แค่ดินถล่ม มันมีเรื่องของไฟฟ้าอีก อย่างเช่นคนไข้ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แล้วถ้าเครื่องมันใช้ไม่ได้ ณ ตอนนั้น พวกบุคลากรก็ต้องเปลี่ยนเป็นให้ออกซิเจนแบบบีบมือ บุคลากรไม่มีทางพอ
เคลื่อนย้ายคนไข้มันมีความเสี่ยงอยู่แล้ว ถ้าไม่จำเป็นเราจะไม่เคลื่อนย้ายคนไข้ และถึงแม้จะเคลื่อนย้ายคนไข้ ระหว่างทางก็เสี่ยงมาก ถ้าไม่ชัวร์จริงๆ โรงพยาบาลเขาก็ไม่ยอมย้าย แต่อันนี้มันก็จำเป็น เพราะอยู่ก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สำหรับคนที่อยู่ในพื้นที่ตรงนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็คือย้ายออก แต่ถ้าจำเป็นต้องอยู่ ก็ต้องพร้อมสแตนบายที่จะออกได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นพวกของใช้ต่างๆ ปัจจัย 4 ที่จำเป็นใส่กระเป๋าใบเดียวคือต้องพร้อมไปได้เลย ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่ดีแล้วกระเป๋าใบเดียวกับตัวเราก็คือต้องออกเลย”
