xs
xsm
sm
md
lg

“ป๋ากิ๊ก” เล่าชีวิตเข้าสู่วัยเลข 6 เตรียมตัวลาโลก จองหลุมฝังศพให้ตัวเอง บอกทุกเช้าที่ตื่นเรารอดมาได้อีกวัน (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ป๋ากิ๊ก” เล่าชีวิตเข้าสู่วัยเลข 6 ใช้ชีวิตช้าลง ทุกเช้าที่ลืมตาตื่นจะคิดว่าตนเองรอดมาได้อีกวันหนึ่ง เตรียมตัวจากโลกนี้ไว้ด้วยการจองหลุมศพเรียบร้อยแล้ว ส่วนพินัยกรรมยังไม่ได้ทำ ให้ภรรยาเป็นคนจัดการ



เพิ่งจะผ่านพ้นวันเกิดครบรอบ 62 ปีไปไม่กี่วัน สำหรับพิธีกรชื่อดัง “ป๋ากิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ”เมื่อคุยถึงช่วงชีวิตวัยเข้าเลข 6 เจ้าตัวเล่าว่าตนนั้นใช้ชีวิตช้าลง และเตรียมตัวจากโลกนี้ไว้แล้ว ทุกเช้าที่ลืมตาตื่นจะคิดว่าตนเองรอดมาได้อีกวันหนึ่ง

“ก็เหมือนเดิมนะ 60 ครั้งแล้ว ก็ชิน อายุก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ความคิดก็เปลี่ยนขึ้น ประสบการณ์มันก็เพิ่มขึ้น ในมุมมองของเรา ถามว่ามันเป็นเรื่องกะทันหันไหมก็ไม่ใช่ ก็เลยถามว่าอายุ 62 ต่างจากอายุ 60 ยังไง ก็ได้นั่งรถไฟฟ้าขึ้นราคามั้ง เบี้ยสูงอายุมันไปเบิกยังไงวะ แต่เราก็มีความรู้สึกว่าโชคดีนะ ทุกวันนี้ผมมีความรู้สึกแบบนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะวันเกิด แต่เป็นเพราะว่าวันนี้เราตื่นมาอีกวันแล้วว่ะ แสดงว่าเรารอดไปอีกหนึ่งวันแล้ว

การดูแลตัวเองก็คือทำจิตใจให้สบาย ผมคิดว่าอย่าไปซีเรียสกับอะไรมากมายนัก ผมว่าผมเป็นคนที่ปล่อยวางได้ง่าย มันก็ไม่มีอะไรที่เราไม่เคยเจอเปล่า ก็มี”

เตรียมตัวลาโลก จองหลุมฝังศพเรียบร้อยแล้ว
“การมีหลานทำให้ชีวิตเราสดชื่นไปอีกแบบ เราก็เห็นพัฒนาการของเขา ไอ้คนที่บอกว่ารักหลานมากกว่าลูก ลูกเราน่ารักที่สุดในสมัยที่เรามีลูก แต่ไอ้คำว่ารักหลานมากกว่าลูกมันจริง ไม่ปฏิเสธเลย มันจริง เป็นเพราะว่าเรามีเวลามากกว่าตอนที่เรามีลูกเพราะว่าตอนที่เรามีลูกเรากำลังทำงาน กำลังหมกมุ่น สมองเรากำลังคิดว่าเราจะเดินต่อไปยังไงเราจะเจริญก้าวหน้าไปยังไง แต่ตอนนี้มันก็ช้าลง

ตอนนี้เราเริ่มเตรียมตัวที่จะจากโลกนี้ไปแล้ว เราต้องเตรียมนะ เวลาเราเหลืออีกไม่นาน วันหนึ่งเราก็ต้องตายหรือเปล่าแล้วเราเป็นคริสต์เราก็ต้องไปจองหลุม จองแล้วมีแล้ว เดี๋ยวที่มันเต็ม ริมโน้นไม่เอา เอาทำเลก่อนต้องเลือกที่ คุณไปซื้อหมู่บ้านคุณจะไม่จองเหรอ (มันจะมองเป็นการแช่งตัวเอง?) ไม่หรอก ปัดโธ่ คุณก็ต้องตายคุณจะอยู่ค้ำฟ้าเหรอ คุณจะอยู่สัก 300 ปีไหม แต่ญาติคุณตายหมดเลยนะ ไม่ไหวมั้ง ต้องทำความรู้จักคนใหม่อีก”
แต่ยังไม่ได้เขียนพินัยกรรมไว้ สุขภาพยังคุมได้ ยึดหลักไม่เครียด ไม่ไปคิดเยอะเรื่องอนาคตลูกหลาน
“ทุกวันนี้คนอื่นเป็นไงไม่รู้ แต่ผมเฉยๆ ไง ก็บอกแล้วว่าผมตื่นเช้ามาก็คิดซะว่าผมรอดมา 1 วันแล้ว นี่กูปวดขี้นะ กูยังมีความรู้สึกว่ะ นี่ก็เมื่อยดีกูยังมีแขนให้เมื่อย แต่ถ้าพูดถึงพินัยกรรมก็เรื่องใหญ่เลย ผมก็ไม่ได้เตรียมนะไม่ได้เขียนไม่ได้อะไร เมียคงทำ เมียผมคงไม่ปล่อยหลุดหรอก เมียเป๊ะทุกวันนี้ไม่มีเงินนะ มันไม่เคยอยู่กับเรา เมียก็โอนให้เราต่ออีกที เมียใจดี

สุขภาพก็พยายามพบแพทย์บ่อยๆ ก็ไปตรวจไขมัน ความดัน น้ำตาล ก็คือตรวจทุกโรค ไม่มีตัวเลขที่สูงแต่ก็ต้องกินยาเพลาๆ ไว้ คนแก่มันก็เป็นทุกโรคแหละ เพียงแต่ว่าเราใช้ชีวิตอย่าให้มันแปลกประหลาดมากนัก แต่ผมบอกสำหรับคนที่อายุเยอะๆ นะ อย่างหนึ่งคุณอย่าไปซีเรียสมาก อย่าไปกังวลมากว่าลูกหลานจะเป็นยังไง คือเขาเจริญก้าวหน้าคุณไม่เห็นหรอก คุณตายแล้ว เขาจะเจ๊งหรือเขาจะรวย บางทีคนแก่ไปพะวงว่าอนาคตของลูกหลานจะเป็นยังไง ไม่ใช่อนาคตของลูกด้วยนะ อนาคตของหลาน คือคุณไม่เห็นหรอก ประตูฮวงซุ้ยมันบัง”

ยังไม่เกษียณตัวเองแต่รับงานลดน้อยถอยลง
“งานเราอาจจะลดน้อยถอยลงเท่าที่เราไหว วงการหมายถึงงานพิธีกร เพราะงานพิธีกรมันค่อนข้างใช้แรงเยอะ แต่ก่อนรู้สึกพอกลับบ้านเราก็มีแรง ยังไปกินเหล้าได้ ยังไปทำอะไรได้ แต่ตอนนี้ไม่ไหว เหนื่อย เห็นดีดอยู่ข้างหน้ากล้อง แต่พอเขาคัตก็ไปนั่ง ก็ไม่ได้ถอดปลั๊กหรอก ถอดแบตเลย เปลี่ยนแบต มันเมื่อย มันหมดแรง ถามว่าเกษียณไหม ก็อาจจะไม่ได้วางแผนขนาดนั้น แต่มันก็ลดน้อยถอยลง เพราะว่ายังต้องกินข้าว แล้วฝึกกินหญ้า แต่ว่าไม่อร่อยย่อยยาก กินข้าวดีกว่า”













กำลังโหลดความคิดเห็น