xs
xsm
sm
md
lg

ปีสุดซวยของ “ยัยตัวร้าย” จอนจีฮยอน สูญเงินหลักพันล้านในพริบตาจากดราม่าโจมตีจีน หลังสามีเจ๊งคริปโต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ต้นเหตุปัญหาเกิดจากบทสนทนาในซีรีส์ที่ชาวจีนบางส่วนมองว่า “ไม่ให้เกียรติประเทศจีน” จุดชนวนเสียงวิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์
เรียกได้ว่าเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของ จอนจีฮยอน นางเอกซูเปอร์สตาร์แห่งเกาหลีใต้ เจ้าของฉายา “ยัยตัวร้าย” จากภาพยนตร์ระดับตำนาน My Sassy Girl เพราะเพียงชั่วข้ามคืน เธอต้องเผชิญมรสุมครั้งใหญ่ทั้งในงานและการเงินจนสั่นสะเทือนภาพลักษณ์ซูเปอร์สตาร์ที่เคยมั่นคง

รายงานจาก China Times ระบุว่า จอนจีฮยอนถูกหลายแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในจีนเรียกร้องค่าชดเชยรวมกว่า 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,250 ล้านบาท) หลังซีรีส์ที่เธอนำแสดงก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างหนักในจีนเรื่อง “ไม่ให้เกียรติประเทศจีน” ส่งผลให้แบรนด์หรูระดับโลกอย่าง La Mer, Piaget, Ecovacs, Louis Vuitton และอีกหลายเจ้า ลบภาพโฆษณาที่มีเธอออกทั้งหมด พร้อมประกาศยุติแคมเปญทันที แม้แต่แบรนด์แฟชั่นจีนที่เตรียมถ่ายทำโฆษณากับเธอที่โซลในวันที่ 25 กันยายนนี้ ก็ประกาศยกเลิกกะทันหันในเช้าวันที่ 23 กันยายน

สิ่งที่หนักหน่วงไปกว่านั้นคือ ฝั่งตัวแทนในจีนของเธอกลับประกาศ “ล้างมือ” ไม่ขอรับผิดชอบใด ๆ ต่อกระแสดราม่า ขณะที่ชาวเน็ตจีนต่างคาดว่า จอนจีฮยอนอาจต้องควักกระเป๋าจ่ายชดเชยเองทั้งหมด ท่ามกลางวิกฤติการเงินที่รุมเร้าอยู่แล้ว เพราะสามีของเธอ ชเวจุนฮยอก ประสบความล้มเหลวครั้งใหญ่จากการลงทุนในคริปโตและกองทุนส่วนตัว

กระแสข่าวลือว่าแบรนด์ดังอย่าง Louis Vuitton, La Mer และ Piaget ถอนสปอนเซอร์และลบโฆษณาทุกชิ้นที่มีภาพเธอออกจากช่องทางในจีน
ตามรายงานของ Chosun Biz ชเวจุนฮยอก ซีอีโอของ Alpha Asset Management และทายาทนักธุรกิจเหล็กยักษ์ใหญ่ ลงทุนหุ้นบริษัทเกมบล็อกเชน Wemade มูลค่ากว่า 35,000 ล้านวอนในช่วงปี 2023–2024 แต่ราคาหุ้นร่วงหนักกว่า 45% หลังเหรียญคริปโต Wemix ถูกถอดออกจากตลาดซื้อขายในเกาหลีเป็นครั้งที่สอง รวมถึงการถูกแฮ็กจนสูญเงินดิจิทัลหลายพันล้านวอน ทำให้ครอบครัวจอนจีฮยอนต้องเจอความเสียหายทางการเงินอย่างหนัก

ยิ่งไปกว่านั้น จอนจีฮยอนเพิ่งออกจากต้นสังกัดเดิม IEUM Hashtag เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อก่อตั้งบริษัท PEACHY (Peach Company) ด้วยตัวเอง โดยตั้งใจจะคุมงานและภาพลักษณ์ให้เป็นอิสระ แต่เมื่อเกิดดราม่าครั้งนี้ บริษัทใหม่กลับถูกวิจารณ์ว่าไร้ศักยภาพปกป้องศิลปิน แถมคำแถลงที่ออกมาก็ถูกมองว่าเป็นเพียงการ “เอาตัวรอด” เพราะระบุแค่ว่า “ตารางงานในจีนถูกเลื่อน ไม่เกี่ยวกับการถูกแบน” ทั้งที่ในความเป็นจริง เธอถูกแบรนด์และแฟนคลับจีนเทอย่างรวดเร็ว มูลค่าทางการตลาดหดหายแทบจะในทันที บัญชีโซเชียลในจีนก็ถูกปิดคอมเมนต์เพราะเจอกระแสถล่ม

นอกจากคำพูดในบท ซีรีส์ยังถูกกล่าวหาว่า “ทำให้เมืองจีนดูมืดมน” กระทบความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและภาพลักษณ์นักแสดง
สื่อจีนบางแห่งเปรียบเทียบกรณีนี้กับเรื่องฉาวในอดีตของ จางนารา ที่เคยพูดว่ามาแสดงในจีน “เพราะได้เงินเยอะ” แต่หลายคนมองว่าดราม่าของจอนจีฮยอนรุนแรงกว่ามาก และอาจทำให้เธอหมดอนาคตในตลาดจีนอย่างถาวร ขณะที่ Disney+ และผู้สร้างซีรีส์ Tempest ที่เป็นต้นเหตุดราม่ายังไม่ออกมาชี้แจงหรือแก้ไขใด ๆ เพิ่มความไม่แน่นอนต่ออนาคตงานในต่างประเทศของเธอ

จอนจีฮยอนที่เคยถูกยกให้เป็น “เทพธิดาเกาหลี” และไอดอลด้านภาพลักษณ์การตลาด กำลังเผชิญจุดตกต่ำที่สุดตั้งแต่เข้าวงการเกือบ 30 ปี หลายคนมองว่า นี่คือสัญญาณว่าตลาดจีนไม่อาจคาดเดาได้อีกต่อไป และการไม่มีต้นสังกัดใหญ่คอยหนุนหลังทำให้เธอเปราะบางกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

ปี 2025 จึงถูกมองว่าเป็น “ปีสุดซวย” ของนางเอกชื่อดังคนนี้ ทั้งจากวิกฤติครอบครัว การเงิน และภาพลักษณ์ระดับเอเชียที่พังทลายลงอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่กี่วัน — ชีวิตจากที่เคยหรูหรามั่นคง กลับต้องลุกขึ้นสู้ตามลำพังท่ามกลางพายุที่ไม่มีทีท่าจะสงบในเร็ว ๆ นี้


จอนจีฮยอน เกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1981 ปัจจุบันอายุ 44 ปี เป็นนักแสดงหญิงแถวหน้าของเกาหลีใต้ เข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1990 โดยเริ่มจากงานนางแบบก่อนจะแจ้งเกิดเต็มตัวด้วยภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง My Sassy Girl (2001) ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นไอคอนหญิงสุดมั่นแห่งเอเชียในยุคนั้น ตลอดเวลากว่า 25 ปีในวงการ เธอแทบไม่เคยมีข่าวอื้อฉาวหรือดราม่าใหญ่ ๆ และได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงที่รักษาภาพลักษณ์มืออาชีพได้ดีที่สุด

เธอแต่งงานกับนักธุรกิจการเงิน ชเวจุนฮยอก เมื่อปี 2012 และมีลูกชายสองคน ใช้ชีวิตคู่และงานแสดงอย่างเงียบสงบ โดยก่อนหน้าดราม่าล่าสุด เธอถือเป็นหนึ่งในดาราเกาหลีที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านชื่อเสียงและการทำธุรกิจส่วนตัว ไม่เคยมีประเด็นอื้อฉาวทางส่วนตัวจนเป็นที่กล่าวถึงมาก่อนเลย

ตลอดเกือบ 30 ปีในวงการบันเทิง เธอไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาว แต่ปี 2568 กลายเป็นปีที่ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของเธอสั่นคลอนหนักที่สุด

กำลังโหลดความคิดเห็น