xs
xsm
sm
md
lg

“เจ้ย-ลิซ่า” เคยขอเงินรัฐ? “ต้อม ยุทธเลิศ” เปิดปมยื่นสอบเพิกถอนสมาคมผู้กำกับฯ จี้แจงงบ 100 ล้าน ถามผกก.เป็นร้อย แต่ไม่มีใครตอบ!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ต้อม ยุทธเลิศ” ร้องสอบและเพิกถอนสมาคมผู้กำกับฯ จี้แจงงบ 100 ล้านจากทักก้า พิรุธถามในไลน์กลุ่ม 170 คน แต่ไม่มีใครตอบ  ชี้เงินพันล้านไม่ทำให้วงการหนังไทยดีขึ้น ยก เจ้ย-ลิซ่า เก่ง มีความสามารถ ไม่ต้องพึ่งเงินรัฐ 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (17 ก.ย.) “ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค” ผู้กำกับชื่อดัง ได้เดินทางไปสำนักการสอบสวนและนิติการวังไชยา เพื่อร้องเรียนให้ตรวจสอบและเพิกถอนสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย เนื่องจากต้อม ยุทธเลิศ ในฐานะสมาชิกของสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ได้มีการสอบถามเงินที่รับจาก THACCA (ทักก้า) ที่เข้าบัญชีสมาคมฯ ได้รับเงินเท่าไหร่ และทางสมาคมฯ มีแผนจะดำเนินการใช้เงินอย่างไรเพื่อเหล่าสมาชิก แต่กลับไม่ได้รับคำตอบจากนายกฯ หรือ เหรัญญิก วันนี้จึงเดินทางมาเพื่อขอให้ภาครัฐช่วยตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส โดยต้อมมองว่าเป็นเงินจากภาษีประชาชนจำนวนมาก ซึ่งเงินมหาศาลที่ถูกนำมาใช้ในวงการภาพยนตร์ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น หรือสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้จริง

“ยื่นตรวจสอบและเพิกถอนสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ลองตรวจสอบดูเฉยๆ สมาคมเมื่อก่อนเก็บเงินสมาชิกธรรมดา ไม่ได้มีเงินก้อนใหญ่อะไร แต่พอสมาคมได้จากทักก้า อาจถึง 100 ล้านได้ เราก็สงสัยเขาจะจัดการเรื่องเงิน เรื่องบัญชียังไง ก่อนหน้านี้ไม่มีการแจงเรื่องบัญชีอะไรเลย ถามไปก็เงียบ เหรัญญิก - นายกสมาคม ก็ไม่ตอบอะไร ก็เลยจำเป็นต้องให้กรมการปกครองเป็นคนตรวจสอบ

ไม่ได้สงสัยเรื่องจำนวนเงิน สงสัยว่าการจัดการ การดูแลในสมาคม ใครเป็นคนรับผิดชอบ ใครดูแล ความถูกต้องในสมาคมคืออะไร การตรวจสอบนี้จะตรวจสอบทั้งหมด ตรวจสอบย้อนหลังเขาน่าจะตรวจสอบได้ดีกว่า เราขี้เกียจไปถามไง ก็เลยโยนภาระให้เจ้าหน้าที่รัฐแล้วกัน

ที่มาที่ไป เราถามสมาคมเมื่อวาน ว่าเงินจากทักก้ามาเท่าไหร่ จากที่เห็นในเอกสารโครงการ ofose มี 170 ล้าน เราก็ถามว่าเข้าบัญชีสมาคมเท่าไหร่ แต่ไม่มีใครตอบ ก็ไม่รู้จะถามยังไง ถ้าเขาไม่ตอบ

เราอยู่ในสมาคมนี้มานาน และไม่ได้สนใจสมาคมนี้ มันเริ่มมีเรื่องของการก่อตั้งทักก้า แล้วมีชื่อสมาคมเข้าไปรับงานอะไรหลายอย่างมาก เราก็ดูๆ อยู่ พอเรื่องหลังจากทักก้าโดนยุบหรือยังไม่รู้ แต่มีคนเริ่มตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงิน เราอยู่ในสมาคมก็เป็นห่วง ถ้าเราเป็นกรรมการอยู่ เราไม่โดนหางเลขไปด้วยเหรอ เราเลยถามหน่อยว่ามันยังไง 

มีรุ่นพี่ที่อยู่ในสมาคม เขาเคยตักเตือนกลุ่มที่ดูแลสมาคม ไม่ว่าจะเลขาฯ หรือเหรัญญิก ว่าการทำงานกับภาครัฐ เรื่องเงินต้องทำให้ถูกต้อง ไม่เหมือนการทำม็อบหรือทำกิจกรรมกันเอง เก็บเงินสมาชิกแล้วเอามาบริหาร สมาชิกไม่ใช่เงินภาษีของประชาชน เงินที่ได้จากการท่องเที่ยวและทุกกรมในนามของทักก้าเป็นเงินภาษีประชาชน
 
มองว่าการทุจริตในองค์กรของตัวเองมันไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามีการทุจริตเงินภาษีรัฐมันหนัก เราก็เลยเป็นห่วง ก็เลยถามไปก่อน พอถามดันเหมือนมีพิรุธ ไม่ตอบ แล้วให้คนอื่นมาบอกว่าเรื่องนี้คุยกันก่อนไหม เราก็เลยรู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว

เมื่อผลประโยชน์ไม่เยอะ มันเก็บเฉพาะเงินสมาชิก ไม่ได้สนใจ เราก็ไม่ได้จ่ายค่าสมาชิก เพราะออกมาหลายปีแล้ว 3-5 ปี แต่เป็นห่วงแค่ว่ามีกรรมการที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ในนั้น เขาอาจไม่รู้เลยว่าพวกคุณทำอะไรกัน มีคนบริหารกลุ่มใหม่ แล้วส่วนใหญ่รับเงินจากทักก้า ในนามทักก้า ซึ่งเงินจากทักก้าไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากไหนบ้าง

Ofose เป็นทุนที่ให้เอามาพัฒนาบุคคล เปิดเวิร์กช็อปสอนโน่นนี่นั่น ซึ่งโครงการนี้รับในนามสมาคมมี 21 โครงการ ถ้าโครงการละ 3 ล้าน ก็ 30 กว่าล้านไปแล้ว แล้วมีทุนอีกหลายอย่าง ไปเที่ยวเมืองนอก เปิดตัว เปิดบูธ ก็น่าจะถึง 100 ล้านแน่ๆ

เราไม่ได้สนใจเรื่องทุจริต สนใจเรื่องคุณเมเนทจัดการเงินนี้ยังไง ใครรับใครออก มันผิดกฎไหม ในลักษณะถ้าคุณเป็นองค์กรภาครัฐ เป็นกรรมการ เป็นอนุกรรมการ ไม่ใช่ตั้งโปรเจกต์เอาเงินเข้ามา แล้วให้บริษัทตัวเอง ให้ชื่อตัวเอง อันนี้จะกลายเป็นทุจริต แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบไปถึงทุจริตนะ ให้กรมการปกครองเขาดูแลว่าการจัดการในสมาคม องค์กรของประชาชนเขาทำยังไงแค่นั้นเอง”

ชี้ได้เงินมหาศาล แต่ไม่เห็นวงการหนังดีขึ้นกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เงินพันล้านไม่สามารถครีเอตหนังไทยเจ๋งๆ ได้เลย
“เงินทักก้า มีคนวิเคราะห์ว่าองค์นี้มีแค่ชื่อ แต่เงินทั้งหมดที่ออกในนามซอฟต์พาวเวอร์จะฝากทางกระทรวงวัฒนธรรม ท่องเที่ยว หรือตรงหน่วยโน้นที หน่วยนี้ที เพื่อส่งมาให้ตั้งอยู่ในงบกลางของทักก้า ซึ่งดูแลโดยนายกรัฐมนตรี งบพวกนี้จะถูกแบ่งไปเป็นสมาคมนั้นตั้งเป็นโปรเจกต์ ซึ่งในสายภาพยนตร์และซีรีส์ สมาคมภาพยนตร์เอาชื่อสมาคมไปรับเยอะมาก 20-30 โครงการ ไม่ได้ทำแค่หนัง มันหลายอย่าง

พอทักก้าให้ทุนมา มันไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ไม่มีอะไรดีขึ้น เงินอาจได้กับผู้กำกับในสมาคม ได้ไปเที่ยวเมืองนอก ได้จัดสอน แต่เงินพันล้านไม่สามารถครีเอตหนังเจ๋งๆ ได้เลย แล้วอย่าบอกว่าหนังผีใช้ได้ค่ะเรื่องเดียวที่ได้รางวัลยิ่งใหญ่จากคานส์ ก็ไม่ใช่รางวัลของเทศกาลหนังที่เมืองคานส์ เป็นรางวัลข้างๆ ลงทุนไปพันล้านแล้วได้หนังแค่นี้ มองว่าไม่มีประโยชน์ ทุนทักก้าไม่สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้เห็นผล ไม่เห็นว่ามีอะไรดีขึ้นจาก 10 ปีที่แล้ว

บอกเพิ่งเข้าไปถามเรื่องงบในกรุ๊ปไลน์ แต่ไม่มีใครคุยกับกู!
“เพื่อนผู้กำกับไม่มีใครคุยกับเรา เราอยู่ในกรุ๊ปไลน์ ไม่มีใครคุยกับกูเลย ก็ไม่เข้าใจไง ถามแล้วไม่มีใครคุยกับกู เรื่องใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ไหม ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ แต่อยากถามว่าพวกมึงจะจัดการเรื่องบัญชียังไง เพราะพวกกูเป็นสมาชิก แค่นั้นเอง

ยื่นกรมการปกครอง ก็ต้องให้นักข่าวคอยตาม ว่าไปถึงไหนแล้ว มีเรื่องทุจริตไหม กูเป็นผู้กำกับเฉยๆ แค่นี้ ไม่ใช่ตำรวจ เราแค่ใช้สิทธิหน้าที่ของพลเมืองดี บางทีคนส่วนใหญ่ในสมาคม เวลาเห็นเรื่องที่ดูจะผิดปกติ ส่วนใหญ่ไม่กล้าพูด แล้วปล่อยให้ผ่านไป ละเลยไป กลัวอะไรไม่รู้ แล้วค่อยมาด่าทีหลัง มองว่ามันไม่มีประโยชน์

ความคาดหวังในวันนี้ ก็แล้วแต่กรมการปกครอง ต้องการทำอะไร เราก็ต้องมาตามเรื่อง ข่าวเป็นยังไง ตามไปถึงไหน ระบบตรวจสอบภาครัฐเข้มแข็งแค่ไหน มีนอกมีในไหม แต่ตอนนั้นคงว่างก่อน

ไม่ฝากถึงคนในสมาคม เขาไม่คุยกับเรา เราไม่เคยเข้ากรุ๊ปไลน์สมาคม เพิ่งเข้าเมื่อวันสองวันนี้ แม่xไม่มีใครคุยกับกู เข้าไปถามเรื่องงบแล้วเงียบกันหมด ไม่มีใครตอบ ไม่รู้เป็นอะไร

คนบอกข้างหลังว่ามีคนมีปัญหากับเราเต็มไปหมด ก็เลยกูเข้าไปสิว่ามีปัญหาอะไร ก็เลยเข้าไป แต่ปรากฏว่าไม่มีใครมีปัญหากับเราเลย อยู่ในไลน์กรุ๊ป 170 คน ผู้กำกับทั้งประเทศอยู่ในนั้น ไม่มีใครมีปัญหากับเราเลย กูก็งงไง ข้างหลังได้ยินมามึงด่ากูฉิxหาย

ส่วนคนที่จะให้คำตอบเรื่องนี้คือใคร กูไม่รู้ แม่xไม่ตอบสักคน มันตลกไหมล่ะ งบตรงนี้ ถ้าเอามาพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ถามว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน สมมติเขาใช้ 3 พันล้าน ถ้าจะให้เป็นผลจริงๆ เกี่ยวกับภาพยนตร์ มึงเอาผกก.ทั้งประเทศมาทำหนังพันล้านแค่เรื่องเดียว ทำให้ประเทศไทยแม่xดัง มึงขนมาเก่งๆ มาทำหนังเรื่องเดียว กำกับร้อยคน แล้วมึงจะส่งไปไหนก็ได้ จะได้เห็นผลชัดๆ อยากทำหนังแนวไหน โปรโมตอะไร เรื่องเดียว ประเทศดังแน่ถ้ามึงเก่งจริง แต่มึงไม่ได้ทำอย่างนั้น มึงไปปาร์ตี้ข้างนอก ไปจัดเวิร์กช็อปบ้าๆ บอๆ”

ปัดไม่ได้เงินทำหนังเลยออกมาร้อง ลั่นไม่เคยโอดโอยไม่มีเงินจากภาครัฐหนุนสร้างหนัง บอก 10 บาทก็ทำได้ มองคนเก่งไม่ต้องการเงินสนับสนุนจากภาครัฐ ยกตัวอย่าง “เจ้ย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล” กับ “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล”
“ส่วนคนมองว่าเรามาร้องเพราะไม่ได้เงินไปทำหนัง กูไม่เคยต้องการงบเวลาทำหนัง กูไม่เคยร้องขอภาครัฐมาตลอด กูบอกว่าถ้าจะทำหนังดีแม่xไม่เกี่ยวกับเงินเว้ย ถ้าผู้กำกับจะเก่ง หนังจะดี ไอ้สัxว์ 10 บาทก็ทำได้ มึงมาอ้างเรื่องรัฐไม่สนับสนุน ไม่ คนเก่งๆ ไม่ต้องการการสนับสนุนเงินจากภาครัฐ ดูอย่างเจ้ย ขอเงินสนับสนุนจากภาครัฐเหรอ ที่ได้รางวัลที่คานส์ เอาเงินไปให้คนอื่น พวกสร้างสรรค์ไม่ต้องการการสนับสนุน เขาเก่งพอ เขามีวิธีไปได้ ประเทศนี้คนที่ต้องการมีเยอะกว่าพวกนี้ คนเก่งไม่ต้องการคนสนับสนุน มันไปของมันเองได้ ลิซ่าเคยขอเงินรัฐเหรอ

การได้งบรัฐมา มึงก็ต้องทำตามงบ แล้วต้องทำตามนโยบาย เรามองแค่ว่าเอาเงินพันล้านมาลงกับคนมีความสามารถไม่เวิร์ก เงินพันล้านไม่สามารถทำให้ผู้กำกับไทยเก่งขึ้นได้ ไม่เกี่ยว กลุ่มผู้กำกับเป็นกลุ่มที่อย่าไปสอน พวกนี้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ถ้าเจ๋งจะเจ๋งด้วยตัวมันเอง ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน

งบที่ถูกเอามาใช้ ไม่ได้สนใจว่ามึงเอาไปใช้วิธีไหน สนใจแค่ว่า มึงจัดการยังไงให้ถูกกฎหมาย แต่ถ้าถามเราเรื่องภาพยนตร์ กูไม่ต้องการงบ กูเจ๋งพอ กูบินไปเมืองนอก กูใช้ตั๋วของตัวเอง ขอเงินเท่านี้ 100 ล้านไม่ให้ 5 ล้านกูก็ทำได้ ไม่เคยมาโอดโอยว่ารัฐไม่สนับสนุน ไม่เคยมีปัญหากับเซนเซอร์ด้วย เซ็นเซอร์ก็เซ็นเซอร์ไป กูก็ทำหนังไม่ให้เซ็นเซอร์ แค่นั้นเอง ไอ้พวกเหี้xผู้กำกับมันปัจเจก มันใช้กฎรวมไม่ได้ โดยเฉพาะกฎของเงิน ใช้ไปแก้ปัญหาแบบนี้ไม่ได้

ผู้กำกับไม่ต้องการความช่วยเหลือในประเทศที่คนอื่นๆ ต้องการความช่วยเหลือเยอะกว่า ชาวนา กรรมกร แรงงาน ต้องการความช่วยเหลือเยอะกว่า ไอ้พวกเหี้xนี่มันช่วยเหลือตัวเองได้ ถ้าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ คือมันห่วย แค่นั้นเอง”











กำลังโหลดความคิดเห็น