xs
xsm
sm
md
lg

เส้นทางดราม่าของ "ซาร่า": จากเหยื่อภาพนู้ดหลุดทั่วโรงเรียนตอนอายุ 14 สู่จอมแฉแห่ง BBC ที่มาพังเพราะประเด็น "ด้านมืดของเมืองไทย"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ซาร่า แม็คเดอร์มอตต์ เข้าสู่วงการบันเทิงในปี 2018 ด้วยการเข้าร่วม Love Island ซีซันที่ 4 ในฐานะ “สาวเซ็กซี่” ผู้เข้ามาเขย่าวิลล่า ความสวยและความมั่นใจทำให้เธอถูกจับตามองทันที แม้จะถูกโหวตออกในเวลาไม่นาน แต่ชื่อของเธอก็กลายเป็นที่รู้จักในฐานะสาวเรียลลิตี้ที่มีเสน่ห์และเต็มไปด้วยโอกาส

จากนั้นเธอขยายเส้นทางในแวดวงทีวีไปยัง The X Factor: Celebrity (2019) รายการแข่งขันร้องเพลงเวอร์ชันคนดัง ที่เธอเข้าร่วมในนามวง No Love Lost ร่วมกับเพื่อนจาก Love Island อีก 3 คน โดยมี Louis Walsh เป็นที่ปรึกษา วงสามารถไปได้ถึงรอบแสดงสดและสร้างกระแสในช่วงเวลาหนึ่ง

ในปีเดียวกัน ซาร่ายังปรากฏตัวใน Made in Chelsea (2019–2020) รายการเรียลลิตี้ชื่อดังของช่อง E4 ที่ติดตามชีวิตกลุ่มคนหนุ่มสาวไฮโซในย่านเชลซีของลอนดอน เธอปรากฏตัวพร้อมกับแซม ทอมป์สัน แฟนหนุ่มในขณะนั้น และอยู่ในรายการจนถึงปลายปี 2020

นอกจากนี้ ซาร่ายังเคยเข้าร่วม Strictly Come Dancing ซีซันที่ 21 (2023) รายการเรียลลิตี้แข่งขันเต้นชื่อดังของ BBC ซึ่งนับว่าเป็นก้าวสำคัญ เพราะเธอกลายเป็นผู้เข้าแข่งขันจาก Love Island คนแรกที่ได้ลงเวทีนี้ โดยจับคู่กับนักเต้น Graziano Di Prima แม้สุดท้ายจะตกรอบในสัปดาห์ฮาโลวีน แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่เพิ่มภาพลักษณ์ความหลากหลายให้กับเธอ


ทว่าเบื้องหลังภาพลักษณ์สาวเซ็กซี่ในจอทีวี ชีวิตจริงของซาร่ากลับเต็มไปด้วยบาดแผลที่ไม่อาจลบเลือน ตั้งแต่อายุ 14 ปี เธอถูกกดดันจากเพื่อนผู้ชายที่โรงเรียนให้ส่งภาพนู้ดของตัวเอง ก่อนที่ภาพจะหลุดและแพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียน แต่แทนที่ผู้เผยแพร่จะถูกลงโทษ กลับเป็นเธอที่ถูกพักการเรียน กลายเป็น “ผู้ร้าย” ในสายตาสังคม ทั้งที่แท้จริงแล้วเธอคือเหยื่อ

เหตุการณ์นี้ทิ้งรอยแผลลึกในจิตใจ ซาร่าเล่าว่าเธอตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า ถูกกลั่นแกล้ง และถึงขั้นมีความคิดฆ่าตัวตาย ความทรงจำในวัยเยาว์นี้ยังตามหลอกหลอนเธออีกหลายปี จนกระทั่งในช่วงเข้าร่วม Love Island ภาพลับของเธอก็ถูกนำไปเผยแพร่อีกครั้ง ทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นเงาตามติดชีวิตที่เธอไม่อาจหลีกหนี

ในภายหลัง ซาร่าตัดสินใจเปิดเผยทุกอย่างในสารคดี Revenge Porn (2021) ของ BBC เพื่อชี้ให้เห็นความร้ายแรงของการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และเพื่อเปลี่ยนบทสนทนาในสังคมจากการ “โทษเหยื่อ” มาเป็นการมองเห็นผู้เสียหายว่าเป็นมนุษย์ที่สมควรได้รับความช่วยเหลือและความเห็นใจ


หลังจากก้าวออกจากวงการเรียลลิตี้ทีวีแบบสั้น ๆ ซาร่าหันมาจับงานสารคดีเต็มตัว และสามารถสร้างชื่อในฐานะผู้ดำเนินรายการที่ไม่กลัวจะเผชิญกับประเด็นหนัก ๆ

Revenge Porn (2021) ถ่ายทอดประสบการณ์ส่วนตัวว่าภาพลับถูกเผยแพร่ส่งผลอย่างไร

Uncovering Rape Culture (2021) สำรวจวัฒนธรรมที่ทำให้การล่วงละเมิดทางเพศถูกมองข้าม

Disordered Eating (2022) เล่าการต่อสู้กับปัญหาการกินผิดปกติ

Gaia: A Death on Dancing Ledge (2023) ขุดคดีการเสียชีวิตปริศนาของวัยรุ่นหญิง

The Idaho Murders: Trial by TikTok (2024) สำรวจการไล่ล่าคดีฆาตกรรมผ่านโซเชียลมีเดีย

และ Inside Ibiza (2024) ที่พาเจาะลึกเกาะปาร์ตี้ชื่อดัง

ผลงานเหล่านี้สร้างชื่อให้ซาร่าเป็น “จอมแฉ” ด้านมืดของสังคมคนรุ่นใหม่ที่กล้าถามคำถามยาก ๆ และนำประสบการณ์จริงมาตีแผ่ในเชิงสารคดี


แต่เส้นทางสายสารคดีของซาร่าไม่ได้ราบรื่นตลอดไป เมื่อปี 2025 เธอนำเสนอ Thailand: The Dark Side of Paradise สารคดีที่พยายามขุดด้านมืดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในไทย

ผลงานนี้กลับสร้างเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากผู้ชมทั้งในอังกฤษและเอเชีย หลายเสียงบอกว่าสารคดีเต็มไปด้วยการนำเสนอแบบ “ตัดสินและดูถูก” ขาดความสมดุล และเลือกตอกย้ำภาพลักษณ์ลบมากกว่าจะเข้าใจวัฒนธรรมที่ซับซ้อน

แม้บีบีซีจะออกมาปกป้องการทำงาน แต่เสียงสะท้อนจากผู้ชมกลับสะท้อนว่า การเป็นผู้เล่าเรื่องเชิงสารคดีต้องมากกว่าแค่ความกล้าและความจริงใจ—ต้องมาพร้อมความละเอียดอ่อนและการเคารพต่อบริบทท้องถิ่น มิฉะนั้นจากผู้เปิดโปง อาจกลายเป็นผู้ถูกตั้งคำถามเสียเอง





กำลังโหลดความคิดเห็น