“ชมพู่ อารยา” เซอร์ไพรส์คำตอบสามี “น็อต วิศรุต” ความสุขสำคัญกว่าความสำเร็จ ลั่นตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาชอบสามีที่สุดตรงเป็นคนที่ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ในพจนานุกรม แชร์ความสุขในตอนนี้คือได้ใช้ชีวิตสอดคล้องกับเป้าหมาย ในฐานะพ่อแม่อยากร่วมเดินทางกับลูกในการค้นหาเป้าหมายความสุขในชีวิต
เป็นผู้หญิงที่ได้รับคำชื่นชมจากผู้หญิงด้วยกันเองว่าเป็นคนที่มีตรรกะในชีวิตดีมาก ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิตส่วนตัว และชีวิตครอบครัว แม้จะเป็นสะใภ้หมื่นล้าน สามีร่ำรวยแต่ “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ก็ยังทำงานอย่างหนัก และยังทรงพลังเป็นผู้นำเทรนด์อยู่ตลอด
ในรายการ thairath talk ชมพู่ ได้เปิดใจเล่าเรื่องราวชีวิตหลังคอนเทนต์ ทั้งในบทบาทความเป็นแม่ เป็นภรรยา รวมถึงมายเซตของครอบครัว ที่เตรียมปลูกฝังให้กับลูกๆจากรุ่นสูู่รุ่น
“ชีวิตมีความสุขกับการได้เป็นแม่คน ชมก็เป็นตัวชมเหมือนเดิมนี่แหละ พอเป็นลูกผู้หญิงก็จะพยายามลงดีเทลเรื่องของความอ่อนโยน อ่อนหวานนิดนึง เป็นโจทย์ที่ท้าทายเพราะเขาเป็นเสือ (เกิดปีเสือ) มีพี่ชาย 2 คนด้วย พี่เป็นไก่ แม่ก็เป็นไก่ เวลาอยู่กับพี่กับแม่ก็จะตามสภาพนิดนึง (เพราะเสือกินไก่?) ก็จะข่มๆ นิดนึง ก็ท้าทายไปอีกแบบ
เลี้ยงเกลไม่ยากแต่ก็ดื้อ ถ้าง่ายมันก็คงไม่ใช่ เขาก็มีอะไรของเขาติดตัวมา เราก็มีปวดหัวนิดนึง เขาจะมีความดื้อ มีความท้าทาย ด้วยความเป็นลูกคนเล็ก มีพี่ชาย 2 คน ตอนที่น้องยังเล็ก เราบอกให้พี่ยอม เราจะสอนให้เขาใจว่าน้องเป็นเด็ก แต่ตอนนี้น้องเริ่มโต เราก็ต้องสอนใหม่ บอกให้น้องเคารพสิทธิ์ของพี่ด้วย มันก็เลยจะมีเรื่องของเหตุผลแล้ว จะมาใช้คำว่าน้องอย่างเดียวไม่ได้ เช่น อันนี้พี่เล่นอยู่ แล้วอันนี้เป็นของๆ พี่แล้วพี่ยังเล่นไม่เสร็จ เขาก็จะแต่ว่าเกลขอแล้ว เกลขอพี่แล้วแต่พี่ไม่ให้
ก็ต้องบอกในเมื่อเขายังไม่ให้มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา เกลก็ต้องรอเพราะมันคือของๆ เขา เราก็จะต้องบอกทางพี่ว่าก็ให้น้องเสียทีสิเรื่องมันจะได้จบ แต่ถ้าเขาไม่ให้มันก็เป็นสิทธิ์ของเขาไง บางทีพี่ก็ยอม บางทีพี่ก็ไม่ยอม ก็จะเป็นเรื่องแบบนี้ที่ปวดหัว”
ไม่ใส่คำสอนอะไรที่เป็นคำพูดเพื่อฝังหัวลูก แต่เลือกจะทำให้เห็นแล้วให้ลูกซึมซับเอาเอง
“ชมไม่ได้ใส่อะไรให้กับเขา เพียงแต่เขาซึมซับในสิ่งที่เราเป็นทั้ง 3 คนเลย เขาเห็นว่าเราดูแลคนรอบข้างยังไง หรือเห็นว่าเรามีค่านิยมในการใช้ชีวิตยังไง เขาเลยเห็นว่ามันเป็นปกติ อันนี้มันคือบรรทัดฐานของครอบครัวเรานะ การสอนมันอาจจะไม่ใช่แค่การพูด แต่มันคือการทำให้เห็น เรื่องบางเรื่องที่ไม่ซับซ้อนมากก็ค่อยๆ พูดให้เขาเข้าใจได้อย่างตอนนี้พี่สายพี่พายุก็เริ่มฟังแม่แลกเชอร์บางเรื่องได้แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน หรือในการทำงาน
สายฟ้า-พายุ ก็ชัดเจนว่าใครเหมือนใคร ทั้งหน้าตาและคาแรกเตอร์ พายุจะติดพ่อ อยากจะโต อยากเท่ ตอนเช้าจะทำเป็นฟังข่าวแบบพ่อ ตอนเย็นไปเตะบอลกับพ่อ สายฟ้าจะมาทางชม เรื่องของอารมณ์ ความคิดค่อนข้างเป็นศิลปิน ความสนใจของเขายังจะเป็นเรื่องของเด็ก เรื่องของจินตนาการเยอะ ส่วนเกลจะเหมือนทุกคนรวมกัน”
เซอร์ไพรส์คำตอบสามี “น็อต วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์” เลือกความสุขมากกว่าความสำเร็จ แชร์ความสุขในตอนนี้คือได้ใช้ชีวิตสอดคล้องกับเป้าหมาย
“(มีเคพีไอรายวันให้ตัวเอง?) เราก็มอนิเตอร์ตลอด แต่พอเรื่องลูก เคยคุยกับสามี ความสำเร็จสำคัญกว่าความสุข หรือความสุขสำคัญกว่าความสำเร็จ ชมคิดว่าแกจะต้องตอบว่าความสำเร็จแน่ๆ แต่เซอร์ไพรส์มาก แกตอบความสุขสำคัญกว่าความสำเร็จ
เราก็ใจชื้น แต่ความสุขของเรามันไม่ได้หมายความว่านอน แล้วก็กินบะหมี่สำเร็จรูปแล้วก็ดูซีรีส์ถึงตี 3-4 แล้วจะตื่นกี่โมงก็ได้ สำหรับชมความสุขคือการที่เราใช้ชีวิตสอดคล้องกับเป้าหมายที่เรามี คือการที่เราตื่นมาในแต่ละวันแล้วเรามีเป้าหมาย ได้ออกไปทำอะไรที่มันฟูฟีลหัวใจ มันอาจจะไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่มากก็ได้
เพราะฉะนั้นเขาต้องเจอตรงนี้ก่อน ในฐานะพ่อแม่หน้าที่เราก็คืออยู่กับเขา ร่วมเดินทางกับเขาเพื่อเขาจะได้หาว่าความหมายของชีวิตเขาคืออะไร เขาจะตื่นมาทำอะไร เพื่ออะไร ที่เขามีความสุขได้ด้วย หล่อเลี้ยงชีวิตเขาได้ด้วย เป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกับสังคม กับโลก
(ยังมีอะไรที่อยากทำแล้วต้องทำให้ได้ในช่วงชีวิตนี้อีกไหม?) เป้าหมายขนาดนั้นไม่มีแล้ว ตอนนี้โฟกัสเรื่องลูก สุขภาพตัวเอง และธุรกิจที่ทำ หาเงินมาก็อยากใช้ เสื้อผ้าสวยๆ เราก็อยากใส่ไปจนแก่ เครื่องประดับมีอะไรก็อยากใส่ อยากถือ แล้วก็ตื่นเต้นว่าเราจะได้อยู่ถึงวันที่รถขึ้นไปวิ่งบนอากาศไหม ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก ตัดเรื่องราวที่ไม่จำเป็นในชีวิตออกไป”
เป็นคู่รักที่ไม่หวาน แต่มีจริตที่ตรงกัน ชอบสามีที่สุดตรงที่เป็นคนไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ในพจนานุกรม
“ชมไม่หวาน คุณน็อตก็ไม่ได้หวาน แต่เราเป็นจริตที่ตรงกัน ชมไม่ได้ชอบผู้ชายปากหวาน การกระทำสำคัญที่สุด (ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาชอบอะไรในตัวน็อตมากที่สุด?) แกเป็นคนที่ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ในพจนานุกรมของแก เป็นคนที่โพสิทีฟมากๆ เขาเชื่อในศักยภาพ ในสองมือของเขา ในพลังของตัวเอง อะไรก็เป็นไปได้ ทำได้ และเกิดขึ้นได้ ซึ่งเขาก็ทำให้เราเห็นในหลายๆอย่าง
เราได้เห็นว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้าเราใส่เต็มกับมันจริงๆ ดีเอ็นเอนี้มันก็ส่งต่อมาที่เราด้วย แต่ชมจะเป็นใส่เต็มแบบเงียบๆ เหมือนเดินเข้ามาในห้อง คนอาจจะไม่ได้รู้ในเอเนอร์จี้นี้ของเรา”
