เป็นเหตุการณ์ที่หลายคนสงสารเพราะไม่เคยเห็น “เป้ย ปานวาด เหมณี” ในโมเมนต์โกรธจนตัวสั่นควบคุมตัวเองไม่ได้แหวกวงสัมภาษณ์นักข่าวออกไปร้องไห้กับ “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” แบบนี้ ในรายการ จริงใจเล่า ได้ออกมาเผยเบื้องลึกเบื้องหลัง ที่เป้ยดุดันกลางวงสัมภาษณ์ จนกลั้นอารมณ์ตัวเองไม่ไหว ถ้าไม่สุดจริงก็คงไม่ได้เห็นภาพแบบนี้ของเป้ยไว้ว่า…
หลังจากที่เป้ยได้ร่วมงานกับทีมมาประมาณ 3-4 คิว เมื่อเกิดเรื่องจึงสอบถามคนในกองว่ามีปัญหาอะไร คนในกองบอกไม่มี เป้ยมาตามคิวที่นัด มาตรงเวลา แสดงได้อย่างมืออาชีพตามที่ต้องการ บางครั้งยังบอกด้วยซ้ำถ้ามันออกมาไม่ดี จะนัดถ่ายเพิ่มก็มาให้ได้ ไม่มีปัญหา
แต่เหตุที่มันต้องหยุดชะงักเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่พอใจกันก็คือการใช้คำพูดระหว่างการถ่ายทำ ที่ไม่รู้ใครเป็นคนพูด แต่สืบได้ในทำนองว่าถ้าไม่เล่นเลิฟซีนก็จะเปลี่ยนตัว เป้ยมองว่ามันเป็นการพูดจาที่ไม่ให้เกียรติกัน เพราะเป้ยอยู่ในวงการมามากกว่า 20 ปี ไม่ใช่เด็กใหม่ที่จะมาบังคับกันด้วยคำพูดแบบนี้ คำพูดเหล่านี้นำไปสู่การที่เป้ยไปถามทีมงาน ที่ว่าเปลี่ยนตัว เปลี่ยนแล้ว? จะได้ไม่ต้องไปถ่าย
เท่าที่สืบมาได้เป้ยพยายามถามเรื่องนี้กับทางเจ้าของ ผู้กำกับ ทีมงาน ผู้จัดการกองละครว่ามันเป็นยังไง สุดท้ายกลายเป็นความเครียดสะสมมา 6-7 วันจนมาระเบิดที่งาน ในงานวันนั้นมีเพื่อนมาเล่าให้เป้ยฟังว่าถูกติดต่อให้มาเล่นซีรีส์แทนบทเป้ย โดยให้เหตุในการจะเปลี่ยนตัวว่าเป็นเพราะเป้ยมีนิสัยไม่น่ารักกับทีมงาน ห่วงสวย เรื่องมาก ให้ทำอะไรก็ไม่ทำ ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ให้เล่นเลิฟซีนก็ไม่เล่น
แล้วไม่ใช่ว่ามีคนเดียวที่มาเล่าให้เป้ยฟัง มีหลายแหล่งข่าวเพื่อนฝูงที่มาเล่าให้เป้ยฟัง ขณะที่เป้ยได้รับรู้เรื่องนี้นักข่าวก็เรียกไปสัมภาษณ์พอดี เลยเป็นจุดที่ทำให้เป้ยคุมอารมณ์ไม่อยู่ ควบคุมตัวเองไม่ได้ เลยต้องแหวกวงสัมภาษณ์ออกมา
ก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เป้ยไปได้ยินมามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง คนกลางที่มาเล่าเขาหวังดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้าคนที่รู้จักเป้ย จะรู้ดีว่าถึงเป้ยจะได้ชื่อว่าเป็นสาวเซ็กซี่ แต่เป้ยแทบจะไม่เล่นบทเลิฟซีนเลย เป้ยเป็นคนที่ไม่เล่นเลิฟซีนอยู่แล้ว และมีขอบเขตที่ชัดเจนมากกับเรื่องเลิฟซีน
