"บิวกิ้น" เผยเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่ "หลานม่า" กวาดรางวัลเยอะ และตนก็เป็นคนที่โชคดี มีคนคอยช่วยเหลือและให้โอกาสตลอด แต่ไม่เคยตั้งเป้าหมายว่าต้องได้รางวัล แค่ทำงานให้มีความสุข และสร้างคุณค่าให้กับคนที่เสพเท่านั้น บอกตอนนี้เรียนจบปริญญาโทแล้ว และคิดถูกที่ไปเรียน เพราะหลังจากนี้ก็คงไม่มีโอกาสได้ไปเรียนต่อเมืองนอกแล้ว และตอนนี้ก็ตั้งใจจะกลับมาทำงานจริงจัง บอก "พีพี" ให้ของขวัญเรียนจบมาแล้ว และตนเองก็รอดูความสำเร็จของอีกฝ่ายอยู่เสมอ
คว้า รางวัลผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม จาก งานประกาศรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 33 ประจำปี 2567 ไปได้สำเร็จ สำหรับพระเอกหนุ่ม "บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล" จากภาพยนตร์เรื่อง หลานม่า ที่งานนี้เรียกว่ามากวาดรางวัลเลยก็ได้ ซึ่งหนุ่ม บิวกิ้น ก็เผยว่าตัวเองนั้นโชคดีที่ได้มีโอกาสและได้รับความช่วยเหลือจากหลายๆ คนมาเสมอ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าผลงานนั้นๆ จะต้องได้รางวัล แค่ทำออกมาให้มีความสุข สนุก และสร้างคุณค่าให้กับคนที่เสพก็เท่านั้น
"ผมว่ามันเป็นจังหวะความโชคดีมากกว่า ก็ยังไม่ถึงกับทำตู้ใส่รางวัลเพิ่มครับ ยังมีพื้นที่ให้กับการสร้างงานใหม่ๆ และเผื่ออนาคตอีก รางวัลที่ผ่านๆ มาก็เยอะครับ แต่มันก็อาจจะเป็นแค่งานไม่กี่งาน ก็ดีใจและขอบคุณที่เวลาเขาจัดรางวัลกันแล้วก็ยังนึกถึงเรา ผมว่าผมเป็นคนโชคดีที่เวลาผมจะทำอะไรหรือเวลาที่ผมอยากจะไปขอความช่วยเหลือใคร ก็มีหลายๆ คนที่คอยช่วยเหลือและคอยให้โอกาสผมตลอด มันเลยทำให้เวลาเราคิดหรืออยากจะทำอะไร หรือบางทีเราอยู่เฉยๆ ก็มีคนหยิบยื่นโอกาสดีๆ มาให้เรา ผมว่าผมเป็นคนโชคดีที่ได้รับโอกาสเยอะ และโชคดีที่ไปอยู่ในงานดีๆ เยอะครับ"
"ผมไม่เคยคาดหวังเป้าหมายด้วยรางวัลเลย ในการทำงานผมไม่ได้มีเป้าหมายเป็นรูปธรรมขนาดนั้น เวลาทำงานต้องมีช่วงเวลาที่ดีและมีความทรงจำที่ดี มีความสนุกในการทำงาน และเป็นงานที่สร้างคุณค่าในทางใดทางหนึ่ง หมายถึงคุณค่าต่อตัวเอง คุณค่าต่อคนรอบตัว หรือคนที่เสพงานนั้นๆ แค่นั้นเอง ไม่ใช่ไม่รู้ว่าทำงานไปทำไม การได้รางวัลมันก็ไม่ได้ทำให้เป้าหมายโตขึ้น แต่มันทำให้ผมสนุกกับการทำงานมากขึ้น ผมได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่าง เหมือนเรารู้จักตัวเองมากขึ้น รู้ความต้องการของเรามากขึ้น แต่การไปข้างหน้าผมว่ามันไม่ได้เป็นอะไรที่ต้องใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ แต่เรารู้จักตัวเองดี เรารู้ว่าอะไรคือความสุขของเรา ก็อยากทำอะไรที่ท้าทายขึ้นเรื่อยๆ ครับ แต่ไม่ได้รู้สึกกดดันตัวเอง"
"ยังไม่ได้บอกพีพีเลยว่าได้รางวัล ไม่รู้ว่าเขารู้หรือยัง แต่ทุกครั้งที่เขาประสบความสำเร็จหรืออะไรทุกๆ อย่างไม่ใช่แค่เรื่องรางวัล แต่ทุกๆ ความสำเร็จผมก็คอยให้กำลังใจเขาอยู่ตลอด ถึงแม้ช่วงนี้อาจจะจบหนังคู่ จบคอนเสิร์ตคู่ไป ก็อาจจะเจอกันน้อยลง ต่างคนก็ต่างมีโปรเจ็คเดี่ยว ผมก็รอดูความสำเร็จของเขาตลอด ของขวัญไม่ได้อยากได้อะไรครับ เพราะผมได้สิ่งที่ดีที่สุดอยู่ทุกๆ วันอยู่แล้ว หมายถึงภาพรวมนะ"
เผยจบปริญญาโทแล้ว ยังไม่มีแพลนเรียนต่อ ตอนนี้กลับมาทำงานเต็มที่
"ตอนนี้ได้กลับมาเป็นแบงคอกบอยแล้ว ส่วนใหญ่คนจะถามว่าไปเรียนมาตอนไหน เพราะจริงๆ แล้วตั้งแต่ช่วงมี.ค.-เม.ย. ผมก็เริ่มกลับมาไทยเยอะแล้ว ก็เป็น 1 ปีที่สนุกมาก ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ ได้ไปลองใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ได้เจอสถานที่ใหม่ๆ ผมว่าน่าจะเป็นครั้งเดียวที่ได้ไปเรียนต่อ เพราะหลังจากนี้คงไม่ได้มีโอกาสไปเรียนต่อเมืองนอกแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีแพลนเรียนต่อครับ แต่ถ้ามีก็คงไม่ใช่เร็วๆ นี้ ผมรู้สึกว่าตอนนี้อิ่มกับโลกการศึกษาแล้ว อยากกลับมาโฟกัสเรื่องการทำงาน"
บอก "พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร" ให้ของขวัญเรียนจบแล้ว
"ของขวัญเรียนจบจากพีพี เขาบอกว่าให้แล้วเหรอ ถ้าเป็นของรวบยอดก็ได้แล้วครับ ผมก็พอใจหมดแหละ คนให้ด้วยความรู้สึกดี ก็ไม่มีไม่พอใจหรอก ก็ไม่ได้อยากได้ชิ้นใหม่นะ ผมว่าไม่ต้องให้ของกันหรอก ทุกวันนี้ผมได้รับสิ่งดีๆ มากมายจากคนรอบตัว รวมถึงเขาด้วย แฟนคลับแซวว่าเรียนจบแล้ว แต่งงานเลยมั้ยเหรอ ผมยังไม่ได้ทำงานเลย ผมเพิ่งจะกลับมา ยังไม่ได้รีเทิร์นการทำงานเลย ก็ต้องทำงานก่อน เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่รู้สึกว่ามันค้างคา ยังมีอีกหลายสิ่งที่อยากจะทำ ก็ยังไม่โฟกัสเรื่องความรักและความสัมพันธ์ ตอนแรกโฟกัสเรื่องการเรียน ตอนนี้กลับมาโฟกัสเรื่องการทำงาน แฟนคลับก็อย่ารอเลย เพราะเราไม่รู้อนาคต อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน ชีวิตเป็นสิ่งไม่เที่ยง "
