xs
xsm
sm
md
lg

ออสการ์ออกกฎใหม่ จะโหวตลงคะแนน "ต้องดูหนังก่อน"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สถาบันออสการ์ออกกฎใหม่ บังคับผู้มีสิทธิ์โหวตต้องดูหนังทุกเรื่องก่อนลงคะแนน
สถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์แห่งสหรัฐ (Academy of Motion Picture Arts and Sciences) ผู้จัดงานประกาศรางวัลออสการ์ ได้ประกาศกฎใหม่ที่สร้างเสียงฮือฮาในสัปดาห์นี้ โดยระบุว่า ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป สมาชิกสถาบันที่มีสิทธิ์โหวตจะต้องรับชมภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในแต่ละสาขา จึงจะสามารถลงคะแนนได้

ที่ผ่านมา หลายคนอาจเข้าใจผิดว่ากฎนี้ถูกใช้มานานแล้ว แต่ความจริงไม่เคยมีข้อบังคับชัดเจน สมาชิกผู้โหวตบางส่วนจึงเลือกที่จะลงคะแนนโดยไม่ได้ชมภาพยนตร์ครบถ้วนทุกเรื่อง นำไปสู่เสียงวิจารณ์ว่ารางวัลอาจตัดสินจาก “ชื่อเสียง ความนิยม หรือแคมเปญโปรโมชัน” มากกว่าคุณภาพของผลงานจริง

ที่ผ่านมา สมาชิกบางคนโหวตโดยไม่ได้ชมภาพยนตร์ครบถ้วน
สถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์แห่งสหรัฐ (Academy of Motion Picture Arts and Sciences) ผู้จัดงานประกาศรางวัลออสการ์ ได้ประกาศกฎใหม่ที่สร้างเสียงฮือฮาในสัปดาห์นี้ โดยระบุว่า ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป สมาชิกสถาบันที่มีสิทธิ์โหวตจะต้องรับชมภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในแต่ละสาขา จึงจะสามารถลงคะแนนได้

ที่ผ่านมา หลายคนอาจเข้าใจผิดว่ากฎนี้ถูกใช้มานานแล้ว แต่ความจริงไม่เคยมีข้อบังคับชัดเจน สมาชิกผู้โหวตบางส่วนจึงเลือกที่จะลงคะแนนโดยไม่ได้ชมภาพยนตร์ครบถ้วนทุกเรื่อง นำไปสู่เสียงวิจารณ์ว่ารางวัลอาจตัดสินจาก “ชื่อเสียง ความนิยม หรือแคมเปญโปรโมชัน” มากกว่าคุณภาพของผลงานจริง

บรูซ วิลแลนช์ (Bruce Vilanch) นักเขียนบทที่เคยร่วมงานกับเวทีออสการ์มากกว่า 25 ครั้ง กล่าวติดตลกว่า “ผมช็อกที่เพิ่งมารู้ว่ามีสมาชิกบางคนไม่ดูหนังทุกเรื่องก่อนโหวต” ขณะที่ สกายเลอร์ ฮิกลีย์ (Skyler Higley) นักเขียนตลกที่เคยร่วมงานกับโคแนน โอไบรอัน ในการจัดออสการ์ปีล่าสุดถึงกับบอกว่า กฎใหม่นี้ “ไม่อเมริกันเอาเสียเลย” เพราะคนอเมริกันมักโหวตตาม “ความรู้สึกและอคติ” มากกว่าข้อเท็จจริง

ดั๊ก เบนสัน (Doug Benson) พิธีกรพอดแคสต์ภาพยนตร์ชื่อดังมองว่าเป็นกฎที่ “บ้า” เพราะคนทำหนังส่วนใหญ่แทบไม่มีเวลาไปดูหนังทั้งหมด แต่ก็ยอมรับว่าอาจเป็นผลดีต่อผู้ชม เพราะหนังที่ทำขึ้นเพื่อล่ารางวัลอาจต้องกระชับเวลามากขึ้น ไม่ยืดเยื้อจนเกินไป

ลอรี คิลมาร์ติน (Laurie Kilmartin) นักเขียนตลกที่เคยร่วมงานเขียนบทออสการ์ กล่าวว่า ตนยังต้องดูหนังทุกเรื่องเพื่อเขียนมุกประกอบการถ่ายทอดสด “ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนโหวตบางคนยังไม่ดูครบ”

คนในวงการตลกทั้งบรูซ วิลแลนช์ และลอรี คิลมาร์ตินวิจารณ์ด้วยอารมณ์ขันและความไม่เชื่อ
การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลมากโดยเฉพาะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture) ที่ปัจจุบันมีผู้เข้าชิงถึง 10 เรื่อง ซึ่งหมายความว่าสมาชิกทุกคนที่ต้องการโหวตในสาขานี้ต้องดูครบทุกเรื่อง ไม่สามารถเลือกตามกระแสหรือความคุ้นเคยเพียงบางเรื่องได้อีกต่อไป

บนโซเชียลมีเดีย กฎใหม่นี้ถูกต้อนรับด้วยทั้งเสียงยินดีและความไม่เชื่อ หลายคนตั้งคำถามว่า “ทำไมต้องใช้เวลาถึงเกือบศตวรรษกว่าจะบังคับกฎนี้” นักวิจารณ์ปีเตอร์ ฮาวเวลล์ จาก Toronto Star กล่าวเชิงเหน็บ

นักวิชาการด้านภาพยนตร์ ราเควล เกตส์ (Racquel Gates) จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มองว่าแม้กฎนี้เป็นสัญญาณสำคัญ แต่ยังไม่เชื่อว่าจะทำให้ระบบการตัดสินออสการ์ “บริสุทธิ์” ขึ้นมากนัก เพราะที่ผ่านมา ผลลัพธ์ถูกกำหนดโดยพลังของสตูดิโอและแคมเปญการตลาด ไม่ใช่คุณภาพเพียงอย่างเดียว

รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่มีผู้เข้าชิง 10 เรื่องจะได้รับผลกระทบมากที่สุด
สถาบันฯ จะใช้ระบบดิจิทัลเช็กการเข้าชมใน “ห้องฉายออนไลน์” ของออสการ์ และให้สมาชิกยืนยันเมื่อดูจากโรงภาพยนตร์หรือเทศกาลหนัง หากยังมีภาพยนตร์ใดในสาขานั้นที่ผู้โหวตไม่ได้ดู ระบบจะไม่อนุญาตให้ลงคะแนน

ปัจจุบัน สถาบันมีสมาชิกผู้มีสิทธิ์โหวตประมาณ 10,000 คน เพิ่มขึ้นจาก 6,700 คนเมื่อปี 2017

ผู้ที่มีสิทธิ์โหวตออสการ์ คือสมาชิกของ Academy of Motion Picture Arts and Sciences ซึ่งเป็นองค์กรรวมบุคลากรในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด ทั้งนักแสดง ผู้กำกับ คนเขียนบท โปรดิวเซอร์ ช่างภาพ ฯลฯ แต่ละสาขาอาชีพจะโหวตในรางวัลของตนเอง เช่น นักแสดงโหวตรางวัลการแสดง ผู้กำกับโหวตรางวัลผู้กำกับ และเมื่อถึงรางวัลใหญ่ที่สุดคือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ทุกสมาชิกมีสิทธิ์โหวตร่วมกัน

การเปลี่ยนกฎครั้งนี้จึงถือเป็นการย้ำว่ารางวัลออสการ์ต้องตั้งอยู่บน “การชมผลงานจริง” มากกว่าความคุ้นเคยหรืออคติของผู้โหวต ซึ่งอาจส่งผลให้ผลลัพธ์ในอนาคตเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง.

การเปลี่ยนแปลงนี้หวังให้รางวัลสะท้อนคุณภาพจริง มากกว่าอิทธิพลชื่อเสียงหรือแคมเปญสตูดิโอ

กำลังโหลดความคิดเห็น