“ดวงดาว” สะอื้นสูญเสีย “ณรงค์ จารุจินดา” พี่ชายสุดที่รัก ผู้เป็นที่สุดของที่สุดสำหรับครอบครัว “จารุจินดา” ไม่รู้จะเอาคำไหนมาบรรยายคุณงามความดีของพี่ชาย “อุ๊ พัชนี” ลูกสาวน้ำตานอง ชีวิตเติบโตในกองถ่ายมากับคุณพ่อ เป็นลูกมือช่วยงานพ่อในกองถ่าย วันนี้เติบโตเป็นผู้กำกับตามรอยพ่อ
พร้อมให้สื่อมวลชนได้สัมภาษณ์แล้วกับการสูญเสียของครอบครัว “จารุจินดา” สำหรับการจากไปของ “เล็ก ณรงค์ จารุจินดา”ผู้กำกับชื่อดัง สามีของผู้จัดละครชื่อดัง “กอบสุข จารุจินดา”และเป็นพี่ชายของนักแสดงอาวุโส “ดวงดาว จารุจินดา” เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 75 ปี ด้วยโรคมะเร็งตับที่รักษามานานถึง 6 ปี
แม้จะมีฝนตกลงในบางช่วง แต่ก็มิได้เป็นอุปสรรคต่อผู้ที่เดินทางมาร่วมไว้อาลัยให้กับผู้กำกับดังอันเป็นที่รัก โดยคนบันเทิงทยอยเดินทางมาไว้อาลัยไม่ขาดสาย อาทิ
หนุ่ม สันติสุข พรหมศิริ, อาโย ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา, จุ๊บแจง วิมลพันธ์ ชาลีจังหาญ, ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา, ธงธง มกจ๊ก, แก๊ป ชนกสุดา พุคยาภรณ์, ยิ่งยง ยอดบัวงาม, เด่นคุณ งามเนตร, กลัฟ คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์, อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ - แดง ธัญญา วชิรบรรจง, กิ๊ก มยุริญ ผ่องผุดพันธ์, ดิลก ทองวัฒนา, ยิหวา ปรียากานต์ ใจกันทะ และหลิงหลิง ศิริลักษณ์ คอง เป็นต้น ท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
โดยวันนี้ (9 กันยายน) ทางครอบครัว ได้แก่ หลานชาย “เติ้ล ตะวัน จารุจินดา” และ ดวงดาว พร้อมด้วย “อุ๊ พัชนี จารุจินดา” และ กอบสุข ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน ถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ที่แม้ครอบครัวจะรู้สึกพร้อมออกมาให้สัมภาษณ์แล้ว แต่พอถึงเวลาก็ยังรู้สึกไม่ไหวร้องไห้ออกมาอยู่ดี
ดวงดาว : “ดาวมีพี่น้องทั้งหมด 4 คน พี่ชาย 2 คน แล้วก็น้องชายอีก 1 คน ดวงดาวจะเป็นไข่แดงในบ้าน ทั้งพี่และน้องจะคอยดูแล ในตอนเด็กๆ ไม่ว่าใครจะมารังแก ดึงผมเปียหรืออะไรก็แล้วแต่ ลุงเล็กจะลุยไปจัดการให้ ใครอย่าได้มาทำอะไรน้องสาวฉัน พี่ชายคนนี้จะจัดการเอง เราเติบโตมาด้วยกัน พ่อ-แม่สอนเราตลอดว่าเราเป็นพี่น้องกันต้องรักกัน ไม่ทอดทิ้งกัน สิ่งนึงที่ครอบครัวเรามีอยากให้บ้านเรา 4 คนพี่น้องปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆ กันเผื่อว่าวันนึงใครมีอะไร ใครต้องการความช่วยเหลืออะไรเราพร้อมที่จะแท็กทีมช่วยเหลือกันตลอด สิ่งเหล่านั้นถูกปลูกฝังและส่งต่อมายังรุ่นหลาน
สำหรับดวงดาวรักพี่ชายคนนี้ที่สุด พี่เราป่วยมาหลายปี ทำใจทุกอย่างหมด เราคุยกันตลอด เราบอกพี่เราว่าต้องสู้ เพราะพี่มีหลาน มะเฟือง-มะไฟ ที่น่ารักมาก เป็นหลานตาที่น่ารักที่สุดในโลกนะพี่ เราก็เพียรบอกพี่เรามองดูมะเฟือง มะไฟสิ ตาเล็กไม่อยากเห็นหลานเติบโตเหรอ สู้นะ เขาก็สู้
เขาลุกมาทำอาหาร เพราะวันนึงที่เขาไม่ได้กำกับแล้วเขาก็อยากจะทำอะไรให้ครอบครัว อย่างน้อยก็อาหาร เขามีรสมือที่อร่อยที่สุด เราจะเรียกเขาว่าเชฟมิชลิน น้องสาวจะไม่กินเนื้อสัตว์ในวันพุธกับพฤหัสฯ เขาก็จะคิดเมนูต่างๆ นานามาให้น้องสาวมีความสุขและอร่อยกับการไม่กินเนื้อสัตว์ เมนูของเขาดาวลงคลิปบ่อยมาก และโพสต์เชฟมิชลินของน้อง
อาหารจากพี่ชายสุดที่รักของน้อง เมนูตำแตงของเขามีคนดู 10 ล้านวิว เขาก็ภูมิใจ มันเป็นเรื่องธรรมดาแหละของการจากลา เดี๋ยววันนึงก็จะถึงคิวของเรา เพียงแต่ในความรู้สึกเรามันเร็ว แม้จะไม่ได้อยู่ในวินาทีสุดท้ายของชีวิตพี่แต่ทุกๆ อย่างมันเป็นความทรงจำที่งดงามสำหรับเรามากที่สุด เราภูมิใจในพี่เราที่สุดของที่สุดของที่สุด
พี่เราเป็นลูกที่ดี เป็นน้องที่ดี เป็นพี่ที่ดี เป็นลุงที่ดี เป็นสามีที่ดี เป็นผู้กำกับซึ่งหลายๆ คนรักพี่ชายเรา เขามีความสุขที่ได้ทำงานกับพี่ชายเรา ขอบคุณทุกคนจริงๆ อยากให้ทุกคนจำภาพพี่ชาย อย่างสวยงาม เราอาจจะไม่ได้บอกกับหลายๆ คนว่าพี่เราเจ็บป่วย เราอยากให้ทุกคนจำจดภาพพี่เราหล่อๆ พี่ชายดวงดาวหล่อมาก ใครๆ ก็ชม ก็อยากให้ทุกคนจดจำภาพของ ณรงค์ จารุจินดา พี่ชายที่แสนดีของเรา”
“อุ๊ พัชนี“ ร้องไห้ 10 วันสุดท้ายของพ่อ อยู่ด้วยด้วยกัน 24 ชั่วโมงจนลมหายใจสุดท้าย
อุ๊ พัชนี : “เราคิดว่ามันผ่านเวลามาหลายวันแล้ว มันจะดีขึ้นในวันสุดท้าย ขอบคุณทุกๆ คนที่มาส่งพ่อกันเยอะขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่าจะมีแขกมาล้นศาลา มีพวงหรีดที่ล้นออกมาข้างนอก ถ้าพ่อได้เห็นพ่อก็คงจะขอบคุณทุกท่าน คุณพ่อป่วยมา 6 ปีแล้วแต่พ่อไม่เคยบอกใครเลย เพราะพ่อเป็นคนที่ยิ้มแย้ม มีความสุข สร้างความสุขให้คนรอบข้างเสมอ ในวันที่พ่อป่วย เขาไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นกังวลว่าเขาจะเป็นอะไรมาก
10 วันสุดท้ายที่พวกเราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เราใช้เวลาด้วยกัน 24 ชั่วโมง อุ๊ได้อยู่ส่งพ่อจนลมหายใจสุดท้ายของพ่อ คิดว่าเขาหลับสบาย ไปในที่ๆ ดี พวกเราทำกันเต็มที่เพื่อส่งพ่อไปให้ดีให้สบายที่สุด”
เติ้ล ตะวัน : “อยากให้ทุกคนจำภาพดีๆ ของลุงเล็กไว้ สำหรับคนในวงการบันเทิงเชื่อว่าลุงเล็กเป็นผู้กำกับที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คน”
กอบสุข : “หลังจากส่งลุงเล็กแล้ว เราจะไปส่งให้อยู่กับพ่อที่ศรีราชา เป็นสิ่งที่เขาสั่งเอาไว้ให้ไปลอยอังคารที่เดียวกัน”
“ดวงดาว” ร่ำไห้ “ณรงค์” เป็นที่สุดของที่สุดของครอบครัว “จารุจินดา” ไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยายในคุณงามความดีของพี่ชายได้
ดวงดาว : “รักและภูมิใจในตัวลุงเล็ก เราดีใจที่เราได้พูดกับพี่เราว่าเรารักพี่เราที่สุด เราโชคดีมากๆ ที่ได้เกิดมาเป็นน้องสาวเขา เขาพูดกับน้องชายคนเล็กว่า เขาอยากให้เราจดจำเขา น้องจะได้ไม่ลืมเขาว่าพี่ชายทำอาหารให้กินทุกวันๆ”
กอบสุข : “เคยบอกเขาว่า ลุงเล็กไม่สบายจะไปทำทำไมอาหาร เขาบอกให้เขาทำเถอะ ไม่รู้ว่าเขาจะได้ทำอีกสักเท่าไหร่ ขอให้เขาได้ทำเถอะ เขาทำให้แม่ ทำให้ทุกคนในบ้านกิน เราก็ต้องยอมเขาเพราะมันเหมือนเป็นยารักษาเขาไปในตัว”
ดวงดาว : “ทุกคนไม่รู้ว่าเชฟมิชลินของดวงดาวความจริงแล้วเขาไม่สบาย แม้กระทั่งวันสุดท้ายที่เขาไม่ไหวแล้ว เขาก็ยังมานั่งคุมพี่สะใภ้คิดเมนูอาหาร เช้าเขาก็จะไปจ่ายตลาด (ร้องไห้) มะไฟ (หลานสาว) บอกว่าตาเล็กทำเมนูไข่ตุ๋นอร่อยที่สุดในโลก แล้วมะไฟบอกว่าตาเล็กไม่ต้องห่วงมะไฟจะทำหน้าที่ดูแลคุณทวดแทนตาเล็กทุกอย่าง แล้วเขาก็ทำได้อย่างที่เขาพูดจริงๆ หลานเป็นสิ่งที่เยี่ยวยาหัวใจคนสูงอายุในบ้านทั้งหมด คุณยาย 96 ปีแล้ว เขาพูดกับลูกชายคนโต (ตั้ม วิชญะ) ว่ายาย 96 แล้วแต่แทนที่ยายจะไปก่อน ต้องมาเห็นลูกเสียไปก่อน
หลายคนอาจจะสงสัยว่าลูกชายคนโตของดวงดาวไปไหน คือเขาเป็นโควิด ตลอดเวลาที่ลุงเล็กไม่สบาย เขาจะไปดูลุงเล็กทุกวัน เขาบอกเขาเสียใจอย่างเดียว เขาไม่ได้พูดสักคำว่าตั้มกราบของคุณลุงเล็กมากๆ กับสิ่งที่ลุงเล็กทำให้ ตอนนั้นที่เขาเป็นนักร้อง มีวงดนตรี ลุงเล็กทำ ม.6/2 ห้องครูวารี เขาให้หลานและวงของหลานร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนั้น เขาเป็นที่สุดของที่สุดของครอบครัวแล้ว พวกเราไม่รู้จะบรรยายคำไหนออกมาได้อีก เขาไม่มีคำว่าบกพร่องเลยในการทำหน้าที่ของเขา ก็ภูมิใจและจะเก็บภาพความภูมิใจทั้งหมดนั้นไว้ภายในหัวใจครอบครัวจารุจินดา”
“อุ๊ พัชนี” น้ำตานองชีวิตเติบโตในกองถ่ายมากับคุณพ่อ มีลูกมือช่วยงานพ่อในกองถ่ายตนวันนี้เติบโตเป็นผู้กำกับตามรอยพ่อ
กอบสุข : “(เสียงเครือ) ละครเรื่องสุดท้ายที่แกทำคือเรื่องเจ้าสาวบ้านไร่ ตอนนั้นแกเป็นมะเร็งแล้ว 3 ปี เราก็คิดว่าเขาจะทำไม่ไหว ก็บอกลุงเล็กให้คนอื่นกำกับได้ไหม แกก็บอกไม่เอา เขาอยากจะทำ แล้วเขาเอาหลานสาว มะเฟือง-มะไฟมาเล่นนะ เขาอยากจะกำกับหลานเขา นี่คือสิ่งที่เขาตั้งใจมาก เป็นละครที่ประสบความสำเร็จ เขาก็ดีใจ เพราะเขาตั้งใจว่าจะเป็นละครเรื่องสุดท้ายของเขา”
อุ๊ : “(ร้องไห้) อุ๊โตมากับพ่อ อุ๊โตมาในกองเคียงข้างคุณพ่อมาตั้งแต่เด็ก อุ๊จะเข้าห้องตัดกับพ่อตลอด ไปกองกับพ่อ ตอนเด็กๆ พ่อกำกับหนูก็นั่งม้วนฟิล์มให้พ่อ โตขึ้นมาอีกหน่อยพ่อทำละครหนูก็นอนหยอดเทปให้พ่อทั้งคืน เพื่อให้พ่อลุกขึ้นมาตัดต่อตอนกลางวัน อยู่ในกองเป็นผู้ช่วย พ่อค่อยๆ สอนทีละเรื่อง อย่างละนิดอย่างละหน่อย เราก็ค่อยๆ ซึมซับมาเรื่อยๆ คิดว่าทุกอย่างที่เป็นได้วันนี้ก็ได้มาจากพ่อ
เสียดายที่พ่อไม่ได้ดูละครเรื่องนั้นที่อุ๊กำกับ ถ้าพ่ออยู่บนโน้นแล้วมีโอกาสได้ดูก็อยากจะบอกพ่อว่า พ่อต้องภูมิใจในตัวอุ๊ให้มากๆ เลยนะ เพราะอุ๊ทำได้ทุกอย่างที่พ่อสอนมา”
