“แม่เม้า - วิชัย พิงค์แพนเตอร์” ยันเงิน 4 แสนเป็นค่าจ้างทั้งวงไปเล่นคอนเสิร์ตการกุศล บอกเสียใจโดนหาว่าสูบเงินวัด อยู่วงการนี้มา 57 ปีมีแต่ทำงานอาชีพตัวเอง ทำบุญทำกุศล ซัด “ทิดอลงกต” ทุเรศ พูดโบ้ยว่าพวกตนสูบเงินไป 4 แสน บอกแค่ค่าจ้างราคาการกุศล ไม่ใช่ราคาคิดปกติด้วยซ้ำ
ทำเอา “แม่เม้า สุดา ชื่นบาน”ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล - ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. 2563 และ “ต๋อย วิชัย ปุญญะยันต์” หัวหน้าวงดนตรีพิงค์แพนเตอร์ ถึงกับเดือดกับกรณีที่โดนหาว่าสูบเงินวัดพระบาทน้ำพุ จนต้องขอเข้ามาชี้แจงกับเจ้าหน้าที่สืบสวน ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องรอหมายเรียกจากตำรวจ ซึ่งทั้งคู่ยืนยันว่าเงิน 4 แสนบาทเป็นค่าจ้าง โต้สูบเงินวัดอย่างที่เป็นข่าว
วิชัย : “วันนี้ก็เอาหลักฐานการโอนเงินค่าใช้จ่ายในการเล่นดนตรีมาให้ เป็นเหมือนกับค่าจ้าง ชัดเจนมาก มีทั้งโอนเข้ามาเป็นก้อนเพื่อไปแจกลูกน้อง ประมาณ 4 แสนกว่าบาทก็แจกจ่ายลูกน้องไป ตัวเองก็เหลืออยู่ 5 หมื่นกว่าบาท ที่โอน 4 แสนก็คือครั้งเดียว ตอนที่ท่านจัดก็จัดให้กับนักร้องในช่วงโควิด ตอนที่เราไม่มีงาน แล้วก็เป็นฟรีคอนเสิร์ตนะครับ ไม่ได้มีการขายบัตร แล้วก็เชิญพี่เม้าบ้าง พี่วินัยบ้างไปร้อง เป็นคอนเสิร์ตการกุศล
เงิน 4 แสนนี่ก็เป็นคนของวัดพระบาทน้ำพุเป็นคนโอน ผมเป็นคนรับโอนเงินจากเขา เพราะผมเป็นหัวหน้าวง แต่ 4 แสนก็ไม่ใช่ว่าเยอะนะ เพราะมีดนตรีกว่า 40 ชิ้น เป็นวงออเคสตร้า คนละ 8 พันบ้าง 3 พันบ้าง ตัวผมเป็นคอนดักเตอร์ได้ 2 หมื่น ร้องด้วยก็ได้อีก 2 หมื่น คือค่าแรงชัดเจน และที่สำคัญที่เอาหลักฐานมาคือสเตทเมนต์ในการโอนเงินเข้ามา ตีซะ 4.7 แสนบาท แล้วผมก็โอนให้กับนักดนตรีทันที เพราะฉะนั้นไม่ใช่คนที่มาสูบเงินวัดเด็ดขาด ผมจัดคอนเสิร์ตให้วัดมาเป็นสิบปี ผมบริจาคให้มาตลอด แต่ตอนนี้มีข่าวที่พูดถึงเราไม่ดี คำว่าสูบเงินวัดฟังแล้วมันปวดหัวใจนะ วันนี้ผมเป็นคนขอนัดมานะครับ ไม่ใช่ทางนี้นัดมา
แล้วคนกลางที่โอนมานี่ก็คือเพื่อนเราเอง เป็นคนแต่งเพลงให้วงเรามา 30 กว่าปีแล้ว และเขาก็ไปรู้จักกับหลวงพ่อ เราก็เห็นท่านทำอะไรเยอะ ตอนนั้นเราทุกคนมองท่านเป็นพระเอก แต่ตอนนี้ผมก็จะไม่พูด ผมจะขอพูดในส่วนของผมที่มีคนพูดถึงและคณะนักร้องที่ว่าไปสูบเงินวัด อันนี้ฟังแล้วมันปวดหัวใจ พี่เม้าในฐานะเป็นศิลปินแห่งชาติ แกทนไม่ไหว แกบอกขอมาด้วย เพราะพี่เม้าก็เคยได้รับเชิญไปอยู่”
แม่เม้า : “มีศิลปินไปร้องเยอะนะ ลูกสาวป้าก็ไป สาวสาวสาว มีอีกหลายๆ คนไปค่ะ ป้าขออธิบายว่าสมมติหนูมาจ้างวงป้าไปเล่นดนตรี เราตกลงกันไปเป็นเงินเท่านี้ คนรับคนเดียวคือต๋อย เขาก็จะไปแจกแจงว่าดนตรีกี่ชิ้น นักร้องกี่คน ส่วนใหญ่เขาจะขอก่อนว่างานนี้ๆ ช่วยนะ พี่ได้ค่าน้ำมันรถเท่านี้นะ เพราะมันจะไม่ได้อย่างที่เราร้องปกติ ก็จะได้แค่ค่าน้ำมันรถ ต๋อยก็จะเป็นคนทำเพลงทั้งหมด 30 กว่าเพลง เขาก็ปวดหัวพออยู่แล้ว แล้วก็ไปซ้อมที่บ้านเขา และเราไม่ได้ทำกันงานเดียว ตั้งแต่โรงพยาบาลปิยะเวท สมาคมดนตรี โซนิค ยูท และงานสวนดอกเราจะไปวันที่ 25 ต.ค.นี้ นี่คืองานการกุศลทั้งนั้น เราได้น้อยกว่าปกติ แต่เราก็พร้อมที่จะไป ต้องเข้าใจว่าพวกเราไม่ได้มาร่ำรวยจากตรงนี้นะคะ แต่การที่เขาจะไปแจ้งกับใครอย่างไรเราไม่ทราบ เรารับแค่ส่วนของเรามาคือส่วนของเรา”
ยืนยันเป็นฟรีคอนเสิร์ตทุกครั้ง ไม่เคยขายบัตร
วิชัย : “งานการกุศลที่ผ่านมาทั้งหมด ผมอาสาจัดเองทั้งนั้น แต่กับทางวัดพระบาทน้ำพุทางวัดเป็นคนแจ้งมา ก็แค่ครั้งเดียวครับ แต่ครั้งอื่นๆ ที่จัดก็คือผมจัดเอง เพราะเห็นกิจสงฆ์ของท่านก็เกิดความศรัทธา แล้วก็จะมอบให้วัดทุกปี ปีละแสนกว่าบาทบ้าง ห้าหมื่นบ้าง แต่ต้องบอกว่าเราก็ให้วัดเต็มร้อยไม่ได้ เพราะเรามีต้นทุนในการจัด ค่าเครื่องเสียง ค่าสถานที่ ค่าเช่าอะไรต่างๆ เราก็ต้องเอามาคำนวณ แม้กระทั่งเพลงที่เราจะเอามาร้องก็ต้องขอจากเจ้าของเพลงเขา แต่คอนเสิร์ตที่จัดกับวัดพระบาทน้ำพุเราไม่เคยขายบัตร จัดกันหลายงาน แต่เอา 3 ครั้งสุดท้ายนี่ก็คืองานวันภาษาไทยแห่งชาติ
แต่ทางวัดเขาไปรับบริจาคเป็นค่าบัตรคอนเสิร์ตหรือเปล่าอันนี้เราไม่ทราบ พวกผมจะอยู่บนเวที ถ้าหน้าเวทีพวกผมก็ไม่ทราบเรื่องแล้ว ผมยังไม่เคยเจอหลวงพ่อเลยวันนั้น และผมไม่เคยไปที่วัดเลย เคยไปแต่ที่ไร่ เล่นครั้งเดียวเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 66 จริงๆ ที่มีคอนเสิร์ตการกุศลที่จัดน่าจะมากกว่า 7 ครั้งนะ แต่ที่จัดร่วมกับวัดผมจำไม่ได้แน่ชัด แต่ที่ชัดๆ เลยก็คือ 3 ครั้งล่าสุดนี่แหละ ซึ่งผมแยกส่วนต่างที่จะให้กับวัดไว้เลยหนึ่งแสนบาท”
ซัด “ทิดอลงกต” ทุเรศ ใส่ร้ายว่าไปสูบเงินวัด
แม่เม้า : “เราฟังจากคนที่ให้สัมภาษณ์นะ เรารู้สึกว่าคุณดูถูกพวกเรานักร้อง นักดนตรีเกินไป เหมือนใส่ความว่าเราไปได้อะไรต่ออะไร ป้าก็เลยบอกว่าอยากมา วินัยก็ด้วย เราไม่สามารถรู้ได้ว่าหลวงพ่อจะไปบอกใครต่อใครว่าให้วงพิงค์แพนเตอร์เท่านั้นเท่านี้ แต่เรารับมาจำนวนที่คุยกันไว้เท่านั้น แต่นายอลงกตบอกว่าพวกเราไปเรียกเงินเขาเหรอ ทุเรศ ไอ้ 4 แสนเนี่ยเหรอ”
วิชัย : “ไม่ใช่เรียกเงินครับ คือเสียใจก็ส่วนนึงนะ เพราะที่เราทำไปเราไม่รู้หรอกว่าท่านทำยังไงข้างหลังมา ทราบแต่ว่าท่านจัดคอนเสิร์ตเพื่อให้คนดูมาดู และให้หานักร้องดีๆ มาให้คนฟัง และไม่ใช่เฉพาะเรานะครับ ท่านจัดคอนเสิร์ตมาเยอะแยะแล้ว ของเราคือปีละครั้งเท่านั้นเอง”
บอกถ้าเจ้าหน้าที่จะเรียกให้คืนเงิน ก็ไม่มีคืนให้แล้ว เพราะแบ่งทุกคนไปหมดแล้ว
แม่เม้า : “ถ้าจำเป็นต้องคืนเงิน คืนไม่ได้ เราจ่ายค่านักร้อง นักดนตรีไปหมดแล้ว จะเอาที่ไหนมาคืนล่ะลูก ส่วนตัวที่ป้าได้มามันก็น้อยนิดนะลูก แต่ที่รองเต่า (พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว) ท่านบอกว่าคนที่ได้เงินไปต้องเอามาคืน อันนี้มันคนอื่น ไม่เกี่ยวกับเรา คนอื่นอาจจะไปขอเงินท่าน 3-4 ล้านก็ไม่เกี่ยวกับเรา เรารับส่วนที่เราได้”
วิชัย : “คือส่วนนี้เป็นส่วนที่เราทำงาน ค่าจ้างเขียนเพลง เพลงละ 2,500 ค่าคอนดักเตอร์ 2 หมื่น ผมคืนไม่ได้หรอก เพราะเอาไปใช้หมดแล้ว 4 แสนนี่ก็คือมันมีตัวเลขว่าค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เครื่องสายเท่าไหร่ เครื่องเป่าเท่าไหร่ ค่านักดนตรีพวกเราเท่าไหร่ มันจะมีตัวเลขมา ก็คือเป็นค่าใช้จ่าย 4 แสนนี่ไม่ใช่เราต้องให้วัดนะ วัดต้องให้เรา เพื่อจะเอามาจ่ายให้มันเกิดงานขึ้น ก็ 4 แสนต่อปี
คนที่มาดูส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกศิษย์ท่าน แล้วถ้าเกิดจะบริจาคก็ไปบริจาคกับท่านโดยตรงเลย เราไม่เกี่ยว และผมอยากจะถาม ผมทำงานอาชีพนี้มาทั้งหมด แม่เม้าไม่ต้องพูดถึง แม่เม้าเป็นนักร้อง ผมเป็นนักดนตรี ผมก็เป็นนักร้องมีเพลงดังกับเขาเพลงเดียว แต่ผมก็ทำมาหากินตลอด 57 ปีนะครับ ผมทำทุกสิ่งทุกอย่างคืออาชีพของผม อาชีพเดียวนะ แต่เพียงแค่คนๆ เดียวที่พูดจาถึงผมไม่ดีว่าสูบเงินวัด คุณเรียกเขามาถามบ้างไหม ผมขอพูดแค่นี้ครับ”
