“วินัย พันธุรักษ์” เข้าให้ปากคำกองปราบ ยืนยันไม่เคยยุ่งเกี่ยวเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ โอดชีวิตไม่เคยด่างพร้อย เป็นเพียงศิลปินที่ได้ค่าตอบแทนตามความเหมาะสมเท่านั้น ลั่นทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ถูกสงสัยเคลือบแคลง รับข่าวกระทบใจเพราะทำดีมาตลอด สิ่งที่เจอถือเป็นวิบากกรรม
เป็นอีกคนที่เดินทางเข้าให้ปากคำเกี่ยวกับคดีวัดพระบาทน้ำพุกับพนักงานสอบสวนเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ “วินัย พันธุรักษ์” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงขับร้องเพลงไทยสากล ประจำปี 2562 หนึ่งในสมาชิกวงดิอิมพอสซิเบิล โดยวินัยยืนยันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเงินบริจาคของวัด ส่วนเส้นทางการเงินที่ไปถึงเป็นเพียงค่าตอบแทนที่ได้รับจากการขึ้นเวทีคอนเสิร์ตโดยมีเจ้าหน้าที่วัดคนหนึ่งโอนให้เท่านั้น
“วันนี้ก็นัดกันมาชี้แจงกรณีวัดพระบาทน้ำพุ พวกเราศิลปินก็มาชี้แจงให้กับเจ้าหน้าที่ทราบว่าเหตุที่เราเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องอะไรยังไง เพราะเราไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้นะครับ เราเป็นศิลปินสาธารณะ เราก็รับเชิญทั่วๆ ไป เราไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องค่าจ้างบางทีก็ได้ บางทีก็ไม่ได้ เราไม่ได้บอกว่าต้องการเท่าไหร่ พอเสร็จงานก็แล้วแต่เขาเห็นสมควรว่าเท่าไหร่ เขาก็โอนมาให้
ถามว่าเครียดไหม มันก็ไม่เคย เพราะตั้งแต่ดำรงชีวิตมาอยู่ในสายงานอาชีพนี้ เราก็ไม่เคยมีปัญหา ไม่เคยมีความด่างพร้อยเรื่องเหล่านี้ครับ เรื่องเงินที่เข้ามากระทบเราที่เขาโอนมาก็คือ 3 หมื่นบาท เป็นค่าตอบแทน ซึ่งเราไม่ได้คิดว่าเราจะต้องได้เท่านั้นเท่านี้ ก็ตามความเหมาะสม เพราะตั้งแต่เข้ามาร่วมงานก็จะมีการต่อเพลง ซ้อมย่อย ซ้อมใหญ่ และการเตรียมตัวต่างๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
เงินก้อนนี้ไม่ใช่ค่าจ้าง แต่เป็นการเชิญเราไป เขาก็ให้เป็นสินน้ำใจเราเท่านั้นเอง เพราะถือว่าเราไปร่วมด้วยความศรัทธา ด้วยใจบริสุทธิ์ ส่วนเรื่องอื่นเราไม่ทราบหรอก คือเราก็ไปเล่นวันภาษาไทยที่จุฬาฯ เมื่อวันที่ 29 ก.ค. จัดทุกปี จัดมา 3 ครั้งแล้ว เรื่องเครียดมันมีบ้างเล็กน้อย แต่ความจริงคือความจริง พวกเราเข้าใจ แต่พอข่าวออกไปคนก็จะเคลือบแคลงว่ามันเป็นยังไงหรือเรื่องแบบนี้หรือ ก็อาจจะมีผลบ้าง แต่ถ้าสื่อให้โอกาสเราได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเราก็สบายใจ
เพราะเราประพฤติปฏิบัติมาในวงการเขารู้กันหมด คนรอบข้างก็บอกว่าไม่เชื่อว่าพวกเราจะทำอย่างนั้นหรอกครับ เพราะในทางสังคมวงการบันเทิงก็รู้เขารู้เราอยู่แล้ว ซึ่งไม่มีอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่เรื่องเหล่านี้มันจะไปแจ็กพ็อตตรงไหนเท่านั้นเอง เพราะเราก็ไปทำอยู่บ่อยๆ ก็ไม่มีอะไร เราไปทำโรงพยาบาลโน้นนี้ หารายได้เข้าโรงพยาบาลต่างๆ ก็เยอะแยะมากมาย มันไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไร จบงานแล้วก็จบกันเท่านั้นเองครับ”
คิดว่าเป็นวิบากกรรม แต่ก็จะทำบุญต่อไป เพราะทำด้วยใจบริสุทธิ์ทุกครั้ง
“พอมีเรื่องนี้ก็ถือเป็นวิบากกรรม เราทำใจ ก็ไม่มีอะไรหรอก ความจริงมีหนึ่งเดียว ถ้าสื่อให้โอกาสได้ชี้แจงก็มีความสุขแล้วแหละ เพราะถ้าไม่มีโอกาสชี้แจงคนก็จะคลางแคลงใจ แต่มันก็กระทบจิตใจบ้าง เพราะเราก็ทำดีมาตลอดนะ ทำด้วยใจมาตลอด (หัวเราะ) มาเจอเรื่องอย่างนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่พอมีโอกาสชี้แจงก็สบายใจ ข่าวก็คือข่าว ก็คิดว่าบุญที่เราทำมันมีขอบเขตจำกัด แต่นอกเหนือจากนั้นเราไม่รู้ จากนี้ก็คงทำต่อไป เราไม่ได้กลัวหรอก เราทำด้วยใจบริสุทธิ์ ส่วนเรื่องอื่นๆ เราไม่เกี่ยวจริงๆ เวลาไปเราก็เอาชื่อเสียงเราไปช่วยอยู่แล้ว”
