“แฮ็ค รุ่งเรือง” อดีตพระเอกดัง ควงลูกเมียเปิดใจ สู้ชีวิตหัวหน้าครอบครัว เผยดรามาธุรกิจซบเซา เครียดหนักถึงขั้นนอนไม่หลับ มีอาการป่วย
อดีตพระเอกดัง “แฮ็ค รุ่งเรือง อนันตยะ” ต้นตำรับสายวายยุคบุกเบิกจากซีรีส์ “รักแปดพันเก้า” ตำนาน “จอนที” ผู้โด่งดังในจอทีวี ล่าสุดกลับมาฮือฮาอีกครั้งหลังมีไวรัลดังในโลกออนไลน์ ลุกขึ้นมาไลฟ์สดขายเสื้อผ้าผู้หญิงช่วยภรรยา “คุณปิ่น” และบทบาทคุณพ่อทำคลิปน่ารักๆ ดูแลลูกสาว “น้องพิต้า” ท่ามกลางกระแสข่าวดรามาที่ต้องเผชิญคำวิจารณ์ว่าดาราตกอับ งานนี้ขนครอบครัวสุดอบอุ่น พร้อมหน้าพร้อมตา มาอัปเดตชีวิตผ่านรายการดัง “โต๊ะหนูแหม่ม” ช่องเวิร์คพอยท์หมายเลข 23 กับพิธีกรตัวแม่ “พี่หนูแหม่ม สุริวิภา” เล่าทุกสตอรี่กับการสู้ชีวิตในฐานะหัวหน้าครอบครัว
ไม่ได้ออกทีวี ออกสื่อมานานแค่ไหนแล้ว?
แฮ็ค : “ผมว่าเป็นหลัก 10 ปี 10 ปีกว่าๆ ผมจำไม่ได้แล้วว่านานแค่ไหน”
ถามถึงไวรัลคลิปที่ออกมา ไลฟ์สดขายของ และคลิปดูแลลูกสาว คนดูเยอะมาก?
แฮ็ค : “คือมันเป็นชีวิตปกติของผม ผมก็ทำทั้งหน้าที่ไปรับลูก และก็ทำงานด้วยครับ ผมเองก็รู้สึกผิดและสงสารลูก ที่เอาเขามาทำงานหนักๆด้ วย ก็เลยอยากทำคลิปขอบคุณเขา ที่อดทนทำงานและเข้าใจเรา คนดูคลิปกว่า 2 ล้านวิวแล้ว”
ปิ่น : “ส่วนใหญ่คลิปปิ่นเป็นคนถ่าย คอมเมนต์คนก็จะบอกว่าอบอุ่น บ้างคนที่เขาไม่มีพออยู่แล้ว เขาเห็นคลิปก็รู้สึกอบอุ่น คิดถึงพ่อเขามันเป็นภาพธรรมดา แต่ว่ามันวิเศษสำหรับเขา”
แฮ็ค : “ชีวิตเราแค่มีครบ มีครอบครัวช่วยกันทำงาน แค่นั้นมันก็มีความสุขแล้ว”
ตอนนี้อาชีพของเราเรียกว่าค้าขายโดยตรงมั้ยคะ?
แฮ็ค : “จริงๆ ผมก็ทำธุรกิจค้าขายเสื้อผ้าแบบนี้มาแล้วครับ ตั้งแต่เลิกเล่นละครผมก็หันเหมาขายเสื้อผ้ากับแฟน”
ปิ่น : “ถ้ารวมกับขายที่ตลาดนัดด้วยแล้วก็ประมาณ 15-16 ปี ตลาดนัดขายกันตั้งแต่ ตลาดนัดเมเจอร์ฯแรกๆ”
แล้วทำไมขยับขยายมาขายที่แพลตทินัม ประตูน้ำ?
ปิ่น : “เป็นปิ่นที่คิดว่าถ้าขายแบบนั้นก็จะเหมือนเดิม คือเราไม่ได้ดูถูกอาชีพขายปลีกนะคะ ถ้าเราขายดีขึ้นอยู่แบบนี้มันอาจไม่โต ก็เลยบอกเขาว่าเราลองไปมั้ย เราลองเปลี่ยนเวย์เลยมั้ย ตอนนั้นเขาก็ตกใจ เพราะว่าตอนนั้นถ้าเข้าไปอยู่ต้องใช้เงินหลายล้าน แล้วตอนนั้นเราก็ไม่มีเงินกัน เราขายตลาดนั้นเต็มที่ก็ได้ 200,000 - 300,000 ก็เลยเอารถไปเข้าไฟแนนซ์ ดีที่พี่เขายอม เพื่อที่จะเอาเงินไปเช่า ไปวางมัดจำ 3-6 เดือน พี่เขาก็เอารถไปเข้าให้ แล้วก็ไปคุยกับแม่เขา ด้วยความที่แม่เป็นห่วงเขาก็เบรกไว้ก่อน งอนกันไปมา สุดท้ายแม่เขาก็ยอม ใช้เงินเก็บเรา กับเงินที่เอารถไปเข้า”
ยุคแรกที่เข้าไปขายที่นั้นเป็นยังไงบ้าง?
แฮ็ค : “ตอนแรกที่เข้าไปก็ขายดีเลยนะครับ เพราะว่าตอนนั้นเป็นช่วงเศรษฐกิจดีแล้วก็เศรษฐกิจบูมด้วย ไปถึงก็ขายได้มาตลอด”
ปิ่น : “ตอนนี้ก็ขายมาได้ 12-13 ปีค่ะ”
แต่ตอนนี้หลายคนบอกว่าซบเซาคนน้อยลงไปเยอะมาก?
แฮ็ค : “ต้องบอกว่ามันไม่เหมือนเดิมครับ แต่ก่อนคนมาเดินเยอะ แต่ตอนนี้ทั้งคนไทยทั้งคนต่างชาติก็ไม่มีแล้วครับ น้อยลงมากๆ เลยครับ บางร้านก็ออกจากธุรกิจขายไปเลยครับ บางคนก็ถอนตัวไปอยู่ไม่ได้ครับ”
ปิ่น : “คือสมัยก่อนที่แน่นเพราะว่าเป็นพ่อค้าแม่ค้ามาเดิน แต่ตอนนี้เราก็จะเห็นเป็นคนซื้อปลีกค่ะ ที่คนซื้อปลีกจะเน้นมาเดินเล่น แต่ก่อนพ่อค้าแม่ค้าคือเขามีเป้าหมายเลยคือจะมาซื้อ แล้วก็ซื้อในที่จำนวนเยอะๆ”
คิดว่าเหตุผลอะไรที่คนซื้อหายไปค่อนข้างเยอะ?
ปิ่น : “คนเปลี่ยนการจับจ่ายใช้สอย ด้วยเศรษฐกิจแล้วเปลี่ยนการไปซื้อขายในแพลตฟอร์มเยอะขึ้น”
แฮ็ค : “แต่ว่าคนประหยัดก็มีส่วนครับ เพราะว่าเสื้อผ้าเป็นสินค้าอันดับแรกที่เขาจะหยุดซื้อ ก็จะเจอผลกระทบโดยตรงครับ”
การค้าขายมันสะดุดถึงขั้นบอกว่าเหมือนตกสวรรค์?
แฮ็ค : “จริงๆ ชีวิตครอบครัวผมก็ราบรื่นปกติ แล้วก็มีความสุขพวกกันพอดี แต่มาวันนึงก็ไม่ราบรื่น ธุรกิจยอดมันตกจนที่ว่า เรียกว่าผมไม่มีรายได้เลย ธุรกิจขาดทุน ค่าใช้จ่ายทุกอย่างครอบครัวมันรออยู่ รายได้ไม่เหมือนเดิม ผมติดลบมาประมาณ 2-3 ปีแล้ว ผมอดทนมาตลอดเพื่อประคองไป จนสุดท้ายผมบอกว่าถ้าอย่างนี้แล้วมันไม่ไหวแล้วนะ ผมก็ลดค่าใช้จ่ายร้านแบ่งจากห้อง 4 เมตร เหลือห้อง 2 เมตร ลูกน้องที่ผมทำงานด้วย ก็หยุดขอพักจ้างงานก่อน เพราะว่าผมไม่ไหวแล้ว ถ้าผมตั้งตัวได้แล้วค่อยกลับมาเริ่มกันใหม่”
ปิ่น : "หยุดแล้วค่อยคิด แล้วกลับมาสตาร์ทกันใหม่ อันนั้นคือความตั้งใจมากกว่าค่ะ”
จากที่เคยได้แล้วรายได้หายไป ปรับตัวอย่างไร?
แฮ็ค : “ปรับตัวไม่ทันครับ ท้อแท้ผิดหวัง นอนๆ อยู่ผมตกใจ ตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วผมก็นอนไม่หลับเลย ผมเคยเครียดแบบท้องเสียไม่สบายไป 3-4 วัน ร่างกายมันแปรปรวน ผมเข้าใจคนที่มันคิดไม่ตก คิดไม่ออก หมดหนทาง จนบางคนคิดสั้น ผมเข้าใจเลยว่าเวลาคิดไม่ออกมันเป็นแบบนี้จริงๆ นึกอะไรมันก็มืดไปหมดเลย แต่โชคดีที่ผมไม่เคยคิด เพราะว่าผมมีครอบครัวมีลูก มีพ่อแม่ ผมแค่คิดเล่นๆ ว่าเมื่อไรผมจะแก่สักทีนะ เราจะได้ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องรับภาระ แต่พอหันกลับมามอง เราเป็นแบบนั้นไม่ได้เรายังมีภาระยังมีครอบครัว เราเลยยิ่งต้องทำงานต่อ”
แล้วเป็นไงมาไง ถึงมาเริ่มไลฟ์ขายเสื้อผ้าในTikTok?
แฮ็ค : “ผมคิดว่าตอนนั้นมันแย่ไปหมดแล้ว ไม่มีหนทาง อย่างน้อยเราลงมือถือทำได้ 1% ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ผมก็เลยลองไลฟ์ดู ไลฟ์ไปด้วยขายด้วย ทำคลิปด้วย”
ครั้งแรกที่ลองทำดู ผลออกมาเป็นยังไงบ้าง?
แฮ็ค : “ผลตอบรับครั้งแรกขายได้ 2 ชิ้น คือมันไม่ง่ายเลย แล้วผมเป็นผู้ชายที่ไปไลฟ์เสื้อผ้าผู้หญิง เป็นการทำเพื่อครอบครัว เพื่อให้ขายได้ แต่ขายได้ 2 ชิ้น สมมุติยอด1,000 บาท กำไรมันไม่ถึง 200 แต่ผมมองเป็นแง่ดีนะครับ ผมเคยจากติดลบทุกเดือน ทุกเดือนแทบจะขายไม่ได้ แล้วผมลดค่าใช้จ่ายทุกอย่าง วันแรกที่ผมไลฟ์ขายได้ 2 ชิ้น ผมก็มีความหวัง รู้สึกว่าถ้าคราวหน้าผมพยายามอีก อาจจะได้ 3-5 ชิ้นมันอาจจะพอค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในครอบครัว”
