xs
xsm
sm
md
lg

รวยจัด “อดีตพระอลงกต” ให้คนยืมเงิน 100 ล้านซื้อเฮลิคอปเตอร์ “สมปอง” ยืมจริง 13 ล้าน แต่ใสพอ อยากให้เพิ่มอีก 1 ล้าน น้อยใจ “แพรรี่” ไม่เชื่อ 100%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อดีตพระอลงกต” ให้ยืมเงิน 13 ล้าน! “สมปอง” ยันยืมจริง แก้ปัญหาชีวิต แม่ป่วยติดเตียง เห็นพระใจๆ อยากคืนให้เพิ่มอีก 1 ล้าน มั่นใจไม่ใช่เงินบริจาค บอกใสพอ น้อยใจ “แพรรี่” เชื่อ 70% ป.ป.ท. แฉพระให้คนยืมเงิน 100 ล้านซื้อเฮลิคอปเตอร์ ชี้เงินหมุนเวียนพันล้าน พบเช็ค 100 ล้านไม่เข้าธนาคาร เผยระบบวัดไร้ระเบียบ ตู้บริจาคใครอยากได้ก็เอาไป

ยังเกาะติดกันต่อเนื่อง กับประเด็น “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” และ “อดีตพระอลงกต” วัดพระบาทน้ำพุ ที่ล่าสุดโดนจับเรียบร้อยแล้ว ปมยักยอกเงินบริจาค แต่มีเรื่องราวบานปลายไปหลายประเด็น โดยรายการ โหนกระแส วันที่ 28 ส.ค. ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร, รศ.ดร.จันทิมา อังคพณิชกิจ สาขาภาษาไทย คณะศิลปะศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ , พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)

เรื่องนี้ถือเป็นมหากาพย์ ทำมายาวนาน เข้า 3 สัปดาห์ แพรรี่?
แพรรี่ : จริงๆ ไม่ถูกตัวเท่าไหร่ คนที่ต้องมาคุยจริงๆ คือพี่หนู เอาเรื่องนี้ใช่มั้ย

ยังไม่ได้คุยเรื่องนั้น อากาศร้อนมากเหรอ คุณร้อนตัวอะไรหรือเปล่า?
แพรรี่ : ไม่ได้ร้อนตัว (ถอนหายใจ) แต่หนูดันติดร่างแหไปแล้ว อักษรย่อ พ. ทีหลังมึงเขียนชื่อไปเลยไม่ต้องย่อกัน แล้วไปเขียน พ ส. ติดกัน คนจะไปนึกถึงใครล่ะ แพรรี่ สมปองแน่นอน

เรื่องวัดพระบาทน้ำพุ หลังหลวงพ่อโดนจับ แพรรี่รู้สึกเศร้าใจมั้ย?
แพรรี่ : หนูสงสัยว่าท่านจะไปไหนตอนตี 2 ท่านขยันบิณฑบาตขนาดนั้นเลยเหรอคะ ออกไปไหน ไม่อยู่วัด เข้าพรรษา พรรษาขาดนะคะ ท่านจะเดินทางไปไหนตอนตีสอง หนูงง ไม่ทำกิจของท่านเหรอ จะไปวัดหรือไปไหน ไปช่องทางธรรมชาติหรือเปล่า

เศร้าใจมั้ย?
แพรรี่ : ไม่เศร้า เศร้าใจทำไม หนูว่าคนศรัทธาเบิกเนตรกันหมดแล้ว เริ่มตาสว่าง ทีแรกเสียดายหลวงพ่อ แต่ตอนหลังเริ่มเสียดายเงินตัวเอง ไปเถอะหลวงพ่อ ไปซะ เดี๋ยวจะหมดมากกว่านี้ ล่าสุดทุบกระป๋องแล้ว ถึงบอกไง เอาเงินใส่กระป๋องทำบุญซื้อข้าวสารเถอะ เป็นแม่ค้ากำไรไม่กี่ร้อย หลวงพ่อไปบิณฑบาต หย่อนไปแล้ว กำไรหายไปหมด ไม่เสียดายหลวงพ่อ สงสารคนโดนหลอกดีกว่า

แต่ตอนท่านไปบิณฑบาต ท่านนั่งรถเข็นนะ?
แพรรี่ : ยิ่งสร้างภาพ ถ้านอนเตียงได้ หนูคิดว่าคงเข็นเตียงไปตลาดแล้ว จะได้ดูน่าสลด สังเวช ดูน่าสงสาร โอ้ย เสียสละเหลือเกิน ท่านเดินไม่ได้ ยังมาลวงกระเป๋าพวกเราอี๊ก อุตส่าห์เหลือเกิน จะเอาเงินไปให้ใครคะ เห็นว่าโอนวันละล้านเลยเหรอ

เอาเงินให้เพื่อนคุณหรือเปล่า?
แพรรี่ : โฟนอินถามเขาดีกว่าค่ะ หนูยืนยันความบริสุทธิ์ก่อนว่าหนูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทิดจอร์จ หรือวัดพระบาทน้ำพุเลยใดๆ ทั้งสิ้น

เกี่ยวข้องกับสมปองมั้ย?
แพรรี่ : มีความรู้จักกันเป็นพี่เป็นน้องกัน ก็ต้องยอมรับ คนรู้ทั้งประเทศ พอเขามีเรื่องมาบอกว่าไม่เคยรู้จักสมปอง มันก็คบไม่ได้นะ

คุณพุทธก็ขยันเปิดอักษรย่อ?
แพรรี่ : เปิดหัวค่ำหน่อยนะคะ นี่ไปเปิดเที่ยงคืน

แกก็ขยันเปิด เราก็ต้องมาตามเก็บ ส.คือสมปอง เขายอมรับเลย เขาเคยเล่าแพรรี่มั้ย?
แพรรี่ : เขาไม่ได้เล่าส่วนตัวให้หนูฟังหรอก แต่ถ้าใครตามเขาดีๆ ช่วงเขาสึกมาแรกๆ เขาพูดเรื่องนี้เลย เรื่องเขาเป็นหนี้ 10 ล้าน ตอนแรกเขาจะไปอยู่กับใครไม่รู้ที่จะมาช่วยดูแลเขา อาสาช่วยหนี้ให้ แต่ต้องทำสัญญากัน ไม่ใช่พี่ ต. นะคะ ที่ตอนหลังมีปัญหากัน ก่อนหน้านี้มีอีกท่านนึง แต่ต้องเซ็นสัญญา สุดท้ายพี่ปองก็ไม่ได้ไปอยู่กับเขา เขาเลยไม่ได้ช่วยใช้หนี้ให้ ถ้าใครตามพี่ปองตอนสึกใหม่ๆ จะรู้ว่าเขาเคยเปรยเรื่องนี้ เพียงแต่เขาไม่ได้เล่ารายละเอียด หนูมารู้อีกทีตอนพี่ติ๋มท่านพูดตอนแถลงกับนักข่าว ท่านพูดเรื่องนี้ว่าต้องมาใช้หนี้ให้อะไรให้

วัดพระบาทนี่เหรอ?
แพรรี่ : ใช่ค่ะ ที่ว่า 1 ล้านบาท ใช้ให้โดยต้องทำสัญญากัน และทำงานอยู่ด้วยกัน ตอนหลังไม่ได้ทำงานด้วยกัน พี่ปองก็ใช้คืนพี่ติ๋มอีกทอดนึง

แกเอาเงินไปทำอะไรมากมาย?
แพรรี่ : ต้องถามแกเลยค่ะ หนูไม่ทราบจริงๆ เรื่องยืมรู้เท่าที่ทุกคนรู้ แต่จำนวนเงินถึง 10 ล้าน หนูก็ตกใจอยู่เหมือนกัน ไม่ได้ตกใจที่พี่ปองไปยืมนะ ตกใจที่ทิดจอร์จกล้าให้ยืมได้ยังไง เพราะถ้าเราต่อให้มีเงินขนาดนั้น ถ้ามายืมก็คิดหนักนะคะ เงิน 10 ล้าน หนูก็ไม่ได้เข้าข้างพี่ปองหรอก พี่ปองมีหน้าที่ชี้แจงและเคลียร์ตัวเอง แต่มันก็ดีที่แกไม่ได้หนีไปไหน ล่าสุดก็ออกมาพูดแล้ว พร้อมให้สัมภาษณ์

คุณพุทธเปิดไว้ ด. พ. ส. สมปองเคยยืมแพรรี่มั้ย?
แพรรี่ : ไม่เคยยืม ขอ หนูให้เลยแสนนึง ล่าสุดถ้าใครตาม หนูให้เลยเป็นพี่น้องกัน อย่ายืมเลยเดี๋ยวเสียมิตรภาพ

ด.คือใคร?
แพรรี่ : ไม่ทราบค่ะ หนูรู้แค่อักษรย่อ พี่ปองคนเดียว

สมปองยืมเงินจริง ยืมเงินหลวงพ่อ?
แพรรี่ : เขาพูดถึงระดับเลเวล ทิดจอร์จดกับพี่ปองเขาก็เป็นพระนักเทศน์ นักสังคมสงเคราะห์ที่มีชื่อเสียงพอๆ กัน ตามที่หนูรู้ตอนหลัง พี่ปองเล่าให้ฟังไปเจอท่านที่งานของวัดสมานรัตนาราม ที่เขาสร้างรพ.อะไรไม่รู้ พี่ปองมีปัญหาเรื่องปัจจัยเงินทองนี่แหละ เลยไม่รู้จะพึ่งใคร ก็คิดว่าตัวเองเคยช่วยวัดพระบาทน้ำพุ สมัยทำธรรมะเดลิเวอรี่ ขายซีดี ไปสนับสนุนวัดพระบาทน้ำพุ ก็คงคิดว่าตัวเองเดือดร้อนหลวงพ่อคงช่วยได้บ้าง ไปยืมหลวงพ่อเลยเป็นการส่วนตัว

ตอนแรกจะเชิญมา เขาบอกติดอยู่ต่างจังหวัด?
แพรรี่ : แกไม่ได้หนีไปไหน ก็ให้แกชี้แจงก่อนว่า เป็นความจริงความเท็จเดี๋ยวรู้กัน อย่าเรียกแกสมี สมีต้องใช้กับทิดจอร์จอย่างเดียว เรียกทิดจอร์จก็ได้ไม่นะคะ ต้องเรียกสมีจอร์จ สึกแบบไม่สง่างาม มีเรื่องเงินทอง ยักยอก

อาจารย์เป็นคนนึงที่เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดวัดพระบาทน้ำพุตอนนั้น อาจารย์ไปทำไม?
ดร.จันทิมา : ไปทำวิทยานิพนธ์ ไปเก็บข้อมูลเพื่อทำวิทยานิพนธ์ค่ะ ตอนนั้นเข้าวัดพระบทน้ำพุหลายรอบ รอบแรกเข้าหลายรอบ ลักษณะการเซอร์เวย์ก่อน พอเข้าไปเซอร์เวย์เสร็จก็ทำวิธีการที่จะเข้าไปอยู่ที่นั่นเพื่อเก็บข้อมูลลักษณะคนในชุมชน ก็อยู่ประมาณ 3 สัปดาห์กว่าๆ ระหว่างที่อยู่เราก็รู้ว่าชื่อเสียงหลวงพ่อมีเยอะ เกี่ยวกับเรื่องเอดส์ 20 ปีที่แล้วนะคะ เราเห็นความศรัทธาของคนที่มีอยู่ ก็อยากเจอบ้าง แต่ไม่เจอเลยค่ะ (หัวเราะ) หลังกลับเข้าไปซ่อมข้อมูล มีการจัดเทศกาลจะเก็บข้อมูลเพิ่ม จะเจอหลวงพ่อออกงานเทศกาล ออกมาพูดบนเวที เช่นงานลอยกระทง งานช่วงวันที่ 9 ธ.ค. งานมุติตาจิตที่เขาจัดให้หลวงพ่อ

ขึ้นมาเรี่ยไรเงิน?
ดร.จันทิมา : ไม่เชิงเรี่ยไรเงินค่ะ บนเวทีท่านก็พูดให้ข้อคิดดี แต่เรื่องบริจาค จะอีกกิจกรรมนึง จะแยกออกจากกัน

หลวงพ่อไม่อยู่วัดเลย?
ดร.จันทิมา : เราเป็นผู้หญิง ไม่รู้ว่าเขตสังฆาวาสที่ท่านมีอยู่เป็นยังไง ไม่สามารถเข้าไปได้ แต่ทั่วไปเข้าวัด ก็น่าจะมีอุโบสถ พระประธานที่เราไปไหว้ได้ ตอนอยู่ที่นั่นก็พยายามหาว่าพระประธานอยู่ที่ไหน อยากไปไหว้บ้าง หาไม่เจอค่ะ ไม่รู้อยู่ที่ไหน เขาบอกว่าพระพุทธรูปที่อยู่ใต้ต้นไม้บ้าง อยู่ตามที่ต่างๆ บ้าง ไหว้ได้ทุกที่ ไม่เห็นพระประธาน ไม่เจอค่ะ ณ ตอนนั้นนะคะ

แพรรี่ : ต้องดูว่าโบสถ์มีหรือเปล่า

ดร.จันทิมา : ต้นปีที่แล้วเจอโบสถ์ค่ะ มาเจอตอนหลัง 20 ปีผ่านไป

อาจารย์ว่าเขามีวิธีการเชิญชวนเหรอ?
ดร.จันทิมา : เวลาเราทำภาษากับการสื่อสารกับสังคม เราจะทำสามส่วนไปด้วยกัน แต่ก่อนเราดูแค่ภาษาอย่างเดียว แต่ตอนนี้ดูว่าภาษากิจกรรม สังคม กระทบซึ่งกันและกันยังไง เวลาภาษาถูกสื่อสารออกมา เช่นท่านทำเป็นวารสาร 2 สัปดาห์ 1 เล่ม ทำมาตลอดระยะเวลาที่วัดพระบาทน้ำพุได้รับเงินสนับสนุนมา 

อันนี้เป็นกิจกรรมนึงที่ท่านทำมาตลอด เวลาตัวเนื้อหาที่สื่อสารออกมาผ่านกิจกรรมแบบนี้ ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งได้ในการสร้างความหมายและกลายเป็นภาพจำในสังคมขึ้นมา ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เริ่มแรกที่ตัวเองค้นข้อมูลมา ท่านก็มีลักษณะทำให้เห็นว่าเอดส์ทรมาน เกี่ยวข้องกับความตาย ตายไม่ได้ตายธรรมดา ทรมาน น่าสงสาร ก็จะมีภาพผู้ป่วยมีลักษณะผอม แห้ง เกร็ง ร่างกายไม่น่าดูปรากฏอยู่ตลอดทั่วทุกเอกสารที่สื่อออกมาผ่านวัดพระบาทน้ำพุ รวมทั้งศพที่ตั้งอยู่ที่วัดพระบาทน้ำพุ สมัยก่อนไม่มีอะไรครอบนะคะ วางไว้แบบนี้แหละค่ะ

วางเพื่อให้คนเข้าไปดู แล้วรู้สึกน่าสังเวช บริจาคเงินเข้ามา?
ดร.จันทิมา : ส่วนใหญ่ก็จบท้ายด้วยการให้บริจาค

เป็นวิธีการ?
ดร.จันทิมา : ค่ะ ตรงนี้ก็เป็นจุดเช็กอินที่นึง มีพิพิธภัณฑ์ตรงนี้ที่เรียกว่าพิพิธภัณฑ์ชีวิต พิพิธภัณฑ์กระดูก ผู้ป่วยเอดส์อยู่ที่นั่นถ้าเสียชีวิตก็เผาเถ้ากระดูกไม่มีใครเอาไปทำพิธีอะไรก็จะสะสมวางไว้เป็นกองๆ แบบนี้ค่ะ เป็นพิพิธภัณฑ์กระดูก

จริงๆ ไม่เอามาวางแบบนี้ก็ได้ จะเอาไปลอยอังคารก็แล้วแต่ แต่เอาความน่าเวทนามาขายให้คนเห็น และบริจาค เข้าใจที่มาที่ไปหรือยัง มุมนึงพอไปจับ ทางวัดบอกว่าเขาเอามาให้คนปลงสังเวช ให้นั่งดู นั่งพิจารณา จะได้ปลงไป แต่อีกมุมเราไม่เคยคิดมาก่อน อ๋อ นี่คือจุดเช็กอิน เอาความสังเวชมาขายขอเงินเรี่ยไร?
แพรรี่ : เหมือนบางวัดที่ชอบสร้างคอกวัวคอกควายไว้หน้าวัดนั่นแหละ

ดร.จันทิมา : เรียกว่าสร้างกรอบความคิดให้สังคมรับรู้ และติดภาพจำนี้อยู่ตลอด โดยที่ท่านไม่เปลี่ยนเลยค่ะ

มีจุดเชื่อมโยงอื่นอีกมั้ยที่ทำให้คนหลงเชื่อ?
ดร.จันทิมา : ถ้าพูดอีกอย่าง ท่านวางพล็อตให้วัดพระบาทน้ำพุเป็นพื้นที่ที่สร้างเอกลักษณ์เฉพาะพิเศษ โดยมีท่านเป็นฮีโร่ของพื้นที่นี้ เวลาวางพล็อตแบบนี้ เท่ากับว่าองค์ประกอบเวลาสร้างความหมายวัดพระบาทน้ำพุที่ผูกพันกับเอดส์ จะต้องมีท่านอลงกตอยู่ด้วยเสมอ ท่านก็จะทำลักษณะว่าท่านเป็นพ่อพระ ปกติพ่อพระคือสามัญชนที่มีใจเมตตาสงเคราะห์คนอื่นแบบพระ แต่ท่านเป็นพระด้วยเป็นพ่อพระด้วย เท่ากับมีดับเบิ้ลพระ มีความเมตตา เข้มข้นกว่าคนปกติ ลักษณะความเป็นพ่อพระที่ท่านสร้างอยู่ตลอดเวลา ก็จะกลายเป็นเครื่องมือในการวางกรอบความคิดคนในสังคมที่เกิดศรัทธาต่อวัดพระบาทน้ำพุและตัวท่านมากขึ้น โดยมีเอดส์เป็นพื้นหลัง ทำให้เห็นว่าความเป็นฮีโร่ของท่านเกิดขึ้นมาด้วยบริวารแวดล้อมด้วยเอดส์ ไม่มีหนทางที่ไหนอีกเลยในสังคมนี้ที่จะช่วยผู้ป่วยเอดส์ระยะสุดท้ายได้ 

ดูเป็นว่าภาพจำ ภาพความหมายที่ดูรุนแรงเข้มข้นทำให้คนเชื่อในวัดพระบาทน้ำพุ ก็เป็นเพราะตัวท่านด้วย คือพี่พจน์ที่อยู่ในกิจกรรมที่เราลงไปเก็บข้อมูลวัดพระบาทน้ำพุ แต่ท่านก็ไม่ได้อยู่ที่วัด การที่เขาสื่อสารหลายรูปแบบ ออกรายการทีวี ทำกิจกรรมด้วยการบิณฑบาตไปที่ต่างๆ เป็นเหตุผลนึงทำให้ท่านไม่อยู่วัด ประมาณนี้ค่ะ การกระจายภาพจำ ความหมาย ว่าท่านเป็นฮีโร่ของเอดส์เลยแผ่ออกไปในสังคมได้กว้างขวางมากขึ้น

ก็ตรงกับหน่วยงานที่เขาจับตามอง เชื่อว่าน่าจะมีการวางแนวทางหลวงพ่อแบบนี้เหมือนกัน คือสร้างภาพลักษณ์องค์กรศาสนา โดยเลือกตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์ ลักษณะคล้ายๆ เป็นแบรนด์สินค้าให้คนบริจาคเงินเข้ามา เป็นกลยุทธ์ทางศาสนา เป็นตลาดเชิงศาสนา?
ดร.จันทิมา : ใช่ค่ะ เป็นการสร้างภาพจำว่าศาสนาดึงคนเป็นที่ยึดเหนี่ยวอยู่แล้ว

โดยมีความเวทนาที่ท่านเข้าไปช่วยเหลือ โดยท่านเป็นฮีโร่ ตอนเด็กๆ ท่านบอกอยากเป็นซูเปอร์แมน?
ดร.จันทิมา : ก็เป็นไปได้ คำพูดที่ออกมาตามที่ต่างๆ ท่านทำให้เห็นว่าท่านเป็นที่พึ่งสุดท้ายของคนเป็นเอดส์ ก็เป็นฮีโร่ได้

มีพัวพันถึงต่างประเทศ?
ดร.จันทิมา : ใช่ค่ะ ตอนเก็บข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้วกลับไปซ่อมข้อมูลแต่ละครั้ง ก็จะเจอหลวงพ่อตอนนั้น แต่เจอระยะสั้นๆ นะคะ เจอเช่นมีสื่อมาสัมภาษณ์ท่าน ท่านก็พาเช็กอินตามที่ต่างๆ ท่านบอกจบออสเตรเลียก็เชื่อนะ เพราะท่านพูดภาษาอังกฤษได้ พูดคุยกับสื่อต่างชาติได้ ที่เอะใจคือถ้าเกิดกรณีเอาข้อมูลบอกชาวโลกว่าท่านเป็นที่สำหรับคนเป็นเอดส์ ต้องการสนับสนุนต่างๆ พวกนี้ ก็คิดว่าน่าจะมีสิ่งสนับสนุนที่มาจากต่างประเทศด้วย

ป.ป.ท.วันนี้เดินหน้ายังไงบ้าง?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : ขอชื่นชมกองปราบ ต้องให้เครดิตกองปราบ ท่านพล.ต.ต.วิทยา ผู้การกองปราบ ท่านรองเอนกที่มาออกรายการ อีกคนคือผกก.มนูญ น้องๆ เหนื่อยงานมาหลายเดือน น่าจะเม.ย. ที่เริ่มรวบรวมเรื่องนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ดูแล้วซับซ้อนที่สุดที่ผมเห็นมา และต่อเนื่องมาหลายปีมาก วันที่ป.ป.ท.ไปสวมเรื่องนี้ เราบูรณาการกับทีมกองปราบ เราก็เริ่มเก็บรายละเอียดช่วยกองปราบเรื่องเส้นทางการเงิน เราเชื่อว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับเส้นทางการเงินโดยตรง ยอดเงินที่เราเจอ 

แค่ถอยไปถึงปี 62 เราเจอพันกว่าล้าน แต่การตรวจป.ป.ง.ที่เราป.ป.ท.ส่งผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ไปเช็ก มันมีเงื่อนไข ถังนี้เป็นถังเริ่มต้นที่ธนาคารจะรายงานธุรกรรมมา ซึ่งจำกัดเฉพาะการโอนทางอิเล็กทรอนิกส์ 7 แสนขึ้นไป กับการโอนหน้าเคาน์เตอร์ 2 ล้านขึ้นไป นี่แค่สองตัว พันกว่าล้าน เพราะฉะนั้นถ้าเราเช็กทั้งสเตทเมนต์ของเขา ท่านคูณไปได้เลย นี่แค่ 62 ที่เราเห็น แต่เบื้องต้นพอเราแชร์ข้อมูลกองปราบ เป็นส่วนสำคัญที่เราให้เห็นวงรอบเขา ระหว่างคุณบีกับคุณอลงกตว่าใครเกี่ยวข้องสัมพันธ์บ้าง 

เราเจอคนที่เกี่ยวข้องประมาณ 20 คน ทั้งสองฝั่ง ที่มีความสัมพันธ์ทั้งเป็นคนใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวการคือคุณอลงกต กับคุณบี ผู้สนับสนุน และเราเจอการรับเงิน การถอนเงิน ในรูปแบบต่างๆ เจอเรื่องการเปิดบริษัทหลายบริษัท เราสนับสนุนข้อมูลกองปราบไป ก็นำไปสู่การจับ จริงๆ อยากบอกว่าเราจะไม่ได้จับ เรามีโปรเจกต์ที่จะจับก่อนอยู่แล้ว เพียงแต่เลื่อนมาทางกองปราบก็ติดภารกิจด้วย ติดเรื่องพยานหลักฐานบางตัว จริงๆ จะทุบตั้งแต่ 16 แล้ว ก็เลยเฝ้ากันตั้งแต่วันนั้น เลยเป็นที่มาว่าอดีตหลวงพ่อแกขยับ เลยต้องโดนล็อก เพราะเราก็ระมัดระวังอยู่แล้วเรื่องการขยับตัว 

เมื่อวานได้มีโอกาสไปร่วมตรวจค้นหลายหน่วยมาก หลักๆ สตง.เข้าไปดูระบบทั้งหมด เห็นอะไรเยอะมาก ที่เราเจอเมื่อวาน สิ่งที่เห็นคือการไร้ระบบ มั่วไปหมด เมื่อวานเราเจอเช็คหลายฉบับ ประมาณ 30 ฉบับรวมเงินประมาณ 100 กว่าล้าน เช็คไม่เคยเอาเข้าธนาคาร สั่งจ่ายให้วัด ประมาณ 100 กว่าล้านก็เป็นคำถามอยู่ในใจว่าเช็คอะไรวะ ทำไมไม่เอาเข้าแบงก์ มันผิดวิสัยก็เก็บเอาไว้จนกลับมา ท่านไม่ยอมสึกตอนแรก ทางทีมกองปราบก็รายงานแล้ว คุยไม่กี่คำถาม พี่เต่าก็ตามสไตล์ ท่านก็เต่าว่าไง พี่เต่าสองคำถามแกก็ยอมสึก 

มีการถามหลายคำถามมากสำหรับผมเองที่ติดใจ ตั้งแต่เราเริ่มรวบรวมพยานหลักฐานของแก เราถามเรื่องเช็คก่อนว่ามันคืออะไร ทำไมคือปี 57 ไม่เคยเอาเข้าแบงก์ แกบอกว่าแกโดนโกง 100 กว่าล้าน ผมก็ตกใจว่าเป็นค่าอะไร แกบอกแกโดนเยอะ มีนักธุรกิจคนนึงเมื่อก่อน เอาฮอล์มารับแกเวลาไปกิจนิมนต์ มารับถึงวัด มาดูแลแกแบบนี้ วันนึงบอกว่าเดี๋ยวจะเอาฮอล์ลำนี้สำหรับท่านโดยตรง ตัวบริษัทเองจะซื้อฮอล์อีกลำนึง เลยเป็นเรื่องการยืมเงินแล้วหายเลย สิ่งหนึ่งที่มั่นใจว่าทำให้ท่านพังคือการบริหารเงินที่ไม่โปร่งใส 

 คนไทยทั้งประเทศน่าจะติดใจ เรื่องตู้บริจาค เชื่อมั้ยว่าตอบเราไม่ได้ว่ามีกี่ตู้ ผมถามว่าถ้าชาวบ้านอยากรับตู้ไปต้องทำไงบ้าง ไม่ยากครับ ไปติดต่อแล้วเอาบัตรประจำตัวประชาชนไป แล้วเซ็นไว้ เบอร์โทรอะไร แค่นั้นเอง พี่หนุ่มอยากได้ 20 ก็ขอแล้วเอาไปวาง ผมเชื่อว่าที่คุยมาเป็นเดือนในรายการ คำถามนี้เป็นคำถามคาใจประชาชน แล้วไม่มีใครตอบได้ 70-30 มันอะไรยังไง แต่สิ่งที่เราเจอ ตู้มีหลายแบบมากผมเลยถามเจ้าหน้าที่ดูแลว่าคุณมีวิธีการอย่างไรบริหารจัดการตู้บริจาค ก็อย่างที่บอก ใครอยากได้ก็มาเอา เอาสำเนามาให้ดู คำถามคือแล้วจะเก็บเงินจากตู้ยังไง 

เขาบอกว่าไม่ยาก หนึ่งส่งเอง สองโอนเข้าบัญชีวัดก็ได้ ผมถามคำถามที่สาม ถ้าเขาส่งหรือโอนไม่หมด ทำยังไง เขาบอกว่าอยู่ที่สำนึก จบคำถาม เป็นคำถามที่เรามีคำตอบ ข้างๆ ตู้มีรายชื่อสามคน ถ้าตู้เต็มให้ติดต่อ 1 2 3 สามคนนี้ก็คือตัวละครสำคัญที่เกี่ยวพันกับวัด เป็นคนใกล้ชิดอลงกต เป็นที่มาความไม่โปร่งใส สิ่งที่เราเจอเมื่อวาน มันแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งนึงดูเหมือนจะขาว อีกฝั่งดูเหมือนจะดำ ฝั่งดำคือมีการโยกเงินไปใช้ในสิ่งที่ไม่ใช่กิจของวัด 

เราตรวจถอยไปถึงปี 50 เราเจอการตั้งบริษัทที่น่าสงสัย คือบริษัทเอพลัสพาวเวอร์ เกี่ยวกับไฟฟ้า บริษัทนี้ดันมีความสัมพันธ์คือตั้งอยู่ที่หนองม่วง ธรรมรักษ์นิเวศ 2 เราเจาะไปถึงกรรมการ มีคนเดียว คือคุณธนชัย ไวยาวัจกรที่เสียชีวิตไป ที่เราสนใจมากที่สุด ที่เราวงกลมคือทุนจดทะเบียน 100 ล้าน ชำระเต็ม ผมก็ถามอดีตเจ้าอาวาสว่านี่คืออะไร เอาเงินที่ไหนไปทำ ท่านบอกว่าท่านพลาด ท่านอยากสร้างอาชีพให้คนที่ป่วยเป็นเอดส์ ท่านก็ไปเอาต้นกระถินมาปลูก ให้คนขุดมาทำ สุดท้ายเจ๊งหมด 

ท่านบอกว่าท่านขาดทุนหมดเลย สิ่งนี้ทำให้เรามองว่าเงินได้มาง่าย การบริหารจัดการไม่โปร่งใส ผมถามเจ้าหน้าที่วัดว่ารู้มั้ยวันนี้วัดมีกี่บัญชี ไม่มีใครตอบได้ แสดงว่าเยอะมากๆ ครับ บัญชีเขาเยอะมากๆ เราเช็กเส้นทางการเงินเขา เราเจอก้อนใหญ่ๆ ที่เอาไปใช้ คือการซื้อกองทุน ประกันชีวิต เราเจอเส้นเงินหมด ในการโอนกลับมาให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง แม้กระทั่งวันที่เราไปค้นเมื่อวาน เราสอบปากคำไวยาวัจกร แกก็ยืนยันว่าแกไม่มีส่วน แกบอกว่าถ้าไม่เข้าก่อน หลวงพ่อให้แกขายกองทุน แกได้มา 10 ล้านแล้ว เตรียมให้วันนี้ วันที่ 28 ขอไว้เรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อให้เอาไปให้ มันเป็นไซน์บอกว่ามีการเตรียมการ จังหวะดีที่เราเข้าไปก่อน

มีชื่อตัวบุคคลบอกมั้ยว่าคนนี้ๆ?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : ผมเองอยากซัก แต่มองว่าการให้สึกตามระเบียบสงฆ์สำคัญกว่า ตอนนี้ท่านอยู่เรือนจำ พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำได้ คิดว่าท่านน่าจะร่วมมือนะ

ถ้าเอาเงินพระกับวัดไป เตรียมตัว โดนแน่ๆ?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : แน่นอนครับ

กรณีที่เกิดขึ้น พอฟังเรื่องบริจาค 70-30 มีจริงมั้ย?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : ผมว่าเกิดจากทุกคนคาดเดาจากแผนประทุษกรรม สิ่งที่เขาทำ ผมว่าน่าจะเปิดฉากจากคุณบีก่อนเรื่องตัวเลขบริจาค เราพอคาดเดาได้ว่าตัวเลขเป็นการสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน คู่ไปกับการดำเนินการที่ถูกต้อง คุณบีลักษณะเปิดบัญชี เจตนาเขาชัด ผมกับทีมหรือกองปราบ เรานั่งประชุมวิเคราะห์พยานหลักฐาน เราฟันธงอยู่แล้วว่าครบองค์ประกอบกฎหมายอยู่แล้ว เรื่องเจตนาพิเศษ เพราะมีการออกใบอนุโมทนาบัตรชัด หลวงพ่อแกรับรู้และรับว่านั่นคือตราประทับของวัด มันจบ 

ครบองค์ประกอบ เจ้าอาวาสเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ฝากเตือนสงฆ์ด้วย เจ้าหน้าที่รัฐคือน่ากลัว ถ้าเป็นคนธรรมดายักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง ยอมความได้ จ่ายเงินก็จบ ถอนคำร้องทุกข์ แต่ความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เวลาท่านเบียดบัง ศาลลงโทษเรียงกรรม เอา 5 คูณ เช่นกรณีมีแต่ละใบเสร็จ ท่านมี 500 ใบเสร็จ ก็โดน 2,500 ปี ศาลลงอย่างนี้เลย เรียงกรรม ฝากว่าในการทุจริต ท่านทำผิดในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐโทษหนักมาก อย่างวัดพระบาทน้ำพุน่ากลัว ผมยังคิดว่าท่านน่าจะหนักมากๆ ในเรื่องพยานหลักฐานการเชื่อมโยง เส้นทางการเงินหลุดยาก 

ถ้าครบองค์ประกอบทำในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ คุณบีอยู่ในฐานะผู้สนับสนุน ซึ่งโทษก็ไม่ได้ทิ้งกันมากเท่าไหร่ ฝากบอกที่กำลังฟังอยู่ ทรัพย์สินที่ท่านได้ไปในส่วนของอีกวงนึง ที่รับทรัพย์สินไป ไม่แน่ใจเอามาคืนเลย ไม่ต้องให้ทวง ไม่ว่าวงไหน มาเลย รีบเอามาคืน ถ้าไม่คืนแล้วมีหมาย สถานะจะเปลี่ยนไป เป็นเรื่องการฟอกเงิน ท่านรับทรัพย์สินจากการกระทำผิดไป ถ้ารู้หรือควรรู้มันครบองค์ประกอบ เดี๋ยวจะไม่จบ ฝากเตือนเลย วันที่เราไปค้นเราเจอเครื่องย่อยกระดาษ เจอการย่อยโฉนดที่ดิน สัญญาซื้อขาย ตรงนี้เป็นร่องรอยอยู่แล้วที่มันน่าจะมีการผันเงินออกไป เราเจอหลักฐานในการเอาที่ดินมาให้ดู นี่คือการฟอกเงินอย่างนึง ในการผันเงินออกไป เรื่องนี้จะขยายไปอีกหลายวงมากเลย

เชื่อสมปองกี่เปอร์เซ็นต์?
แพรรี่ : 70-30 อาจมีบางส่วนที่เราไม่รู้รายละเอียด แต่แกก็ยืมจริงๆ นั่นแหละ เราไม่ได้ซักไซ้ไล่เรียง มันเป็นเรื่องการยืมเงินของเขากับหลวงพ่อ ยืมไปทำไม ยืมแบบไหน ใช้ไปเท่าไหร่ อันนี้ไม่รู้ ไม่มั่นใจ สมปองบอกสมปองเหมือนเดิม แต่กรรชัยเปลี่ยนไป

โฟนอินหา “สมปอง นครไธสง” ไม่ได้คุยหลายปีแล้ว?
สมปอง : พี่เปลี่ยนไป พี่ไม่ทักทายเหมือนเดิม หลังๆ พี่ไม่ทักผมเลย

จริงหรือเปล่า ส.คือสมปอง?
สมปอง : ส.คือสมปอง อย่าไปย่อ อย่าไปพาดเงา ผมนั่นแหละ ผมก็รออยู่ อยู่ๆ จะไปบอกเป็นตัวเองทั้งที่เราไม่มั่นใจ มันก็ยังไงอยู่ จริงๆ ผมก็รออยู่แล้ว ยืม 10 กว่าล้าน

รู้จักท่านได้ไง?
สมปอง : ผมเห็นท่านตั้งแต่เป็นเณร ท่านมานั่งรอรับบริจาคที่สนามหลวง หลังๆ ผมไปอบรมนักเรียน ก็เอาผู้ป่วยเอดส์ เอชไอวีไปฉายตลอด ถ้าเจอให้ระมัดระวังการมีความรักนะ หนึ่งในนั้นเป็นเอดส์ ผมใช้สื่อวัดพระบาทน้ำพุตลอด ผมไปทำซีดีกับแกรมมี่ตอนธรรมะเดลิเวอรี่ ผู้บริหารถามว่าเราจะทำซีเอสอาร์ จะเอาเงินไปบริจาคที่ไหน ผมก็ตอบเลยวัดพระบาทน้ำพุ เหตุผลคือผมใช้สื่อของเขาบ่อย ก็มอบให้เขา 3 งวด 8 แสน 1.5 ล้าน 1.2 ล้าน รวม 3.5 ล้าน ผมมีอะไรต้องใช้จ่ายเยอะ ตอนแม่ผม ยายตาลแกติดเตียง เป็นสโตรก ก็เลยต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะ ค่าหมอ ค่ายา ค่าแพมเพิส 

ตอนนั้นเข้าโควิด ผมตัดสินใจ ใจเต้นตุ๊บๆ เลย ว่าจะยืมท่านเป็นสิบล้าน จินตนาการสองอย่างคือโดนด่า สองต้องโดนสอนแน่ๆ ว่าต้องรู้จักเก็บเงินเก็บทองเองสิ มีธุระจะได้ใช้ สุดท้ายผมติดต่อไป ผมบอกว่าผมยืมคนอื่นมา มีค่าใช้จ่ายเยอะ แล้วผมเสียดอก ผมไม่อยากเสียดอกแล้วครับหลวงพ่อ อยากขอยืมหลวงพ่อ ท่านก็ถามต่อเลยจะใช้คืนกี่ปี ผมก็ประเมินตัวเอง ตอนนั้นโควิดยังไม่เข้า เดือนม.ค. โควิดเข้ามี.ค. พอผมบอกว่าภายใน 4 ปีน่าจะคืนได้หมดครับ สุดท้ายโควิดเข้า งานไม่มี งานหายไปเยอะ แทนที่ผมจะได้ใช้เดือนละสองสามแสน สี่ห้าแสนที่คิดไว้ ก็กระเบียดกระแสน ได้แสนบ้าง สองแสนบ้าง ที่ผมใช้คืนผมจดรายละเอียด

ทำไมถึงคิดว่าท่านจะมีเงิน คุณไม่ได้ยืมหมื่นสองหมื่น คุณยืม 10 ล้าน คุณรู้เหรอว่าหลวงพ่อมีเงิน?
สมปอง : ไม่รู้ครับ แต่เดาได้ครับว่าพระมีชื่อเสียง มีบารมี เงินของพระมีสองส่วน หนึ่งสวด ฉันเพล ฉันเช้า สวดศพ นิมนต์ไปบรรยาย นิมนต์ไปนั่งปก เขามีปัจจัยส่วนตัว พระมีได้ ใช้ได้ตามอัธยาศัย จะให้ใคร มอบทุน ซื้อกาแฟฉันก็ใช้เงินส่วนนี้เป็นเงินส่วนตัว สองเงินวัดก็เป็นเงินที่แตะต้องไม่ได้ มีคณะกรรมการวัด ทั้งโยมทั้งพระ ก็แบบนี้อยู่แล้ว ผมมั่นใจว่าเป็นเงินส่วนตัวท่าน ผมไม่รู้หรอกเรายืมใคร เขาจะเอาจากไหนมา แต่ถ้าเขาให้ยืมก็ยืม เขาไม่ให้ยืมก็ไม่ยืม ผมรู้สึกว่าตอนผมทำซีดีถวาย ผมก็ไม่ได้รู้จักวัดพระบาทน้ำพุเป็นการส่วนตัว แต่อยากถวาย เหมือนกัน ผมรู้สึกว่าผมเดือดร้อน ท่านน่าจะช่วยผมได้ โดยไม่เกี่ยวข้องกับวัด เพราะถ้าเกี่ยวกับวัดเป็นไปไม่ได้ 10 ล้าน ไม่มีคณะกรรมการคนไหนอนุมัติหรอก มันยาก สมปองเป็นใคร มายืม 10 ล้านเป็นไปไม่ได้ ก็มั่นใจว่าเงินส่วนตัวท่าน

ยืม 10 ล้าน ใช้คืนไปเท่าไหร่?
สมปอง : ผมยืมสิบกว่าล้านครับ ประมาณ 13 ล้าน ใช้คืนไป 5.5 ล้าน เหลือ 8.8 ล้าน

ใบที่จดคืออะไร?
สมปอง : ใบที่หักไปเรื่อยๆ คืนเท่าไหร่ เหลือเท่าไหร่

คุณมีปากกาด้ามเดียว?
สมปอง : 7-8 ด้านก็ไม่ใช่ประเด็นนะจ๊ะพี่หนุ่มจ๋า กฎหมายมาตรวจได้เลยว่าอันนี้เขียนเมื่อ 4-5 ปีหรือเขียนเมื่อวาน ผมมีสลิปทุกอัน ตอนยืม ยืมปากเปล่า แต่ตอนคืนผมละเอียด ให้ทีมงานจดไว้หมด และผมมีสลิปการคืนครบทุกใบ ถ้าคุณมีค่าและหน้าที่พอที่จะให้ดู ผมก็จะให้ดู อย่างพี่หนุ่มมีค่าพอ ผมให้ดู แพรรี่ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ผมให้ดูได้เลย

ในนี้เขียนว่าสมปอง 8 ม.ค. 68 ธ.กรุงศรีฯ คุณโอนคืนไป 1 แสน บันทึกช่วยจำคืองวด 32 คงเหลือ 8.8 ล้าน คุณโอนไปที่ไหน?
สมปอง : คนที่โอนมาให้ผม ผมก็โอนเขา ยืมใครก็คืนคนนั้น เป็นส่วนบุคคลครับ เป็นชื่อคนโอนให้ผม ตอนแรกจะเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ

พ.ต.ท.สิริพงษ์ : ที่โอนให้คือคนใกล้ตัวอดีตเจ้าอาวาส

สมปอง : เป็นผู้ชายครับ เป็นเจ้าหน้าที่ผมตอบได้ พี่หนุ่มไม่เหมือนเดิมพี่หนุ่มเปลี่ยนไปผมไม่ตอบ ผมผิดหวังแพรรี่มั่นใจผม 70 เปอร์เซ็นต์ ตอนแพรรี่ผมมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ตลอด พี่หนุ่มก็รู้นิสัยผมอยู่ ผมน้อยใจมาตลอด

คุณใช้คืน กำหนดมั้ยจะใช้ทีละแสนสองแสน หรือเป็นล้าน?
สมปอง : ณ ตอนมีศักยภาพ ผมตั้งใจคืนเดือนละสองสามแสน ผมบอกหลวงพ่อตอนนั้น พอมีโควิด ช่วงแรกก็ยังสองสามแสน แต่หลังๆ แสน แต่ไม่ต่ำกว่าแสน ยืมเขาสิบกว่าล้านก็ไม่ต่ำกว่าแสน มีช่วงนึงผมเป็นแพนิค เกือบซึมเศร้า ผมทำงานไม่ได้ เกือบ 3 ปีงานน้อยมาก ไปบรรยายแบบแกนๆ เบลอๆ แพนิค ทำงานได้ถือว่าบุญมากแล้ว ก็เว้นไปครึ่งปี เป็นปี คิดว่าโชคดีนะที่เขาไม่มาไล่บี้ มาจี้เรา แต่ด้วยสามัญสำนึกผมคิดเสมอว่าต้องคืนให้ครบด้วย

จ่ายคืนงวดสุดท้ายที่ยังไม่ครบ คือเดือนไหน?
สมปอง : ม.ค. ปีนี้ครับ

พอยืม หลวงพ่อไม่ได้โอนให้เอง เป็นบุคคลนึงโอนให้ เป็นบุคคลเดียวกันมั้ย?
สมปอง : น่าจะคนเดียวกันครับ

พ.ต.ท.สิริพงษ์ : โอนก้อนเดียวเลยมั้ย 13 ล้าน

สมปอง : ไม่ครับ ทยอย 3 ล้าน 4 ล้าน 5 ล้าน มีเงินสดล้านนึง ไปยืมปุ๊บพอรถจะออก ท่านก็ให้ลูกศิษย์เอามาให้ ตอนแรกคิดว่าเป็นถุงขนม เป็นเงิน 1 ล้าน

พ.ต.ท.สิริพงษ์ : ไม่ได้จ่ายเป็นเช็คใช่มั้ย

สมปอง : โอนครับ

คนที่โอนเป็นผู้ชาย อักษรนำหน้า ศ. หรือ บ.?
สมปอง : ผมให้ทีมงานโอนให้ซะด้วย

ผู้ชายที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงมีไม่กี่คน มี ศ. ส. บ. ธ. ส.(ผู้ชาย)?
สมปอง : อันนี้ผมไม่มั่นใจ

จะทำยังไงกับเงินที่ไม่ได้ใช้คืนเขา?
สมปอง : ถ้ายังเป็นแพนิค งานน้อยอยู่ ผมก็คงขอเวลาเป็น 4-5 ปี เป็น 7-8 ปี แต่ตอนนี้ผมฟื้นแล้วครับ ความรู้สึกผม สมองผม บุคลิกผม จิตใจผม แล้วก็ไปอยู่กับน้องชายที่รักมาก กำลังจะขายออนไลน์ เสร็จจากพี่หนุ่มผมก็ไลฟ์ หาเงินใช้หนี้ อยากหมดภายในปีนี้ ตั้งเป้า ตอนแรกคิดว่าจะหมดภายใน 5 ปี 8 ปี แต่ถ้าหมดภายในปีนี้ได้ มีคนเมตตาอุดหนุนก็น่าจะภายในปีนี้ น่าจะหมดหนี้ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

มีสัญญาในการกู้ยืมมั้ย?
สมปอง : ไม่มีครับ ท่านใจกับผมมากเลย ผมถามหลวงพ่อแล้ว แต่ท่านบอกว่าไม่เป็นไร ผมก็เข้าข้างตัวเอง ว่าผมเคยซีดีธรรมะเดลิเวอรี่ ถวายเพื่อดูแลผู้ป่วยเอดส์ 3.5 ล้าน โดยไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ท่านก็เคยพูดเหมือนกันว่าเราไม่รู้จักกันแต่เอาเงินมาถวายวัด ผมก็โห 10 กว่าล้านไม่มีสัญญา มันต้องใจมาก ต้องมั่นใจ ไว้ใจกัน ผมก็ตะลึงอยู่ครับ ว่าท่านไม่เขียนสัญญา แต่ผมไม่เคยคิดจะไม่จ่ายคืน พูดกับแฟนตลอดว่าฟื้นเมื่อไหร่ มีเมื่อไหร่คืนแน่ อยากคืนเกินด้วยซ้ำ อยากทำบุญกับวัด

มีอะไรอยากถาม?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : พูดไม่ออก ผมว่าน่าจะสะท้อนความรู้สึกพุทธศาสนิกชนที่กำลังดูรายการ ว่าความรู้สึกเขารู้สึกยังไง เวลาเขาบริจาคเงินแล้วตัวผู้นำองค์กร เอาเงินมาใช้ลักษณะแบบนี้ ถ้าเป็นเงินส่วนตัวโอเคไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าตรวจสอบแล้วเป็นเงินวัด อันนี้คือความรู้สึกเศร้าใจก่อน คนบริจาค เขาบริจาคให้ท่าน ให้วัด ถ้าเป็นเงินวัด อันนี้ไม่จบ 

เพราะเงินวัดต้องใช้กับกิจของสงฆ์ เพื่อสาธารณประโยชน์ ท่านเจ้าอาวาสไม่มีสิทธิ์เอามาให้บุคคลยืม ยกเว้นเป็นเงินส่วนตัว แต่ต้องพิสูจน์ โอนผ่านบัญชีหนีไม่พ้นอยู่แล้ว มีสัญญาไม่มีสัญญาก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวต้องตรวจสอบว่าคนโอนเอาเงินจากไหน เจ้าอาวาสก็ต้องยืนยันว่าเงินจากไหน ถ้าท่านบอกเป็นเงินส่วนตัว แต่ถ้าเราตรวจสอบแล้ว เงินถูกโยนออกมาจากบัญชีแล้วเข้าบัญชคนใกล้ตัวท่าน แล้วโอนไปต่อบัญชีคุณสมปอง อันนี้อาจจะเหนื่อย เพราะตรงนี้คือข้อเท็จจริง

สมปอง : สมัยผมยืมก็ไม่ได้คิดหรอกว่าจะเป็นเงินในส่วนของวัด ถ้าเป็นของวัดผมไม่ยุ่งอยู่แล้ว ผมรู้สึกเป็นเงินส่วนตัวเขา แต่เขาโอนจากบัญชีไหนเข้าอันไหนผมไม่สามารถทราบความซับซ้อนขนาดนั้น

อันนี้ด้วยความเคารพ ขอพูดกลางๆ ไม่ได้ปรักปรำ มันมีต่อมเอ๊ะบ้างมั้ย เราไปยืมเงินพระ อยู่ดีๆ คนโอนเงินให้เราเป็นใครก็ไม่รู้ โอนเงินให้ 13 ล้าน ถ้าเป็นบัญชีอลงกตก็เข้าใจ แต่พอเป็นบัญชีคนอื่น เราก็ไม่รู้ว่าหลวงพ่ออาจบอกว่า ไอ้ ส. โอนเงินจากวัดมาสิแล้วโอนให้มันไป แบบนี้คุณโดนนะ กังวลใจมั้ย?
สมปอง : ผมไม่ได้เอ๊ะครับ ผมไม่ได้กังวลใจ ผมไม่สะดวกผมก็ให้ทีมงานผมโอนแทนก่อนก็ได้ แล้วผมก็ใช้หนี้เขา มันเกิดขึ้นได้ เพราะการหยิบยืม การโอนให้ก่อนแล้วคืนเงินให้ ผมเองก็เคยทำ ผมก็มีเงินส่วนตัวถ้าผมจำเป็นต้องใช้อะไร แล้วผมไม่สะดวก ผมก็ให้คนโอนก่อน มันเลยเข้าใจได้สำหรับผม ไม่มีเอ๊ะว่าเป็เนเงินวัด 70-30 เปอร์เซ็นต์ แค่ท่านให้ยืมไม่ให้ยืม ผมเข้าใจแบบนี้เลย

ใครโอนเงินให้คุณ คุณเลยโอนเงินคืนคนนั้น?
สมปอง : ใช่ครับ ต่อไปที่เหลือ 8.8 ล้าน ผมก็จะโอนให้คนนั้น แต่ถ้ามีคำสั่งกฎหมายบอกว่าให้โอนให้วัดให้ใคร ผมก็แล้วแต่ แต่สำหรับผม ผมได้จากใครผมก็โอนคืนคนนั้น

หมอบีเอาเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ มีการโอนบ้าน 70 ล้าน โอนรถให้ 3 คัน หลวงพ่อบอกไม่ได้ เหลือ 10 ล้านเป็นเงินสด หลวงพ่อพาผู้ชายคนนึงไปแล้วให้ผู้ชายจ่ายมา 10 ล้าน ให้หมอบีเซ็นเป็นหนี้กับคนนั้น ลักษณะคล้ายกับสมปอง เขาอาจตั้งข้อสังเกตว่าบุคคลๆ นั้นคือคนใกล้ชิดหลวงพ่อนี่แหละ หลวงพ่อไปออกตัว แต่ในทางกลับกัน เงินกระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา สุดท้ายเรียกเก็บเอง?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : ถ้าเทียบเคียงง่ายๆ คือเคสทิดแย้มกับสีกาเก็น การยืมของสีกาเก็นที่ยืมทิศแย้ม ทิศแย้มก็ผ่านเหมือนกัน คือให้พระเลขาโอนให้ ตอนนี้กำลังสู้คดีอยู่ ชัดเจนว่ามาจากเงินวัดไร่ขิง เคสคุณสมปอง มองในมุมคนยืม ไม่รู้แหละท่านเอาเงินจากไหน แต่อย่าลืมว่าท่านกำลังยืมเจ้าอาวาสวัด ซึ่งตรงนี้ถ้าพิสูจน์เจตนาได้ตั้งแต่ต้น ว่าท่านรู้อยู่แล้วว่านี่คือเงินวัด ท่านเจ้าอาวาสท่านก็บอกหรือมีข้อมูลอะไรสื่อว่านี่คือเงินวัด มันก็ร่วมกันเบียดบังทรัพย์ ครบองค์ประกอบ แต่ถ้าเป็นเงินส่วนตัว ท่านมีสิทธิ์มีเงินส่วนตัว ตรงนี้ไม่เป็นไร แต่สุดท้ายต้องกลับมาที่การชี้แจง ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

สมปอง : ผมยืมท่านคิดว่าเป็นเงินของท่าน เงินที่เขาถวายส่วนตัวอัธยาศัย ท่านถึงมีเงินให้ผมยืมได้ ถ้าเป็นของวัดมันยากมากที่จะเอาเงินวัด 10 กว่าล้าน แล้วให้ยืมเลย พระสามารถมีเงินส่วนตัวได้ โยมถวายส่วนตัว ผมจึงเข้าใจว่าที่ท่านให้ผมยืมเป็นเงินส่วนนั้นแน่ๆ เพราะเขาต้องมีเอาเข้าระบบของวัดคณะกรรมการแน่นอน ผมมั่นใจตรงนั้นเลยว่าให้ยืมส่วนตัวแน่ๆ

สมปองยืนยันว่าเป็นเงินยืม ยืมจากหลวงพ่อ ใครโอนมาก็ตามแต่ หลวงพ่อก็ให้โอนมาก่อน ท่านจะไปใช้ทีหลังก็เริ่มของท่าน คิดว่าจะไปให้ข้อมูลตร.มั้ย?
สมปอง : ถ้าเรียกเมื่อไหร่ก็ไปเมื่อนั้น เหมือนคนที่พยายามปั่นว่าเอาข้อมูลมาดูหน่อย สลิปเอามาดูหน่อย ผมก็ย้อนคืนง่ายๆ ว่าถ้าคุณมีหน้าที่จะดูสลิปผม พอที่จะดูเลย นั่นหมายความว่าเป็นเจ้าหน้าที่ หรือแม้แต่แพรรี่ ที่ผมรัก ยัง 70 อยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้

แพรรี่ : ไม่ใช่ ที่บอกว่า 70-30 ก็คือหนูฟังพี่มา 70 หนูก็เชื่อ 70 แต่อีก 30 หนูไม่รู้มีอะไรนอกเหนือจากนี้มั้ย เช่นตอนแรก 10 ล้าน แต่ตอนนี้ข้อเท็จจริงไป 13 หนูก็ไม่สามารถยืนยันในสิ่งที่หนูไม่รู้ได้ แต่ถ้าพี่มั่นใจว่าพี่บอกหนูทุกอย่างแล้ว พี่บอก 100 เปอรเซ็นต์ หนูก็เชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ คำว่า 70-30 ไม่ใช่ว่าแบ่งใจไม่เชื่อพี่ พี่อาจไม่ได้บอกหนู หรือหนูไม่รู้ค่ะ แค่นั้นเอง เดี๋ยวพี่ปองจะนอยด์หนู น้อยใจหนู

ยังไม่เคยเข้าไปให้การตร.?
สมปอง : ยังไม่มีใครเรียก ถ้าเรียกผมก็พร้อมไป ทุกครั้งคนด่าแพรรี่ ผมก็จะเถียงให้ตลอด ผมรู้สึกว่าผมร้อยกับน้องผม

สมปองต้องเข้าใจอย่าง นั่งตรงนี้ต้องพูดให้ชัดเจน ไม่งั้นมีผลกับทางสังคมด้วยเหมือนกัน แต่สุดท้ายเอาตรงๆ นะ ไม่ว่ากัน ถ้าสมปองโดนคดี ทุกคนก็ต้องให้คำปรึกษาว่าจะยังไง ประกันตัวก็อาจช่วยกันได้ แต่ตรงนี้ก็ต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง จริงๆ แล้วสมปองก็สามารถชี้แจงกับตร.ได้ เอาหลักฐานไปยื่น?
สมปอง : พี่หนุ่มก็ไม่ต้องพูดถึงขนาดนั้นหรอก ผมมีความซื่อสัตย์พอ ใสพอ จริงใจพอ มีสลิปทุกอย่างให้ดูชัดเจน เอาตรงๆ ผมไม่ได้เผื่อใจตรงนั้น ผมมั่นใจตัวเองค่อนข้างมาก แล้วเหมือนที่ท่านบอก สลดใจแทนชาวพุทธที่ทำบุญ ถ้าผมรู้ว่าเป็นเงินนั้นจริงผมก็ไม่ยืมหรอกครับ มันเป็นเงินส่วนตัว ไม่มีสัญญาในการยืมด้วยซ้ำ แต่ผมจดรายละเอียดทุกอย่าง มีสลิปทุกอย่างที่ผมคืน เจตนาผมชัดเจนว่าผมจะคืน ที่ผมเน้นคือตรงนี้ ถ้ากฎหมายเน้นเรื่องเจตนาเป็นเกณฑ์ ตอนยืมไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ตอนคืน ผมคืนเป็นลายลักษณ์อักษร มีสลิปทุกอัน ผมยืมใครผมคิดว่าเป็นเงินของคนนั้นครับ

13 หรือ 14 ล้าน มีดอกเบี้ยหรือเปล่า?
สมปอง : อีก 1 ล้านคือว่าด้วยความที่ท่านใจดีกับผม ผมจะโอนเกิน 1 ล้าน เหมือนคนใจดีกับเรา ใจใหญ่กับเรา

คุณยืม 13 แต่จะใช้คืน 14 ล้าน?
สมปอง : ใช่ครับ ท่านใจดีกับเราขนาดนี้ อยากถวายเฉยๆ เลย 1 ล้าน ทีมงานก็ดึงขาบอกว่าเอาที่ยืมให้รอดก่อน

ไม่ใช่ดอกเบี้ย เป็นเงินทำบุญเพิ่ม?
สมปอง : ไม่ใช่ดอกเบี้ยครับ ผมยืมท่านเพราะผมไม่อยากเสียดอกเบี้ยที่ผมยืมมาก่อน ผมอยากถวายคนใจดีกัเบรา ถ้าเรามีศักยภาพ ผมถวาย 1 ล้านเลย ทีมงานรีบดึงขาว่าเอาที่ยืมให้รอดก่อน

คนอาจเข้าใจสมปองผิด มีอะไรอยากบอก?
สมปอง : ผมไม่ได้ทวงบุญคุณ ผมเคยถวายช่วยผู้ป่วยเอดส์ ด้วยใจบริสุทธิ์ของผม ตั้งแต่ผมทำซีดีธรรมะเดลิเวอรี่ วันนึงที่ผมเดือดร้อน ผมยืมเงินเอาไปดูแลแม่ผมที่ป่วยติดเตียง มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ โครงการต่างๆ ที่ผมทำ ผมก็ลองดูว่าท่านจะมีน้ำใจกับผมมั้ย ถ้าท่านมีน้ำใจผมก็คืนท่าน เจตนาใช้คืนตลอด มีพี่ๆ บอกว่าอย่าไปใจใหญ่นะ นัด 3 ปี 4 ปี เดี๋ยวหาไม่ทันมันจะหน้าใหญ่ใจโต 7-8 ปีไปเลย แต่ถ้าท่านอยากให้ผมคืนไวๆ ก็อุดหนุนสินค้าผม ถ้าเมตตาผม ชื่นชมเอ็นดูผมอยู่ เชียร์ผม ก็อุดหนุนสินค้า ผมจะได้เอาเงินไปคืนวัดเร็วๆ มั่นใจกับผมได้ ผมไม่ทำให้ผิดหวังหรอกครับ ผมจะทำหน้าที่ผมให้เต็มที่ เป็นหนี้ก็ใช้ มีเงินเมื่อไหร่ มีเงินมีทองหน้าใหญ่ใจโตได้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังหรอกครับ

อยากให้พบกองปราบ หรือผู้ช่วยเลขา ป.ป.ท. เอาเอกสารให้ท่านดูก่อน เขาจะได้ดูว่าคนโอนเงินให้คุณ เป็นบุคคลอยู่แวดล้อมใกล้ชิดหลวงพ่อหรือเปล่า เพราะมันมีผลจริงๆ สำหรับตัวคุณเอง?
สมปอง : พรุ่งนี้ผมบินประมาณสายๆ บรรยายบ่าย ถ้าเย็นไปทันก็จะเอาข้อมูลทั้งหมดเข้าไปครับ

ตัวชื่อบุคคลที่โอนให้คุณสำคัญมาก เพราะเชื่อว่าหนึ่งในคนโอนให้คุณน่าจะเป็นวงสอง?
สมปอง : ผมจะเป็นพยานครับ จะรีบเอาไปตรงนั้นตามที่ท่านบอกครับ

ทำไมทำหน้าอย่างนั้น?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : เศร้าใจ นี่แค่คนเดียวที่ท่านให้ยืม ง่ายๆ เลย 10 กว่าล้าน มีอีกเท่าไหร่ที่เงินออกไปจากระบบ ผมถึงบอกว่าเคสนี้เงินมหาศาลมาก แล้วออกไปจากระบบ ต้องตรวจสอบทั้งหมดอยู่แล้ว เลขาป.ป.ง.ยืนยันว่าท่านรองนายกฯ ท่านเร่งหมด เพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่างให้เร็วที่สุด ผมว่าเรื่องนี้ใหญ่กว่าไร่ขิง ไร่ขิงแค่ตู้บริจาคเกือบ 200 แต่จำกัดวงอยู่แค่ในวัด แต่อดีตเจ้าอาวาส ผมดูคิวงานท่าน ผมไปค้นแล้วเปิดเอกสาร ผมตกใจเลย ปีนึงแกรับงานพันกว่างาน

อยู่ในสายกับ “ภูมิวิศาล เกษมศุข” เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กรณีนี้หนักใจมั้ย?
ภูมิวิศาล : เมื่อช่วงเช้าวันนี้เอง ท่านรักษาการนายกรัฐมนตรี และรมต.กระทรวงมหาดไทย ท่านภูมิธรรม ท่านได้โทรมาสั่งการผมเป็นกรณีเร่งด่วน เรื่องที่สำนักงานป.ป.ท.ต้องเร่งดำเนินการ คือเรื่องเร่งบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาที่กำลังประสบอยู่ทุกวันนี้ ห้วงนี้เรากำลังเผชิญวิกฤตศรัทธาและสังคม ทุกคนกำลังจับตามองในเรื่องที่เกิดขึ้น เราเองก็ต้องบูรณาการ 

ทุกองค์กรในภาครัฐตื่นตัวกันเป็นอย่างมากแล้ว เราทำอย่างไรที่จะป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เราจะศึกษาผลกระทบอย่างละเอียด เมื่อกี้พูดถึงความเสียหาย จะเห็นได้เลยว่ามันไม่ใช่ 50 100 บาท วันนี้เราเห็นมูลค่าความเสียหายเป็นร้อยเป็นพัน เรื่องนี้ควรนำแผนประทุษกรรมมาศึกษากันอย่างละเอียด ถี่ถ้วนและรอบคอบ เพื่อความโปร่งใสในอนาคต จากกรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้น ท่านเริ่มแล้วและปรับปรุง พัฒนาการของท่านก็ไปได้ดีเลย 

เราไปทิศทางบวชแล้ว สิ่งหนึ่งที่วันนี้เราไม่ค่อยได้พูดกันเลย คณะสงฆ์เองตื่นตัวและปรับตัวจริงๆ จังๆ ทั้งหลายทั้งปวง เราเล็งเห็นผลประโยชน์เดียวกัน เราจะทำนุบำรุงศาสนา และศาสนะต่างๆ ให้กลับเข้ามาอยู่ในกรอบ กลับเข้ามาอยู่ในความเข้มแข็ง ความแข็งแรงต่างๆ เรียกความเชื่อมั่น ความรักความศรัทธาประชาชนมาได้ ถ้าจำกันได้ 10 ส.ค. สมเด็จพระสังฆราช ท่านได้กรุณาประทานข้อคิดเอาไว้ให้พุทธศาสนิกชนว่า คำว่าสติ กับสามัคคี จะเป็นสิ่งเกื้อกูลสงฆ์และพุทธศาสนิกชนในการร่วมกันพิทักษ์พระพุทธศาสนา ผมอยากเรียกสติ และเรียกความสามัคคีกลับมา ผมขอกราบนภัสสการน้อมพระเดชพระคุณที่ท่านยังดำรงอยู่ในพระธรรมวินัย ท่านเองเป็นพลังบวก ทำให้อยากทำงาน อยากฟื้นฟูความรักความศรัทธาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

เราพร้อมนะครับ ผมเองด้วยอายุคงอยู่อีกสักพัก แต่พออรอยู่ในราชการต่อไป เราอยากเห็นเรื่องนี้กลับมาอยู่ในกรอบ ในความรักความศรัทธาที่เกิดขึ้น มันไม่ง่ายหรอก ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงต้องมีเรื่องเจ็บปวดตามขึ้นมาแน่นอน แต่เราก็ตั้งใจ จะบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ท่านรองภูมิธรรมให้ผมเร่งการอย่างด่วนที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ สำหรับผู้ที่พบเห็นอีกยว่ามีการกระทำอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น ท่านอยากให้ข้อมูล โทรมาที่สำนักงานหมายเลข 4 ตัว หรือจะเดินทางมาสำนักงาน ป.ป.ท. เลยก็ได้

พ.ต.ท.สิริพงษ์ : สิ่งที่พวกเราหลวงลืมไปหรือเปล่าว่าตอนนี้ยังมีผู่ป่วยติดอยู่ที่วัดพระบาทน้ำพุ วันนี้เช็กตัวเลขล่าสุดประมาณ 300 ผมเข้าไปมันน่าห่วง ผู้ป่วยติดเตียงด้วย การบริหารการจัดการจะทำยังไง ค่าใช้จ่ายตัวเลขกลมๆ 3 ล้าน หลวงพ่ออลงกตท่านทิ้งคนเหล่านี้กลางทางหรือเปล่า ตัวท่านเองเข้าสู่กระบวนการ ไม่รู้จะได้ประกันหรือเปล่า ป.ป.ท. เราไม่ได้มองเรื่องกฎหมายอย่างเดียว แต่กำลังเข้าโหมดฟี้นฟู ตั้งแต่เข้าไปที่นั่น ตั้งแต่รปภ. เป็นผู้ติดเชื้อหมด ที่สำคัญอาจมีพระที่ติดเชื้อด้วย มีพระอยู่ 5 รูป นี่แหละจะทำยังไง เงินที่ต้องดูแลจะทำยังไง เราต้องเข้าไปร่วมรับผิดชอบคนเหล่านี้ มุมฟื้นฟูสำคัญมาก แต่ตอนนี้ทางผู้ว่าฯ ขยับแล้ว ท่านก็ลงไปเต็มที่ ฝากไว้ว่าอาจมีมิตินึงที่ป.ป.ท. มองในการฟื้นฟูด้วย

ตัวฝั่งพระเอง ให้อดีตผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี เป็นคนไปเบิกเงินหลักร้อยล้าน?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : 300 กว่าล้าน อาจจะเคยมารักษาที่นี่ อย่างท่านที่เป็นเจ้าหน้าที่ก็เป็นเพื่อนเจ้าอาวาส อีกคนคือผู้ป่วยที่หายแล้วกลับมาทำงาน เงินเดือนหมื่นนิดๆ เป็นคนเบิกถอนๆ วงที่เราเจอ เอาเฉพาะที่เราเช็กจากตะกร้าผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ เราเจอสองคน คนนึงร่วมกับ 400 ยังไม่ได้ถอยไปถึง 50 นะ ยังไม่รวมเคสคุณสมปอง ฟังแล้วก็หนักใจแทน เพราะทางเราต้องเอาเส้นเงินมานั่งไล่ และกระจายต่อว่าก้อนนี้คนนี้ไปไหน แล้วคุณต้องตอบ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเงินก้อนนี้มาจากเงินบริจาคมันจะเรื่องใหญ่เข้าไปอีก เคสวัดพระบาทน้ำพุ ไม่อยากนึกภาพเลย

เพราะมีคนเอาเงินไปเยอะ?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : ขนาดคนเดียว 10 ล้าน แล้วมีคน 100 กว่าล้าน ดูแล้วท่านอาจอยากพูดอีกเยอะ ท่านบอกมุมนึงได้ปลดปล่อย ท่านดีใจ

แพรรี่ : มุมพี่ปองที่ยืมเงินมา พี่ปองอ้างเจตนาว่าไม่รู้ว่าเป็นเงินสด เขาสามารถพิสูจน์เจตนาได้หรือไม่

พ.ต.ท.สิริพงษ์ : อาจต้องพิสูจน์ในชั้นศาลหรือเปล่า เพราะเวลาเราทำ เราปักหมุดตัวการก่อน ท่านเจ้าอาวาสเป็นตัวการ เงินเอามาจากวัด วัดไม่ใช่ธนาคารที่จะเอาไปให้ท่านสมปองยืม ถ้าเราพิสูจน์ได้ว่าเงินเป็นเงินวัด ท่านเจ้าอาวาสปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอาเงินออกไปจากบัญชี แล้วเงินนั้นไปตกอยู่กับคุณสมปอง คุณสมปองอาจจะตกเป็นผู้สนับสนุน ก็เหมือนกับคุณเก็น ไม่ต่างอะไรกับคุณบี คุณบีอยู่ในฐานะผู้สนับสนุน มันก็มาอีหรอบเดียวกัน เงินหลวงมันไม่ควรยุ่ง แต่เข้าใจคุณสมปองมองในมุมตัวท่านเองว่าท่านไม่มีเจตนา แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องการร่วมกัน ที่ต้องพิสูจน์กับท่านเจ้าอาวาสด้วยว่าเงินมาจากไหน

แพรรี่ : ก็เหนื่อยค่ะ

ผมเขียนให้ดูว่าเหนื่อยแน่ ดูทรงว่าเหนื่อย นึกออกเลยว่ากรณีนี้ถ้าตร.ไล่สอบพระอลงกต ท่านบอกว่าเงินนี้อาตมาให้ฝั่ง นาย ศ. ถอนเงินมาจากบัญชีวัดนั่นแหละแล้วให้เขาไปก่อน พอได้คืนมาอาตมาจะคืนไปที่วัด จบเลย โดนเลย?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : แล้วเรื่องนี้น่าห่วงตรงที่ว่า มันเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ ต่อให้คุณสมปองชดใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ ความผิดถือว่าสำเร็จไปแล้ว ผมพูดเผื่อไว้ก่อน ถ้าเป็นเงินส่วนตัวจริงๆ มีพยานหลักฐานจริงๆ มันก็โอเค แต่จะถอยกลับไปเลยว่านี่คือความมั่ว นำมาสู่การทุจริต 

ความทุจริตมันจากความมั่ว คุณสมปองพูดยังไงก็ได้ว่าตนเองไม่รู้ แต่ถ้าต้นทางพิสูจน์ได้เหมือนที่คุณบีโดนเรื่องใบอนุโมทนา ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่ของวัด มันตายตรงพยานหลักฐาน คุณสมปองให้การยังไงก็ตามแต่ ไม่เป็นไร ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการในการต่อสู้มันก็จะเหนื่อยตรงนี้ ไม่ใช่ยืมเงินแล้วขอโทษที มันไม่ใช่หรอกครับ นี่คือความความน่ากลัวของเงินหลวง

ถ้าสมมติเป็นอย่างนั้น สมปองก็เป็นวงสาม?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : มันก็ขยายต่อไปอีก ผมว่ายังน้อยนะ ผมเชื่อว่าพฤติการณ์ในการให้ยืมของเจ้าอาวาส ความง่ายแบบนี้แสดงว่าทุกการใช้จ่ายเงินของท่านที่ผ่านมา ท่านไม่ได้คิดอะไรเลย คนที่ตัดสินใจแบบนี้ ต้องตัดสินใจภายใต้วงเงินที่มีในมือเท่าไหร่

มีคนยืมไปซื้อเฮลิคอปเตอร์ร้อยล้าน?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : ถึงบอกว่าฟังเคสสมปองแล้วเฉยๆ ในเรื่องตัวเลข มันน้อย ถ้าเราแตกจากบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ออกไปอีก ไม่เฉพาะบัญชีวัดหรือบัญชีท่านอลงกต ถ้าแตกจากคนเหล่านี้ลงไป เดี๋ยวเราเจออีก เรากำลังตรวจเรื่องการเสียภาษี คุณไม่เคยเสียภาษีเลยหรือเสียน้อยมาก แต่คุณมีเงินระดับหลายร้อยล้านผ่านบัญชีท่านต้องตอบเรา บางคนที่เจอ เงินเข้า 90 กว่าล้าน เงินออก 140 ล้าน อ้าว 50 ล้านโผล่มาจากไหน แล้วเป็นคนใกล้ตัว สิ่งนี้กองปราบต้องขยายต่อ ไม่จบครับ

ดารานักร้องที่ไปเอาเงินท่านมา?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : ต้องตรวจ ก็เคสเดียวกัน เส้นเงินน่ากลัวตรงที่จ่ายสดไม่เป็นไร ยกประโยชน์ให้จำเลย หาร่องรอยไม่เจอ อย่างคุณสมปองโอนผ่านบัญชี ยังไงก็เจอ ตอนนี้กองปราบส่งรายละเอียดเข้าป.ป.ง.แล้ว ท่านรับหลักฐานเรียบร้อย เดี๋ยวท่านต้องออกคำสั่งตรวจสอบย้อนทั้งหมด มันก็จะขยายวงต่อไปอีกว่าเส้นเงินที่ผ่านมามันไปไหนอีก ช่องทางเข้า ช่องทางออก ออกใคร เงินกองทุนทั้งหลายที่ไปเบิกกัน คนใกล้ตัว 4 คน มีเงินกองทุนเข้าเป็น 10 ล้านแล้วไปไหน คุณมีสิทธิ์อะไรเอาเงินวัดไปซื้อกองทุนส่วนตัว เรื่องนี้ทำแล้วก็สนุก มันใหญ่มาก

แต่ได้ยินมาว่ามีคนข้างเคียงหลวงพ่อ ถอนเงินวัดหลากหลายร้อยล้านบาทไปซื้อประกันชีวิต โน่นนี่นั่น จริงมั้ย?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : มีอยู่ในนั้นอยู่แล้ว เราเจอการโอนเงินบริษัทประกันชีวิต เข้าคนใกล้ตัวหลวงพ่อหมดเลย แล้วไม่ใช่เงินประกัน 2 แสน เงินเป็น 10 กว่าล้าน มูลนิธิเป็นจุดนึงที่เป็นจุดอ่อน เพราะมูลนิธิเป็นนิติบุคคล วัดดีมีเยอะ แต่บางที่ใช้เป็นเครื่องมือผันเงินออกไป เพราะเป็นนิติบุคคล นี่เป็นเครื่องมืออย่างนึงที่เรามองว่าเป็นจุดอ่อนทำให้การบริหารเงินบริจาคประชาชนถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด นี่คือสิ่งที่เรากำลังแก้อยู่

ตอนนี้อายัดไว้ทั้งหมดหรือยัง?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : มูลนิธิมี 8 มูลนิธิ ไม่ใช่ 6 แต่มีบางมูลนิธิเลิกไป แต่เลิกไปแล้วก็ต้องตรวจอยู่ดี ดูว่าใครเป็นกรรมการบ้าง กรรมการมีทรัพย์สินมั้ย ถ้ากรรมการรู้อยู่แล้วว่าเงินเป็นเงินวัด ถึงแม้คุณอยู่ในมูลนิธิ ทำในรูปแบบมูลนิธิก็ไม่รอดในการถูกตรวจสอบแล้วมันจะบานไปอีก เพราะกรรมการมีทรัพย์สินแน่นอน มาจากไหน ถ้าเราเห็นจากข่าวที่สื่อเล่นเรื่องนี้ บางคนอาชีพท่านจะพูดอะไรก็ได้ แต่ภาษีที่ท่านเสียมันจะบอกว่าสิ่งที่ท่านพูดมันฟังได้หรือเปล่า อย่างคุณบีตั้งแต่มาออกรายการผมก็รู้แล้ว อ้างว่าบ้านเป็นกงสี แต่เวลาเราค้นเมื่อวาน ไม่ใช่ตามนั้น ตัวเลขไม่โกหก

กรณีนี้การที่เอาเงินออกไป ไปซื้อรถให้บุคคลนึง แล้วคนนั้นยังใช้รถอยู่ ไม่มีการมาชี้แจง จะพัวพันไปด้วยมั้ย?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : เดี๋ยวเขาก็ต้องตรวจสอบ เวลาเจอเงิน มันถูกใช้เอาไปซื้อรถ แน่นอนจะมีหมายเรียกมาชี้แจงอยู่แล้ว คุณก็ต้องชี้แจงว่าคุณรู้มั้ยรถมายังไง ยังไงก็ไม่รอดอยู่ดี คุณต้องมีส่วนเกี่ยวพัน ผมถึงได้บอกว่าตอนนี้ทีมกองปราบฝากมาว่า ที่ดิน รถ อะไรก็ตามแต่ ท่านรู้อยู่แล้วว่าท่านรับ ท่านมีความสัมพันธ์กับบุคลที่เกี่ยวข้องกับคดีอดีตหลวงพ่ออลงกตกับคุณบี รีบเอามาคืนซะ เพื่อดีแคร์ แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าท่านได้มา ท่านรู้หรือไม่ ถ้าท่านไม่รู้จริงๆ เป็นประโยชน์ ท่านก็คืนเลย แต่ถ้าท่านไม่คืน แล้วมีหนังสือเรียกท่านมาพบ น้ำหนักในการให้การจะเบาและอ่อน ถ้าพนักงานสอบสวนเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่าท่านก็ย่อมรู้อยู่แล้ว หรือควรจะรู้ว่าทรัพย์ได้มาจากการกระทำผิด อันนี้ก็เป็นเรื่องอีก

ตอนนี้บอกว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะสื่อเขานำเสนอ เรื่องเกิดแล้ว คนของคุณถูกจับไปเรียบร้อย ของที่มีอยู่ในมือจากเงินที่เขาซื้อให้ คุณต้องไปคืนและรายงานตัวเลย ต้องไปเจอกองปราบ ตร. ไม่ใช่มานั่งโพสต์ว่าจะดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ใช่ คุณไปหาตร.ก่อนตอนนี้ มันคุยกันด้วยเรื่องนี้?
แพรรี่ : เขาไม่ได้สงสัยประเด็นชู้สาวหรืออะไร เขาสงสัยเรื่องทรัพย์สินบางอย่างที่มันถ่ายเทไปที่คุณ อาจมาจากเงินที่กระทำความผิดหรือเปล่า รีบแสดงความบริสุทธิ์ใจไปสิ จะครองเอาไว้ทำไม

ประเด็นก็สับสน เปลี่ยนไปเรื่อย ยืนยันมีอีกหลายคน?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : การทำงานของกองปราบและทีมเรา ตัดยอดออกมาก่อน เพื่อหยุดความเสียหายก่อน เอาผู้เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการก่อน ไม่ใช่ว่ามันเป็นทั้งวงใหญ่ เราทำไม่ไหวหรอก เราถึงไปซัปพอร์ตกองปราบในเรื่องเส้นเงิน กองปราบก็ทำไม่ไหว เพราะเส้นมันใหญ่ ผู้เกี่ยวข้องมันเยอะ เราจะตัดยอดเส้นหมอบีก่อน 

เขาอาจเลือกเส้นเงินที่ชัด ที่พิสูจน์ได้ว่าเงินนี้เป็นเงินของวัดจริงๆ ในการขอหมายจับต่อศาล จับสองคนก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าคดีนี้จบที่สอง คดีฟอกเงินจะบานไปอีก ถ้ามีใครสนับสนุนเรื่องนี้ รู้เห็นอยู่แล้วว่านี่คือทรัพย์สินนี่คือเงินของวัด คุณร่วมกระบวนการด้วย หมายจับจะถูกออกไปอีก นี่เป็นสเกลใหญ่ทั้งเรื่องเงินและคนเข้ามาเกี่ยวข้อง

วงสองนี่ 9 คน?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : ต้องเช็กครับ ว่าเส้นเงินแตะมั้ย พฤติการณ์ได้มั้ย ไม่ใช่คนที่เราเห็นทั้งหมดจะต้องโดนหมด บางคนแค่ได้รับมอบอำนาจไปเบิกหรือถอน เป็นแค่เพียงเจ้าหน้าที่แค่นั้นเอง เขามีชื่อถอนอาจไม่ผิดก็ได้ แต่คนรับอยู่ข้างบน ซ่อนอยู่ ไอ้นี่แหละคุณต้องรับผิดชอบ

ดร.จันทิมา : ขอตั้งบทบาทของท่านอีกเรื่องนึงตอนนี้เป็นแหล่งปล่อยเงินยืมมั้ยไม่รู้ (หัวเราะ) แต่ปล่อยเงินแน่ๆ

ท่านไม่เก็บดอกเบี้ย แต่ได้หน้า?
ดร.จันทิมา : เหมือนท่านไม่ได้ตั้งบทบาทว่าไม่ใช่ที่พึ่งของเอดส์อย่างเดียวแล้ว แต่เป็นที่พึ่งของคนทั้งวงการ

วันนี้คนไม่อยากทำบุญ อยากแนะนำยังไง?
ดร.จันทิมา : ศรัทธาถูกสั่นคลอนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งหนึ่งที่อยากเตือน เวลาเราเจอเรื่องโรค เราคิดว่ามีข้อมูลแล้วเราจะไม่กลัวโรคนั้นเราจะป้องกัน เวลาเราจะศรัทธา ช่วยเหลือ หรือสงเคราะห์ใครก็ตาม อย่างน้อยๆ คนนั้นต้องหนักแน่นกับข้อมูลด้วย เราช่วยด้วยอารมณ์ความรู้สึก ความรัก ความสงสาร ความชอบ 

ถ้าถอยความรู้สึกออก แล้วพยายามมองเนื้อหาสาระหรือข้อมูลที่เป็นอยู่ อาจทำให้เราฉุกคิดนิดนึงว่าเวลาจะหย่อนเงินของเราลงไป หรือจะโอนเงินอะไรลงไป อย่างน้อยๆ ดูที่ตัวเนื้อหาของสิ่งที่เกิดขึ้น แมสเสจที่ออกมาขอให้เป็นสาระแบบข้อเท็จจริง เมื่อไหร่ที่บวกอารมณ์ความรู้สึกเราจะไม่ค่อยตระหนัก เหมือนมิจฉาชีพที่ลวงเราได้ เรายอมให้เงินเขาไป เป็นเพราะเราเชื่อ เรามีอารมณ์ตามกระแสที่เขาสร้างไว้ แบบนี้ก็เหมือนกัน ท่านอลงกตพยายามสร้างอารมณ์ความรู้สึกที่จะทำให้เราอยู่ในกระแสของท่าน พอเราเชื่อแล้วอารมณ์พาไป เหตุผลน้อยลง ถ้าคิดว่าเรายังเชื่อมั่นกับพุทธศาสนาก็ให้เชื่อมั่นอยู่ตรงนั้น แต่ด้วยความรู้ เหตุผลที่มี ไม่ใช่อารมณ์และความรู้สึก

อาจารย์รู้เรื่องพระบาทน้ำพุมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว?
ดร.จันทิมา : พอรู้อยู่บ้างค่ะ แต่ไม่ได้ตั้งคำถามกับท่านอลงกตมาตอนแรก เพราะเบื้องต้นเชื่อมั่นว่าท่านตั้งใจจริง แต่ตกใจเหมือนกันที่รู้ว่าข้อมูลตอนบวชท่านก็เท็จตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว รู้สึกว่าโกหกตั้งแต่แรกแล้ว การตั้งวัดพระบาทน้ำพุมาก็อาจเป็นเรื่องทำให้สร้างตัวตนให้คนยอมรับนับถือ แล้วพยายามกลบเกลื่อนเรื่องที่ท่านปิดบังเอาไว้ก็ได้

แพรรี่?
แพรรี่ : หนูชอบคอมเมนต์พี่คนนึงเมื่อวาน ที่บอกว่าการเสียสละที่มุ่งหวังผลประโยชน์ส่วนตัวแอบแฝงอยู่ตั้งแต่ต้น จะเป็นการเสียสละยังไง เรื่องนี้จริงๆ ต้องโทษสื่อ โทษคนที่ควรเป็นมันสมองแทนชาวบ้านธรรมดา มีใครหลายคนที่มีชุดข้อมูลไม่ว่าจะเกี่ยวกับผู้ป่วย รู้ข้อมูลมานานแล้ว แต่ไม่ยอมเป็นปากเป็นเสียงแทนชาวบ้าน ทุกคนมีส่วนในการสร้างฮีโร่ที่ชื่อว่าอลงกตขึ้นมา 

อลงกตไม่ได้เกิดขึ้นแค่โบรชัว แต่เกิดขึ้นเพราะสื่อช่วยกันสร้างภาพว่าอลงกตคือเทพเจ้าแห่งโรคเอดส์ ที่คนเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจไปแล้ว ไม่เอะใจ ไม่ตั้งคำถามเลย ทั้งที่มีหลายเรื่องให้ตั้งคำถามได้ เช่นพูดถึงผู้ป่วย 100 คน มีสัก 2 คนเท่านั้นแหละที่เดินไปวัดพระบาทน้ำพุ แต่ก็รับรู้สตอรี่เรื่องอลงกตผ่านสื่อทั้งนั้นที่ช่วยกันประโคม หรือพอมีลิงก์ขึ้นมาวัดจะปิด 3 วัน แทนที่สื่อจะช่วยกันตรวจสอบว่าจริงมั้ย แต่กลับช่วยแชร์ไปอีก สื่อต้องเป็นกระบอกเสียง เป็นมันสมองแทนชาวบ้าน ตอนนี้เสียงที่ปกป้องอลงกตแทบจะหายไปแล้ว วันแรกๆ หนู พี่หนุ่มโดนไปเท่าไหร่ อ.ตฤณห์ ก็โดน เพราะคนศรัทธา มันไม่ได้ปลูกฝังมาภายในวันเดียว

ทั้งหมดที่เห็นของหลวงพ่ออลงกต ตั้งแต่เดย์แรกที่ถูกจับไป ในมุมท่านคิดว่าเป็นแผนประทุษกรรมที่ท่านวางไว้ตั้งแต่แรกหรือเปล่า ว่าท่านจะมาเวย์นี้?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : ผมถามคำถามนี้แทนคนไทยทุกคนกับอดีตเจ้าอาวาส มันเป็นช่วงเวลา 6 ปีที่หายไป ผมถามท่านหลายเรื่อง ท่านก็ตอบผม คำนึงที่ท่านบอก ท่านไม่ได้ตั้งใจจะเข้าสู่วงการสงฆ์ จากการที่ท่านศรัทธาพุทธศาสนาอะไร ท่านมาบวชเพียงเพื่อจะออกไปทำงานเท่านั้นเอง ท่านบอกว่าท่านขี้เมา เรียนไม่จบ อกหัก ท่านก็ตัดสินใจมาบวช และจะออกไปทำงาน 

แต่พอท่านบวชแล้วท่านไม่อยากสึก คำถามอีกคำถามที่ถามท่านว่า วันนี้ท่านหมดทุกอย่าง ท่านเดินมาถึงจุดนี้ ท่านคิดยังไง ท่านตอบว่าท่านเข้มแข็งและกล้าหาญที่จะยอมรับความจริงทุกอย่าง สองคำนี้จะถูกอยู่ในคลิปที่ท่านพูดด้วยผมห่วงท่านเข้มแข็งผมรับได้ แต่คำว่ากล้าหาญอยากให้ท่านสื่อให้ดี เพราะคำว่ากล้าหาญคือใช้ในเรื่องที่ถูกต้อง คำว่ากล้าหาญท่านใช้ในเรื่องนี้ไม่ได้ ต้องใช้คำว่าท่านจำนนต่อหลักฐาน 

คำว่ากล้าหาญต้องใช้ในเรื่องที่ดี แต่ถ้าท่านกล้าออกมาก่อนหน้านี้ กล้าออกมาบอกในสิ่งที่ท่านทำ นั่นคือกล้าหาญ อีกอย่างคือคาแรกเตอร์ ท่านเป็นคนที่คาแรกเตอร์ที่สุดเท่าที่เห็นมา การก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจ พวกนี้ไม่ต้องใช้ปืน ใช้ความรุนแรง อดีตเจ้าอาวาสท่านใช้ความศรัทธา ท่านใช้ความนุ่มนวล ใช้คาแรกเตอร์ของท่าน ภาพที่ท่านอุ้มเด็ก ถ้าวันนี้ท่านไม่เกม เชื่อว่าท่านจะได้สร้างอนุสาวรีย์ 

ถ้าหากท่านเสียชีวิตไป นี่คือปูชนียบุคคล อย่าเสื่อมศรัทธา พุทธศาสนาไม่ผิด นี่คืออาชญากรคนนึงเท่านั้นเอง ท่านอย่าไปให้ราคาคนเหล่านี้ แล้วเหมารวมไม่ได้ นี่คือจุดนึงเท่านั้นเอง เราจะเสียศรัทธากับคนอย่างนี้ไม่ได้ เราต้องมีศรัทธาต่อไป อย่าเสียศรัทธาต่อพุทธศาสนา นี่คือเรื่องบุคคล ที่ผมเชื่อว่าเราทำเพื่อให้เกิดผลกระทบ 

เราก็ยังต้องขอบคุณสื่อที่สื่อให้ประชาชนเขาเห็นและฉลาดขึ้น เขาเลือกได้ เขาตัดสินใจได้ ว่าจะบริจาคอย่างไร การบริจาคไม่ใช่เรื่องผิด แต่วันนี้คุณจะคิดมากขึ้น ไม่งมงาย ไม่ตัดสินอะไรที่เห็นจากภาพโดยไม่เห็นของจริง อย่าบอกว่าจะไม่บริจาควัดแล้ว จะบริจาคแต่รพ. ผมไม่เห็นด้วย มีวัดอีกหลายวัดเขาทำได้ดี และโปร่งใสด้วย 

วันนี้สามส่วนที่ต้องรับผิดชอบ หนึ่ง คนที่ก่อเหตุ เข้าสู่กระบวนการเรียบร้อย เจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่ เราทำหน้าที่เอาเข้าสู่กระบวนการไปแล้ว สองคือเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ตรงนี้ท่านต้องเข้าไปสอดส่องดูแล สำนักงาน ป.ป.ท.ก็เป็นหนึ่งในนั้น เราต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น ไม่รวม พส. สตง. หรืออะไรก็ตามแต่ สุดท้ายพวกเราร่วมกันรับผิดชอบเรื่องนี้ ร่วมกันดูแล ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งเป็นหน้าที่ของเราทุกคน อันนี้ผมฝาก

ท่านบอกจะไปเป็นฤาษี ขอเวลา 3 วันจะกลับมามอบตัว อันนี้จริงมั้ย?
พ.ต.ท.สิริพงษ์ : ไม่จริงครับ ผมถามท่านว่าหลังจากท่านเข้าสู่กระบวนการแล้ว ท่านจะทำอะไรต่อไป ท่านจะทำยังไงกับคนไข้คนป่วยที่อยู่ในวัดที่ท่านรับผิดชอบอยู่ ท่านคิดแป๊บนึงแล้วก็บอกว่าท่านเชื่อว่ามีประชาชนที่ศรัทธาในตัวท่าน ท่านเชื่อว่าคนเหล่านี้ไม่เสียศรัทธาในตัวท่าน ท่านจะกลับไปที่นั่นอีก ไม่ว่าจะกลับในสภาพใด จะกลับไปในสภาพนุ่งขาวห่มขาวท่านก็จะกลับไป และท่านจะทำแบบเดิม นี่คือสิ่งที่ท่านพูด

















กำลังโหลดความคิดเห็น