xs
xsm
sm
md
lg

Eden เมื่อสวรรค์บนดินกลายเป็นนรกบนเกาะร้าง และความเป็นมนุษย์คือภัยคุกคามที่สุดในสามโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา



ในช่วงเวลาที่ผู้คนโหยหา “ยูโทเปีย” หรือดินแดนในอุดมคติเพื่อหลีกหนีจากโลกที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง “Eden” (สวรรค์คนบาป) ผลงานล่าสุดของผู้กำกับ รอน ฮาวเวิร์ด (Ron Howard) ได้เดินทางมาถึงจอภาพยนตร์เพื่อตอกย้ำความจริงอันน่าสะพรึงกลัวว่า สวรรค์บนดินที่เราวาดฝันอาจไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด และศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดนั้นไม่ได้มาจากธรรมชาติที่โหดร้าย แต่มาจากภายในจิตใจของมนุมนุษย์เอง

ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่หนังเอาชีวิตรอดบนเกาะร้างธรรมดา ๆ แต่คือ Survival Thriller ที่ค่อย ๆ กัดกินจิตใจผู้ชมอย่างช้า ๆ และทิ้งคำถามบาดลึกไว้ในตอนท้าย

Eden นำเสนอเรื่องราวที่อิงจากเหตุการณ์จริงที่เคยเกิดขึ้นบนเกาะ Floreana ในหมู่เกาะกาลาปากอสช่วงทศวรรษ 1930s ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญหน้ากับความวุ่นวายทางการเมืองและสงคราม หนังเปิดเรื่องด้วยการแนะนำตัวละครหลักสองกลุ่มที่เดินทางมาตั้งรกรากบนเกาะแห่งนี้เพื่อแสวงหาชีวิตในอุดมคติที่สงบสุขและปราศจากสังคมภายนอก

กลุ่มแรกคือ ดร. ฟรีดริช ริตเตอร์ (Friedrich Ritter) ที่รับบทโดย จูด ลอว์ (Jude Law) และ โดรา สเตราค์ (Dora Staunch) ที่รับบทโดย วาเนสซา เคอร์บี้ (Vanessa Kirby) คู่รักชาวเยอรมันที่ใช้ชีวิตแบบมังสวิรัติและปฏิเสธเทคโนโลยีทุกรูปแบบ พวกเขามาถึงก่อนใครเพื่อสร้างอาณาจักรเล็ก ๆ ของตัวเอง

แต่แล้วความสงบก็ถูกทำลายลงด้วยการมาถึงของคู่สามีภรรยาชาวเยอรมันอีกคู่ มาร์กาเร็ต วิทท์เมอร์ (Margret Wittmer) ที่รับบทโดย ซิดนีย์ สวีนีย์ (Sydney Sweeney) และ ไฮนซ์ วิทท์เมอร์ (Heinz Wittmer) ที่รับบทโดย แดเนียล บรูห์ล (Daniel Brühl) พร้อมกับลูกชายคนเล็กของพวกเขา


ทั้งสองกลุ่มต่างก็มีวิถีชีวิตและปรัชญาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การปะทะทางความคิดและอุดมคติจึงเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน และเมื่อกลุ่มที่สามนำโดย บารอนเนส อีโลอิส บอสเกต์ เดอ วาเนอร์ เวอร์ฮอร์น (Eloise Bosquet de Wagner Wehrhorn) ที่รับบทโดย อานา เดอ อาร์มาส (Ana de Armas) หญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความลับและเสน่ห์ พร้อมด้วยชายหนุ่มผู้ติดตามอีกสองคนเดินทางมาถึง สถานการณ์ก็ยิ่งทวีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ

สิ่งที่ทำให้ Eden กลายเป็นหนังเขย่าขวัญที่ไม่เหมือนใคร คือการที่มันไม่ได้ใช้การไล่ล่าหรือฉากแอคชั่นหวาดเสียวเป็นจุดขายหลัก แต่เลือกที่จะเจาะลึกเข้าไปในจิตใจของตัวละครแต่ละตัวอย่างละเอียดลออ รอน ฮาวเวิร์ดค่อย ๆ สร้างบรรยากาศที่อึดอัดและไม่น่าไว้วางใจขึ้นมาอย่างช้า ๆ การเผชิญหน้ากันของแต่ละกลุ่มไม่ได้มีแต่คำพูดบาดหู แต่ยังมีสายตาที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง ความอิจฉาริษยา และความรู้สึกเป็นเจ้าของดินแดน ซึ่งนำไปสู่การหักหลังและแผนการที่ซับซ้อนเกินคาดเดา

การแสดงของนักแสดงนำทุกคนคือหัวใจสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีพลัง จูด ลอว์ ในบท ดร. ริตเตอร์ ถ่ายทอดความสุดโต่งและอีโก้ที่สูงเกินจริงได้อย่างน่าทึ่ง ขณะที่ ซิดนีย์ สวีนีย์ ก็ฉายแววความแข็งแกร่งและความอดทนในบทบาทของ มาร์กาเร็ต ผู้หญิงที่ต้องแบกรับภาระหนักอึ้งท่ามกลางความขัดแย้ง ด้าน อานา เดอ อาร์มาส ก็สร้างสีสันด้วยบทบาทของบารอนเนส ผู้ลึกลับและยากจะคาดเดา เธอคือตัวแปรสำคัญที่นำพาเรื่องราวไปสู่จุดแตกหักอย่างรุนแรง


Eden ทำหน้าที่เป็นบทเรียนอันเจ็บปวดที่สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ว่าเราจะหลีกหนีจากสังคมและสร้าง “โลกใหม่” ที่เราคิดว่าดีกว่าเดิมได้สำเร็จเพียงใด สุดท้ายแล้วเราก็ไม่อาจหลีกหนีจาก “ความเป็นมนุษย์” ที่อยู่ภายในตัวเราได้พ้นพ้น ตัวละครแต่ละตัวที่เดินทางมายังเกาะแห่งนี้ต่างก็มีความฝันและอุดมคติของตัวเอง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความขาดแคลน ความหิวโหย และข้อจำกัดทางธรรมชาติ จิตใต้สำนึกที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในก็เริ่มเผยตัวออกมา

หนังเรื่องนี้ตั้งคำถามที่ทรงพลังว่า อะไรคือสิ่งที่เรียกว่า 'ความอยู่รอดของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด' ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย? คำตอบที่ได้อาจไม่ใช่เรื่องของร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นจิตใจที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด แม้จะต้องแลกมาด้วยการทิ้งคุณธรรมและอุดมคติที่เคยยึดถือไปทั้งหมด การขโมยอาหาร การกล่าวหา การหักหลัง และความรุนแรงที่เกิดขึ้นบนเกาะแห่งนี้เป็นบทสรุปที่น่าสะพรึงกลัวว่า เมื่อมนุษย์ถูกต้อนให้จนมุม สัญชาตญาณดิบที่เคยถูกกดทับไว้ก็จะถูกปลดปล่อยออกมา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะที่แท้จริง

Eden อาจไม่ใช่หนังที่เหมาะสำหรับผู้ชมที่ต้องการความบันเทิงแบบฉาบฉวย แต่เป็นภาพยนตร์ที่ต้องอาศัยความอดทนและสมาธิในการรับชม ด้วยการดำเนินเรื่องที่ค่อย ๆ เป็นไปอย่างช้า ๆ แต่ทรงพลัง บทพูดที่เฉียบคม และการแสดงอันยอดเยี่ยมของทีมนักแสดงทุกคน รอน ฮาวเวิร์ดได้สร้างผลงานเขย่าขวัญที่แตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ เพราะมันไม่ได้แค่ทำให้เราตกใจกลัวในสิ่งที่มองเห็น แต่ทำให้เราหวาดหวั่นในสิ่งที่อยู่ลึกลงไปในจิตใจของมนุษย์

Eden คือกระจกสะท้อนความจริงอันมืดมิดที่ย้ำเตือนเราว่า “ยูโทเปีย” อาจเป็นเพียงภาพลวงตา และนรกอาจไม่ใช่สถานที่ที่เต็มไปด้วยไฟ แต่เป็นสถานที่ที่เราต้องใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นที่ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด และเมื่อนั้น เราจะพบว่า “ความเป็นมนุษย์” คือภัยคุกคามที่น่ากลัวที่สุดเหนือสิ่งใด













กำลังโหลดความคิดเห็น