นักแสดงจีนชื่อดัง สวีข่าย ตกเป็นประเด็นร้อนแรงเมื่ออดีตแฟนสาว สวี่ลี่ซา ออกมาเปิดโปงความสัมพันธ์อันซับซ้อนของทั้งคู่ พร้อมกล่าวหาว่าเขานอกใจและพยายามเข้าหาเธอในช่วงที่เขาอยู่ในสภาพมึนเมา แม้ต้นสังกัดของสวีข่ายจะออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด แต่สิ่งที่ตามมาคือกระแสโจมตีอย่างรุนแรงและการเปิดเผยรายละเอียดต่าง ๆ จากสวี่ลี่ซาที่ทำให้สื่อและประชาชนไม่อาจมองข้าม
สวี่ลี่ซาเริ่มต้นเล่าเหตุการณ์ว่าทั้งคู่พบกันครั้งแรกในปี 2021 ระหว่างงานปาร์ตี้ของเพื่อนในวงการบันเทิง วันถัดมา ทั้งสองถูกเชิญไปงานเลี้ยงที่บ้านของสวีข่าย ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มเพื่อนคนดังด้วยกันเอง เธอเล่าว่าเมื่อแขกคนอื่นกลับไปหมดแล้ว สวีข่ายซึ่งอยู่ในสภาพเมา ได้ดึงเธอไปจูบที่ประตู ก่อนจะเริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเองโดยไม่ทันให้ตั้งตัว เธอบอกว่า “ฉันตกใจมาก ตอนนั้นเขาดื่มเยอะและสุดท้ายก็หมดสติไป ฉันจึงรีบหนีออกจากบ้านเขา” เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ทำให้เธอตัดขาดจากเขา กลับกัน ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นแฟนกันในเวลาต่อมา
ความสัมพันธ์ดำเนินไปจนถึงเดือนมกราคมปี 2022 ก่อนจะเกิดความเข้าใจผิดจนต้องเลิกรากันชั่วคราว แต่ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ทั้งคู่กลับมาคืนดีกัน และเริ่มวางแผนพาไปพบพ่อแม่ของกันและกันเหมือนคู่รักที่กำลังจริงจัง ทว่าเพียงไม่กี่เดือนต่อมา จุดเปลี่ยนสำคัญก็บังเกิดขึ้นเมื่อมีภาพหลุดของสวีข่ายออกจากโรงแรมกับนักแสดงสาวชื่อจ้าวฉิง ซึ่งข่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในสื่อบันเทิงจีน ภาพนั้นกลายเป็นหลักฐานบั่นทอนความสัมพันธ์ และทำให้สวี่ลี่ซาเสียใจอย่างมาก เธอระบายความรู้สึกผ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดีย แม้จะไม่ได้แท็กชื่อสวีข่ายโดยตรง แต่แฟนคลับของเขาก็สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาและเริ่มโจมตีเธอทันที
ในปี 2023 สวี่ลี่ซากล่าวหาว่าสวีข่ายมีพฤติกรรมซ้ำรอยเดิมอีกหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงต้นปีที่เขาเดินทางไปถ่ายละครที่เมืองชิงเต่า ที่นั่นเขาถูกอ้างว่าเริ่มความสัมพันธ์ลับกับหญิงสาวคนใหม่แต่พยายามปิดบังความสัมพันธ์ไว้ไม่ให้เป็นข่าว สวี่ลี่ซายังเล่าว่าในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะสวีข่ายถ่ายทำละครอีกเรื่อง เขาเริ่มพาเพื่อนนักแสดงหญิงร่วมงานไปดื่มหลายครั้ง และในคืนหนึ่งก็พาเธอไปโรงแรม เธอระบุว่าฝ่ายหญิงสามารถหนีออกมาได้ทันเวลาหลังจากรู้สึกไม่สบายใจต่อพฤติกรรมของเขา “เขาบอกนักแสดงคนนั้นว่าเขาโสดมา 2 ปีแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริงเขากำลังพยายามกลับมาคืนดีกับฉันในช่วงเวลาเดียวกัน” สวี่ลี่ซากล่าวอย่างเผ็ดร้อน
ในเดือนเมษายนปีเดียวกัน สวี่ลี่ซาตัดสินใจลบเบอร์และช่องทางการติดต่อของสวีข่ายทั้งหมดจากโทรศัพท์ เธอพยายามเดินออกจากความสัมพันธ์ที่เจ็บปวดนี้ แต่เมื่อถึงเดือนถัดมา สวีข่ายลับไปพบโพสต์ที่เธอเขียนวิจารณ์เขาอย่างตรงไปตรงมา และตอบกลับด้วยคำดูหมิ่นว่าเธอเป็น “แม่ม่ายดำ” การตอบโต้ดังกล่าวยิ่งทำให้แฟนคลับของเขารุมคุกคามเธอหนักขึ้นจนเธอต้องรวมกลุ่มเพื่อนสนิทและสร้างแชตกลุ่มเพื่อเรียกร้องคำขอโทษจากเขา “ฉันแค่อยากได้คำขอโทษ เขาทำเหมือนเราไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่แสดงความรับผิดชอบใด ๆ” เธอกล่าว ทว่าสวีข่ายกลับออกจากกลุ่มสนทนาโดยไม่ตอบอะไรเลย สวี่ลี่ซาจึงเลือกเส้นทางสุดท้าย — เปิดเผยทุกอย่างต่อสาธารณชน
ในเวลาต่อมา สวีข่ายได้ออกแถลงการณ์ผ่านทนายความว่าเขาจะดำเนินการทางกฎหมายกับสวี่ลี่ซาในข้อหาหมิ่นประมาทและกล่าวหาเท็จ เขาระบุว่าเธอสร้างเรื่องเกี่ยวกับการนอกใจ รวมถึงพยายามกล่าวหาว่าเขาพยายามล่วงละเมิดเธอขณะเมาสุราโดยไม่มีหลักฐาน สตูดิโอของสวีข่ายยังออกแถลงการณ์เสริมว่าเขาเป็นโสด และความสัมพันธ์ที่กล่าวอ้างนั้นไม่มีอยู่จริง พร้อมกล่าวหาว่าสวี่ลี่ซาเป็นแฟนคลับโรคจิตที่เคยพยายามเข้าใกล้ศิลปินมากเกินไป ซึ่งขัดแย้งกับข้อความแชตที่เธอเปิดเผยว่าเคยคุยกันเป็นประจำ รวมถึงหลักฐานการโอนเงินจำนวน 5,200 หยวน ซึ่งพ้องเสียงภาษาจีนว่า “ฉันรักคุณ” และภาพคู่ในชีวิตประจำวัน เช่น ภาพมือจับมือ ภาพเตรียมผลไม้ และข้อความหวาน ๆ อย่าง “อยากกินอาหารที่คุณทำให้จัง” “งั้นฉันจะทำให้เมื่อเลิกงานนะ”
สวี่ลี่ซาไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่เปิดเผยเรื่องของเธอเท่านั้น เธอยังบอกอีกว่าหลักฐานบางส่วนที่เธอมีมาจากหญิงสาวอีกหลายคนที่เคยมีความสัมพันธ์กับสวีข่าย โดยเธอกล่าวว่า “สิ่งที่ฉันพูดไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว คนอื่นก็เคยเจอเหมือนกัน” พร้อมระบุว่าหากเขาไม่ขอโทษหรือหยุดคุกคาม เธอจะเผยข้อมูลเพิ่มขึ้นอีก
เมื่อกระแสเริ่มลุกลาม นักแสดงหญิงร่วมค่ายเดียวกันอย่างจ้าวฉิง ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สาม ก็ออกมาแถลงยืนยันว่าเธอโสด และไม่เคยมีความสัมพันธ์กับสวีข่าย เธอระบุว่าภาพโรงแรมที่ถูกเผยแพร่นั้นเกิดขึ้นจากการนัดหมายเพื่อปรึกษางานแสดงเท่านั้น และขอสงวนสิทธิ์ทางกฎหมายต่อผู้เผยแพร่ข่าวเท็จ
ท่ามกลางกระแสความวุ่นวาย สวี่ลี่ซายังได้ออกมาขอโทษต่อดาราสาวเถียนซีเว่ย ที่ร่วมแสดงกับสวีข่ายในซีรีส์ Moonlit Reunion โดยโพสต์ข้อความว่า “เถียนเถียนสวยมาก ฉันชอบเธอ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ละครต้องได้รับผลกระทบ” เนื่องจากข่าวฉาวนี้เกิดขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ที่สี่ของการออกอากาศ และซีรีส์กำลังเข้าสู่ช่วงพีคของความโรแมนติกระหว่างพระนาง ทำให้ทีมโปรโมตต้องยุติกิจกรรมทั้งหมดในทันที
ดราม่าครั้งนี้ไม่ได้เพียงทำลายภาพลักษณ์ของสวีข่าย แต่ยังส่งผลต่อผลงานของนักแสดงร่วม โปรดิวเซอร์ ทีมงาน และแฟนคลับที่รอชมซีรีส์ด้วยความคาดหวัง กลายเป็นตัวอย่างล่าสุดของกรณีที่ชีวิตส่วนตัวของคนดังส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลงานในโลกบันเทิงจีนที่อ่อนไหวต่อข่าวฉาว
แม้สวีข่ายจะมีทีมทนายและต้นสังกัดคอยปกป้อง แต่คำถามสำคัญคือ เรื่องราวทั้งหมดนี้จริงหรือเท็จ และหากจริง สังคมควรตั้งคำถามต่อพฤติกรรมเช่นนี้ในวงการบันเทิงหรือไม่ หรือหากเท็จ สวี่ลี่ซาควรต้องรับผิดชอบต่อการทำลายชื่อเสียงของบุคคลอื่นโดยไม่มีมูลความจริง
