“บุปผาราตรี” ดรามาลิขสิทธิ์! “ต้อม ยุทธเลิศ” ฟาด Be On Cloud ละเมิด ถอด “พิง ลำพระเพลิง” ผู้กำกับ ขู่ฟ้องหากใช้ชื่อ “บุปผา” ต่อก็เตรียมรับหมายศาล ด้าน Be On Cloud ยันได้สิทธิ์ถูกต้อง ชี้เป็นผลงานใหม่ แรงบันดาลใจจากต้นฉบับ
ร้อนแรงกันข้ามคืนข้ามวันกันเลย กับเรื่องลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์ “บุปผาราตรี” โดยก่อนหน้านี้ หลายคนเข้าใจว่าเป็นการกลับมาของหนังในตำนานเรื่องนี้ เป็นการ “รีบูท” หรือ “รีเมก” หรือเปล่า ซึ่งบริษัทที่เอาไปทำใหม่คือ Be On Cloud ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยมี “พิง ลำพระเพลิง” เป็นผู้กำกับและคนเขียนบทชื่อดัง โดยเวอร์ชั่น 2025 นี้ จะไม่ใช่บุปผาราตรีในเนื้อเรื่องแบบเดิม ซึ่งทางพิงและปอนด์ (ผู้บริหาร Be On Cloud) ได้เผยถึงแรงบันดาลใจในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะโลเกชั่นเรียกให้ทำ
และบางช่วงบางตอน ผู้บริหาร Be On Cloud ได้ให้สัมภาษณ์ในวันแถลงข่าวว่า “บุปผาราตรี เอามาทำเหมือนเดิมแบบภาคแรกเลยผมว่าคนไม่ได้ชอบแล้ว มันจุดพลุไปแล้ว จุดพลุแบบเดิมไม่มีใครชอบแล้ว ณ วันนี้เราเพียงแค่ยังชอบเซ้นส์นั้น ชอบสิ่งนั้นที่เคยเกิดขึ้นแล้วเราเอามาทำในรูปแบบใหม่”
จนล่าสุด “ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค”เจ้าของลิขสิทธิ์และผู้กำกับ ที่เคยสร้างจักรวาล “บุปผาราตรี” นั้นได้ออกมาโพสต์สวนว่ามีคนละเมิดลิขสิทธิ์ จนทำให้ Be On Cloud ออกมาจดหมายแถลงถึงกรณีดังกล่าวประมาณว่า
“โครงการภาพยนตร์ 'บุปผา (Buppha)' ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ในชื่อเรื่องและเค้าโครงเรื่องอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งได้ทำขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรกับ บริษัท ฟิล์มรีพับบลิค จำกัด ผู้เป็นเจ้าของ ลิขสิทธิ์ โดยสัญญาดังกล่าวมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายทุกประการ
ประเด็นต่อมาภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการนำแรงบันดาลใจจาก 'ชื่อและเค้าโครงเรื่อง' ที่ได้รับอนุญาต มาตีความและสร้างสรรค์ผ่านมุมมองของผู้กำกับและทีมงานชุดใหม่ เพื่อให้เกิดเป็นผลงานที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง
สำหรับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นจากสื่อหรือบุคคลภายนอกที่ใช้คำว่า 'รีบูท' หรือ 'ภาคต่อ' นั้น บริษัทฯ ขอยืนยันว่า มิได้เกิดขึ้นจากการสื่อสารอย่างเป็นทางการของบริษัท”
ล่าสุด “ต๋อม ยุทธเลิศ” ก็ฟาดกลับทันที พร้อมยืนยันว่าถ้าจะใช้ “บุปผา” ต่อไป ก็เตรียมเจอหมายศาลได้เลย
“ถึง แฟนตัวจริงของบุปผาราตรีทั่วโลก
หลังจากที่กูประกาศเตือน 'นักเคลมหน้าใหม่' ไปดีๆ แต่ผลที่ได้คือมันหาว่ากูไม่ Profesional และขู่จะฟ้องกูเพราะมันอ้างว่า ได้ถือลิขสิทธ์บุปผาอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง
อะ กูจะ SYNOPSIS ให้พวกมึงฟัง เรื่องมันเริ่มตรงนี้ ย้อนกลับไปซักปีกว่า พิง ลำพระเพลิง โทร.มาหากู ขอใช้ชื่อบุปผาราตรี 'เฉยๆ' จะคิดเงินเท่าไหร่ กูก็ถามแล้ว ทำไม
ไม่คิดใหม่ คำตอบคือ ถ้าคิดใหม่นายทุนจะไม่ให้เงิน กูเห็นเป็นเพื่อน เพื่อนคงลำบาก กู
ไม่ลำบากก็เลยเซ็นให้ไปใช้ได้ในเวลาแค่ 2 ปีและมีข้อแม้ในสัญญาว่า 'หนังที่จะลงทุนจะ ชื่อเหี้xอะไรก็ตามพิงต้องเป็นผู้กำกับเท่านั้น'
หลังจากนั้นพักใหญ่พิงติดต่อมาอีกครั้ง บอกหนังยังไม่ได้เปิดกล้องเพราะทุนเดิมไม่พอเพิ่งขอทุนใหม่ได้ แต่นายทุนใหม่ขอแก้ไขสัญญาคือขอใส่ชื่อตัวเองต่อท้ายชื่อนายทุนเดิมในการถือครองสิทธิ์ร่วม
เหมือนเดิม สงสารเพื่อน เพราะถ้ากูไม่เซ็น พิงก็ลำบาก ส่วนกูมันไม่ลำบาก และดูแล้วก็ ไม่ได้มีการแก้ไขส่วนอื่นใดในสัญญาเดิม ซึ่งกูก็เซ็นใหม่ให้ โดยไม่ได้เรียกร้องค่าลิขสิทธิ์เพิ่มแต่อย่างไร
หลังจากนั้น มีการเปิดตัวหนังอันยิ่งใหญ่ นักเคลมหน้าใหม่นั่งคู่ผู้กำกับพิงแต่ไร้ซึ่งซื้อ
นายทุนเดิมผู้ถือลิขสิทธ์ร่วม และไร้ซึ่งการสื่อสารให้ชัดเจนตามในสัญญาว่า หนังบุปผา
ราตรี มาลีรัตติกาล ไม่ใช่ภาคต่อบุปผาราตรีของยุทธเลิศ' แต่อะ กูไม่ว่าอะไร เพราะเพื่อนยังคงเป็นผู้กำกับอยู่
แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ มีคนส่งข่าวมาให้ นักเคลมหน้าใหม่ได้ออกข่าวเปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่ เปลี่ยนนักแสดงใหม่ โละทิ้งเรื่องเก่าและไม่เอาผู้กำกับคนเก่าอย่างพิงกำกับ 'นี่คือสิ่งที่กูรับไม่ได้'
กูรู้ไอ้พิงมันเป็นคนดี แต่มันดีจนไม่สามารถจะปกป้องตัวเองได้ และนั่นคือเหตุให้กูต้อง
ออกมาเตือน แต่อีนี่กลับขู่จะฟ้องกูซะงั้น เยxxเข้ ดี! ถ้าแม่xจะเลือกทางนี้ กูจัดให้
.
คราวนี้กูจะพูดกับมึงตรงๆ นะ ว่าต่อจากนี้มึงจะต้องเจอกับอะไร มึงกลับไปอ่านสัญญาที่มึงถืออยู่ให้ดี ตั้งแต่ที่มึงเอาพิงออก มึ้งได้ทำผิดสัญญาฉบับนั้นไปเรียบร้อยแล้ว สัญญานั้นถือเป็นโมฆะ และมันไม่ใช่สัญญาที่ถู ต้อง และกูผู้อนุญาต มีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหายได้ และนับจากนี้ มึงไม่มีสิทธิ์ใช้ชื่อบุปผาอีกต่อไป แล้วถ้ามึงดึงดันจะใช้ชื่อบุปผาต่อ ไม่ว่าจะเป็น บุปผา-เหี้xอะไรก็แล้วแต่ มึงเตรียมรับหมายศาลและเงินประกันตัวไว้ได้เลย และไม่ว่าใครก็ตาม ที่แชร์ข้อความ อันเป็นเท็จของมิงต่อ กูสอยหมด กูไม่ลำบาก มึงแชร์กันให้เต็มที่ เอาเลยถ้าคิดว่าเท่ คุกมีที่ไว้ให้คนไม่รู้สี่รู้แปดแบบพวกมึงเสมอ”
จากนั้น “ปอนด์ Be On Cloud” ก็ได้โพสต์ความรู้สึกผ่าน X อีกครั้ง ถึงกรณีดังกล่าวว่า
“พวกเราโคตรตั้งใจดี และเต็มที่ทุกคน เราเคารพทุกอย่างทั้งสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพยนตร์ระดับตำนานอย่าง 'บุปผาราตรี'
ผมเชื่อเสมอว่าตำนานคือสิ่งที่ไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้อีก สิ่งที่เราทำได้คือการนำแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่นั้นมาตีความในมุมมองของเรา เพื่อสร้างสรรค์เป็นผลงานชิ้นใหม่ขึ้นมา นี่คือเหตุผลที่ทีมงานตัดสินใจตีความและเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมาใหม่ ซึ่งได้รับสิทธิ์มาอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผลงานที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งใหม่จริงๆ ที่ยังคงมีจิตวิญญาณเดิมที่เรารักและเคารพ โดยไม่ไปกระทบต่อความทรงจำที่ดีที่ทุกคนมีต่อต้นฉบับการใช้ชื่อ 'บุปผา' ก็เช่นกันครับ สำหรับผมและทีม
นี่คือภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นใหม่จากกลุ่มคนที่มีศรัทธาในหนังไทย และเป็นแฟนตัวยงของ 'บุปผาราตรี‘ มาก่อนครับ”
