หากพูดถึงเวทีประกวดวงดนตรีระดับประเทศ ที่เปิดกว้างและให้โอกาสทางดนตรี ตลอดจนเป็นเวทีที่สร้างศิลปินหน้าใหม่เข้าสู่วงการ “THE POWER BAND” โดย คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย คือลำดับต้น ๆ ที่ทุกคนนึกถึง เพราะเป็นเวทีที่เหล่าคนดนตรีได้แสดงความสามารถและมีอิสระในการรวมวงอย่างเต็มที่ ทั้งวงที่สมาชิกมาจากโรงเรียนเดียวกัน วงที่มาจากต่างโรงเรียน ต่างสถานที่ ในขณะที่อีกหลายวงสมาชิกมาจากครอบครัวเดียวกัน ถึงแม้ว่าความสำเร็จของนักดนตรีแต่ละคนจะเกิดจากความมุ่งมั่น ทุ่มเท และตั้งใจในการหมั่นฝึกซ้อม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญที่เป็นลมใต้ปีกของใครหลาย ๆ คน คือ “ครอบครัว” ที่พร้อมสนับสนุนความฝันอันยิ่งใหญ่ เพื่อผลักดันให้ลูก ๆ เดินทางไปถึงฝั่งฝัน

“เมื่อลูกรักและมุ่งมั่นในเส้นทางสายดนตรี การที่จะไปถึงฝันมันไม่ง่าย แล้ววันนี้ลูกไม่ได้สู้คนเดียวตราบใดที่แม่ยังอยู่ แม่สู้กับลูก แม่รู้ว่าการเดินตามความฝันคนเดียวมันเหนื่อย แม่จะเดินเป็นเพื่อน เราจะเดินไปด้วยกัน” นี่คือ คำมั่นสัญญาของคุณแม่กวาง - นางสาวภาณุมาศ อภัยจิตต์ ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างลูกเสมอ ไม่ว่าเส้นทางฝันจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม


คุณแม่กวาง - นางสาวภาณุมาศ อภัยจิตต์ หนึ่งในผู้ปกครองของวง MOOMA ที่มีลูกชาย 3 คน เป็นพี่น้องนักดนตรีอยู่ในวงเดียวกัน คือ คุณ - ด.ช.นรภัทร อภัยจิตต์ (กีตาร์), คิน - ด.ช.ภคิน อภัยจิตต์ (เบส) และเคน - ด.ช.ปภังกร อภัยจิตต์ (คีย์บอร์ด) เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่จริงจังทางด้านดนตรี ยึดความสุขของลูกเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าถ้าลูกได้ทำในสิ่งที่รักจะสามารถทำสิ่งนั้นได้ดีและทำได้นาน โดยแม่กวางได้ซัพพอร์ตความฝันของลูกด้วยการทำ Homeschool และจดทะเบียนกับเขตพื้นที่การศึกษา เน้นการเรียนควบคู่ไปกับการจัดสรรเวลาในการไปแข่ง หรือไปเรียนเข้าคอร์สต่าง ๆ ให้ลูกได้มีเวลาไปพัฒนาทักษะทางดนตรีได้อย่างเต็มที่ ซึ่งช่วงเวลาหลังจากลูกเข้านอน คุณแม่กวางจะคอยหาข้อมูลเวทีการแข่งขันให้ลูก โดยจะดูว่าเวทีไหนที่อนุญาตให้เด็กต่างโรงเรียน ไม่จำกัดอายุขั้นต่ำร่วมแข่งขันได้ แม่กวางจะพาลูก ๆ ไปเปิดประสบการณ์อยู่เสมอ โดยได้พาไปแข่งและโชว์มาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 เวที จนได้มาเจอรายการ THE POWER BAND และได้ร่วมประกวดตั้งแต่ซีซันที่ 3 - 5


“THE POWER BAND เป็นเวทีที่มีมาตรฐานทางความรู้ด้านดนตรีมากที่สุดเท่าที่เคยไปแข่งมา มีเกณฑ์การตัดสินที่น่าเชื่อถือ คอมเมนต์ของกรรมการทุกครั้งแม่จะมีการบันทึกไว้ตลอด เพื่อกลับมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น และแม่จะสอนลูก ๆ เสมอว่า ผลการตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ความสำเร็จของชีวิต เราอาจจะไม่ได้รางวัลอะไรใน THE POWER BAND แต่เรามีความสุขในการได้เข้าร่วมกิจกรรม ไม่ได้คาดหวังกับผลรางวัล แต่เขาอยากทำเต็มที่ อยากให้กรรมการและทุกคนเห็นว่าพวกเขามีพัฒนาการและมีการเติบโต ตอนนี้เราเดินทางมาถึงจุดที่เริ่มคุยกันแล้วว่า จะเริ่มทำเพลงเป็นของตัวเอง เพราะเรารอให้โอกาสวิ่งหาไม่ได้ เราจะต้องวิ่งไปหาโอกาส ซึ่งทุกคนน่าจะได้ฟังกันเร็ว ๆ นี้ สามารถติดตามได้ที่เพจ และยูทูปของ MOOMA” คุณแม่กวาง กล่าวเสริม

อีกหนึ่งครอบครัวดนตรีที่เพิ่งเคยลงประกวดรายการ THE POWER BAND 2025 SEASON 5 เป็นครั้งแรก คือ ครอบครัวของ คุณแม่อ๊อฟ - นางสาวหทัยชนก รุจิเทศ ตัวแทนผู้ปกครองที่มีลูกสาว 3 คน เล่นดนตรีอยู่ในวง Destiny ได้แก่ จันทน์กะพ้อ - ด.ญ.วัลชนก รุจิเทศ (นักร้อง), จามจุรี - ด.ญ.หทัยวัล รุจิเทศ (กลอง) และชมจันทร์ - ด.ญ.พิชนก รุจิเทศ (คีย์บอร์ด) ซึ่งพี่น้องทั้ง 3 คน เริ่มเรียนดนตรีมาตั้งอนุบาล ประกอบกับที่บ้านได้เปิดสถาบันสอนดนตรี JP.MUSIC จึงทำให้พวกเขามีความรักและผูกพันกับการเล่นดนตรีมากว่า 10 ปี! เรียกได้ว่าดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต โดยในหนึ่งสัปดาห์จะทุ่มเทซ้อมดนตรี 5 วัน ทุกวันเสาร์จะซ้อมกับเพื่อน ๆ ในวง ส่วนวันอาทิตย์จะชวนกันไปเล่นดนตรีเปิดหมวกที่จตุจักร ซึ่งความสามารถพิเศษของพี่น้องครอบครัวนี้ คือ ทุกคนสามารถสลับตำแหน่งกันได้หมด ไม่ว่าจะเป็นกีตาร์ กลอง หรือแม้แต่เป็นนักร้องนำ


คุณแม่อ๊อฟ - นางสาวหทัยชนก รุจิเทศ กล่าวว่า “แม่เล็งเห็นว่าลูกแม่ต้องไปทางดนตรีอย่างจริงจังแล้ว ก็ตอนที่มาแข่ง THE POWER BAND ก่อนหน้านี้เราเรียนดนตรีกันมาเรื่อย ๆ เพราะเห็นว่าลูกชอบ แต่พอได้เข้ามาแข่ง THE POWER BAND ถือเป็นการจุดประกายความฝันของเด็ก ๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ว่าไม่ได้กดดันนะ บอกลูกว่าเราเข้ามาตรงนี้มันก็สุดยอดของหนูแล้ว แม้ลูก ๆ จะซ้อมดนตรีกันค่อนข้างหนัก แต่จะไม่ทิ้งเรื่องการเรียน ทุกวันนี้ทั้ง 3 คน มีการแบ่งเวลาได้ดีมาก คือจะนำข้าวไปทานที่โรงเรียน เพราะไม่อยากไปเสียเวลาต่อแถวที่โรงอาหาร ทานข้าวเสร็จมีเวลาว่าง ก็จะนำการบ้านขึ้นมาทำกันเลย เพราะตอนเย็นต้องซ้อมดนตรีตอน 18.00 - 21.00 น. ทุ่มเทเต็มที่เพื่อรอบชิงชนะเลิศ”


“ตอนนี้เหมือนลูกเรียนหนังสือแล้วได้ปริญญา 2 ใบ ใบแรกเรียนหนังสือได้ปริญญา ส่วนด้านดนตรีก็เป็นการเรียนอย่างหนึ่งที่ควบคู่กันไป อาจจะไม่ได้รับเป็นใบปริญญา แต่คือความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เขาสามารถที่จะหยิบมาใช้ได้” แม่อ๊อฟกล่าวทิ้งท้าย


ในสังคมที่มองว่าดนตรีเป็นงานอดิเรก ยังมีอีกหลายครอบครัวที่เห็นว่าดนตรี คือ ความฝันอันยิ่งใหญ่และเป็นไปได้ เขาจึงเลือกที่จะเชื่อมั่นในพรสวรรค์ของลูก สะท้อนให้เห็นว่าพลังความรัก และการสนับสนุนตั้งแต่ก้าวแรกจากพ่อแม่ จะช่วยหล่อหลอมให้นักดนตรีคนหนึ่งเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และมีรากฐานที่มั่นคง
“เมื่อลูกรักและมุ่งมั่นในเส้นทางสายดนตรี การที่จะไปถึงฝันมันไม่ง่าย แล้ววันนี้ลูกไม่ได้สู้คนเดียวตราบใดที่แม่ยังอยู่ แม่สู้กับลูก แม่รู้ว่าการเดินตามความฝันคนเดียวมันเหนื่อย แม่จะเดินเป็นเพื่อน เราจะเดินไปด้วยกัน” นี่คือ คำมั่นสัญญาของคุณแม่กวาง - นางสาวภาณุมาศ อภัยจิตต์ ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างลูกเสมอ ไม่ว่าเส้นทางฝันจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม
คุณแม่กวาง - นางสาวภาณุมาศ อภัยจิตต์ หนึ่งในผู้ปกครองของวง MOOMA ที่มีลูกชาย 3 คน เป็นพี่น้องนักดนตรีอยู่ในวงเดียวกัน คือ คุณ - ด.ช.นรภัทร อภัยจิตต์ (กีตาร์), คิน - ด.ช.ภคิน อภัยจิตต์ (เบส) และเคน - ด.ช.ปภังกร อภัยจิตต์ (คีย์บอร์ด) เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่จริงจังทางด้านดนตรี ยึดความสุขของลูกเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าถ้าลูกได้ทำในสิ่งที่รักจะสามารถทำสิ่งนั้นได้ดีและทำได้นาน โดยแม่กวางได้ซัพพอร์ตความฝันของลูกด้วยการทำ Homeschool และจดทะเบียนกับเขตพื้นที่การศึกษา เน้นการเรียนควบคู่ไปกับการจัดสรรเวลาในการไปแข่ง หรือไปเรียนเข้าคอร์สต่าง ๆ ให้ลูกได้มีเวลาไปพัฒนาทักษะทางดนตรีได้อย่างเต็มที่ ซึ่งช่วงเวลาหลังจากลูกเข้านอน คุณแม่กวางจะคอยหาข้อมูลเวทีการแข่งขันให้ลูก โดยจะดูว่าเวทีไหนที่อนุญาตให้เด็กต่างโรงเรียน ไม่จำกัดอายุขั้นต่ำร่วมแข่งขันได้ แม่กวางจะพาลูก ๆ ไปเปิดประสบการณ์อยู่เสมอ โดยได้พาไปแข่งและโชว์มาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 เวที จนได้มาเจอรายการ THE POWER BAND และได้ร่วมประกวดตั้งแต่ซีซันที่ 3 - 5
“THE POWER BAND เป็นเวทีที่มีมาตรฐานทางความรู้ด้านดนตรีมากที่สุดเท่าที่เคยไปแข่งมา มีเกณฑ์การตัดสินที่น่าเชื่อถือ คอมเมนต์ของกรรมการทุกครั้งแม่จะมีการบันทึกไว้ตลอด เพื่อกลับมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น และแม่จะสอนลูก ๆ เสมอว่า ผลการตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ความสำเร็จของชีวิต เราอาจจะไม่ได้รางวัลอะไรใน THE POWER BAND แต่เรามีความสุขในการได้เข้าร่วมกิจกรรม ไม่ได้คาดหวังกับผลรางวัล แต่เขาอยากทำเต็มที่ อยากให้กรรมการและทุกคนเห็นว่าพวกเขามีพัฒนาการและมีการเติบโต ตอนนี้เราเดินทางมาถึงจุดที่เริ่มคุยกันแล้วว่า จะเริ่มทำเพลงเป็นของตัวเอง เพราะเรารอให้โอกาสวิ่งหาไม่ได้ เราจะต้องวิ่งไปหาโอกาส ซึ่งทุกคนน่าจะได้ฟังกันเร็ว ๆ นี้ สามารถติดตามได้ที่เพจ และยูทูปของ MOOMA” คุณแม่กวาง กล่าวเสริม
อีกหนึ่งครอบครัวดนตรีที่เพิ่งเคยลงประกวดรายการ THE POWER BAND 2025 SEASON 5 เป็นครั้งแรก คือ ครอบครัวของ คุณแม่อ๊อฟ - นางสาวหทัยชนก รุจิเทศ ตัวแทนผู้ปกครองที่มีลูกสาว 3 คน เล่นดนตรีอยู่ในวง Destiny ได้แก่ จันทน์กะพ้อ - ด.ญ.วัลชนก รุจิเทศ (นักร้อง), จามจุรี - ด.ญ.หทัยวัล รุจิเทศ (กลอง) และชมจันทร์ - ด.ญ.พิชนก รุจิเทศ (คีย์บอร์ด) ซึ่งพี่น้องทั้ง 3 คน เริ่มเรียนดนตรีมาตั้งอนุบาล ประกอบกับที่บ้านได้เปิดสถาบันสอนดนตรี JP.MUSIC จึงทำให้พวกเขามีความรักและผูกพันกับการเล่นดนตรีมากว่า 10 ปี! เรียกได้ว่าดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต โดยในหนึ่งสัปดาห์จะทุ่มเทซ้อมดนตรี 5 วัน ทุกวันเสาร์จะซ้อมกับเพื่อน ๆ ในวง ส่วนวันอาทิตย์จะชวนกันไปเล่นดนตรีเปิดหมวกที่จตุจักร ซึ่งความสามารถพิเศษของพี่น้องครอบครัวนี้ คือ ทุกคนสามารถสลับตำแหน่งกันได้หมด ไม่ว่าจะเป็นกีตาร์ กลอง หรือแม้แต่เป็นนักร้องนำ
คุณแม่อ๊อฟ - นางสาวหทัยชนก รุจิเทศ กล่าวว่า “แม่เล็งเห็นว่าลูกแม่ต้องไปทางดนตรีอย่างจริงจังแล้ว ก็ตอนที่มาแข่ง THE POWER BAND ก่อนหน้านี้เราเรียนดนตรีกันมาเรื่อย ๆ เพราะเห็นว่าลูกชอบ แต่พอได้เข้ามาแข่ง THE POWER BAND ถือเป็นการจุดประกายความฝันของเด็ก ๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ว่าไม่ได้กดดันนะ บอกลูกว่าเราเข้ามาตรงนี้มันก็สุดยอดของหนูแล้ว แม้ลูก ๆ จะซ้อมดนตรีกันค่อนข้างหนัก แต่จะไม่ทิ้งเรื่องการเรียน ทุกวันนี้ทั้ง 3 คน มีการแบ่งเวลาได้ดีมาก คือจะนำข้าวไปทานที่โรงเรียน เพราะไม่อยากไปเสียเวลาต่อแถวที่โรงอาหาร ทานข้าวเสร็จมีเวลาว่าง ก็จะนำการบ้านขึ้นมาทำกันเลย เพราะตอนเย็นต้องซ้อมดนตรีตอน 18.00 - 21.00 น. ทุ่มเทเต็มที่เพื่อรอบชิงชนะเลิศ”
“ตอนนี้เหมือนลูกเรียนหนังสือแล้วได้ปริญญา 2 ใบ ใบแรกเรียนหนังสือได้ปริญญา ส่วนด้านดนตรีก็เป็นการเรียนอย่างหนึ่งที่ควบคู่กันไป อาจจะไม่ได้รับเป็นใบปริญญา แต่คือความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เขาสามารถที่จะหยิบมาใช้ได้” แม่อ๊อฟกล่าวทิ้งท้าย
ในสังคมที่มองว่าดนตรีเป็นงานอดิเรก ยังมีอีกหลายครอบครัวที่เห็นว่าดนตรี คือ ความฝันอันยิ่งใหญ่และเป็นไปได้ เขาจึงเลือกที่จะเชื่อมั่นในพรสวรรค์ของลูก สะท้อนให้เห็นว่าพลังความรัก และการสนับสนุนตั้งแต่ก้าวแรกจากพ่อแม่ จะช่วยหล่อหลอมให้นักดนตรีคนหนึ่งเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และมีรากฐานที่มั่นคง
