xs
xsm
sm
md
lg

“ดิว อริสรา” น้ำตาไหลพราก ยอมรับเลิกสามี สารภาพกลัวคนไทยจนไม่กล้ากลับ ขอบคุณพี่ชายปริศนาช่วยไกล่เกลี่ยคดี(คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ดิว อริสรา” ร่ำไห้เคลียร์ทุกดรามา เผยเลิกสามี “เซบาสเตียน ลี” แล้ว ถ้าไม่ได้อยู่กับลูกคงไม่อยากอยู่ต่อ รับกลัวคนไทยจนไม่กล้ากลับ ซึ้งใจคนไทยให้โอกาส ตั้งใจเริ่มต้นใหม่ เบื่อแล้วเป็นดิวที่ผิดพลาดซ้ำๆ เผยหนี้ 20 ล้าน ทยอยเคลียร์ ขอบคุณพี่ชายปริศนาเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยคดี

หลังกลับเมืองไทย และพร้อมเปิดใจในทุกๆ เรื่องราวในชีวิตในงานแถลงข่าวเปิดตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์อาหารเสริม DEEWA ทั้งหนี้สิน ที่กำลังทยอยเคลียร์ รวมไปถึงเรื่องครอบครัวที่ “ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์” ได้เผยเป็นครั้งแรกว่าตอนนี้ได้เลิกรากับสามี “เซบาสเตียน ลี” แล้ว โดยเจ้าตัวร้องไห้ตลอดเวลาระหว่างสัมภาษณ์ สารภาพสาเหตุไม่กล้ากลับเมืองไทยเพราะกลัวคน และสายตาผู้คนที่มองตนจะเปลี่ยนไปแค่ไหน เผยพอฮึบจะสู้ ก็สูญเสียคุณพ่อไปอีก เบื่อตัวเองที่ต้องผิดพลาดซ้ำๆ

ดิว : “ถ้างานตรงไหนที่ดิวทำได้ และดิวถนัด ดิวรับเต็มแม็กซ์ เต็มที่อยู่แล้ว อย่างวันนั้นที่ดิวไลฟ์ ก็ถึงตี 1 นะ ทำเต็มที่ แต่ก็ต้องดูว่าอะไรที่เราถนัดหรือไม่ถนัด วันนั้นก็โดนเตือนอยู่แล้ว ก็รับงานค่ะ

ไม่ได้เลือกงานเลย เพราะในความเป็นจริง เราไม่ได้เป็นคนเลือกมากอยู่แล้วตั้งแต่แรก ถ้าทุกคนจำดิวได้ในเวอร์ชั่นดิวทำงาน เราก็เล่นละครมา ทำทุกอย่าง ออกรายการ ดังนั้นเรื่องรูปแบบงาน ดิวรับงานได้ทุกแบบอยู่แล้ว ใครสนใจก็ติดต่อเข้ามาได้นะคะ

จริงๆ มีโอกาสเยอะมาก ก็ต้องขอขอบคุณมากๆ สำหรับทุกๆ โอกาสและทุกคนที่ติดต่อเข้ามา เราไม่ได้คิดว่าจะได้รับโอกาสขนาดนั้น มีติดต่อมาเยอะค่ะ แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการไลฟ์ ตอนนั้นดิวไม่ได้อยู่ประเทศไทย ส่งของก็ยาก ผ่านกงสุลก็ยาก วิธีการไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด ดังนั้นถ้าเรากลับมาอยู่ไทยแล้วอะไรก็ตามที่ยากก็จะง่ายขึ้น เราก็ทำได้ค่ะ

อย่าไปพูดว่าใครเชื่อศักยภาพของดิวเลย ดิวว่าดิวยังได้รับโอกาส และขอบคุณโอกาสจากทุกคนมากกว่า มันคือหัวใจที่มีให้กันมากกว่า

ส่วนที่คนยังเห็นใจและให้โอกาส อย่าซึ้งได้ไหม ไม่อยากร้องไห้ มันก็ทำให้ดิวมีกำลังใจแหละ (เสียงสั่นเครือ) เรากลับมารีเซ็ตทุกอย่างไหม เอาจริงๆ การกลับมา ในชีวิตดิว ดิวรู้สึกว่ามันก็ขึ้นๆ ลงๆ อยู่แล้ว (ร้องไห้) ดิวว่าดิวไม่ได้กลัวกับการเริ่มต้นใหม่ เพราะเราไม่ได้เริ่มมาจากศูนย์ แป๊บนึงนะ ขอเช็ดน้ำตา ตั้งสติก่อน เราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ ดิวเริ่มจากติดลบ ถ้าจำดิวตั้งแต่ 16 ได้ ดิวเริ่มจากติดลบ จนดิวขึ้นไป จนวันนึงอาจมีวิกฤตแล้วลงมา วันนี้วิกฤตหนักสุดเลย ดิวอาจกลับไปติดลบเหมือนเดิม ดิวไม่ได้กลัวกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่อยู่แล้ว ดังนั้นทุกๆ โอกาส ทุกๆ น้ำใจ ทุกๆ รอยยิ้ม หรือกำลังใจ มันคือสิ่งที่ทำให้ดิวมีแรงอยู่ในประเทศไทย”

สารภาพไม่กล้ากลับไทย กลัวคนและสายตาที่มองตน จะเหมือนเดิมอยู่ไหม
ดิว : “ตอนแรกดิวสารภาพตรงๆ เลยว่าก่อนกลับดิวกลัวมาก ดิวไม่ได้กลัวอะไร แต่กลัวคน อยู่ไต้หวัน อยู่ต่างประเทศก็กลัวคนไทย เป็นความรู้สึกของเราที่เรากลัว ตอนเครื่องจะลงเราก็กลัว แต่พอเริ่มสัมผัสไปเรื่อยๆ แล้วดิวเป็นคนวัดๆ วันแรกดิวไปเซ็นทรัลลาดพร้าวให้คนเห็นเลย ว่าใจเรารับไหวไหมไปต่อได้ไหม แต่ฟีดแบ็กดิวอาจหลงลืมไป มัวแต่ดูโซเชียล ทำให้ลืมไปว่าคนไทยเป็นคนน่ารัก ให้โอกาสคน มีน้ำใจ ดังนั้นพลังที่ดิวได้จากการที่เจอคนรอบข้าง เจอช่างหน้าช่างผมคนเดิมๆ เจอ พี่ๆ ทุกคน หรือแม้แต่พี่นักข่าวดิวก็กลัว แต่พอดิวเจอ มันไม่ใช่สายตาแบบนั้น (เสียงสั่นเครือ) มันก็อุ่นใจขึ้น อยากอยู่ประเทศไทยเลย (เช็ดน้ำตา)

ที่คิดไว้กับสิ่งที่เจอไม่เหมือนกันเลย เราเจอทุกอย่างถาโถมในเวลาเดียวกัน พอวันนี้สิ่งที่สัมผัสมันตรงข้ามกับความกลัวเรา มันทำให้เราอุ่นใจว่าสุดท้ายแล้วประเทศไทยมันคือบ้านเรา”

เสียใจที่สุดคือตัวเองที่ทำผิดพลาด ลั่นเบื่อตัวเอง เมื่อไหร่จะมีบทเรียนที่จบสักที
ดิว : “สิ่งที่ทำให้ดิวเสียใจที่สุดคือตัวดิวเอง ที่ดิวทำผิดพลาดทุกอย่าง ดิวไม่ได้โทษใครทั้งนั้น แต่ที่เสียใจที่สุดคือดิวรู้สึกว่าคนอย่างดิวเมื่อไหร่จะมีคำว่าบทเรียนที่จบสักที ดิวพูดกับตัวเองแบบนั้น ดังนั้นไม่อยากพลาดอีกแล้ว ดิวเบื่อกับตัวเอง เดี๋ยวก็มีเรื่องนั้น เดี๋ยวก็มีเรื่องนี้ เชื่อว่าคนรักดิวก็คงเบื่อที่ดิวเป็นแบบนี้ ดังนั้นสิ่งที่เสียใจที่สุดคือเมื่อไหร่ดิวจะไม่เป็นคนที่ผิดพลาดเรื่องนี้สักที ดิวเข้าใจที่คนพูดว่าคนเรามันผิดพลาดได้เสมอ แต่แค่จุดยืนของดิวและคนที่รักดิว คนให้โอกาสดิว ดิวควรพอได้แล้ว และดิวควรเข็ดได้แล้ว

เอาง่ายๆ เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง สองต้องใช้ชีวิตให้มีสติขึ้น สามอยู่บนโลกความเป็นจริงมากขึ้น สี่มันคือการแก้ที่ตัวเอง ไม่ต้องห่วงว่าดิวจะแก้ไม่ได้ ดิวเคยขึ้นสุดและลงสุดแล้ว ดังนั้น ณ วันนี้ดิวไม่ค่อยห่วงว่าดิวจะแก้ยังไง ดิวรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เหมือนปลงขึ้น เห็นอะไรมากขึ้นในหลายๆ เรื่อง”

ไม่ได้เกร็งกับการต้องให้สัมภาษณ์ แต่เกร็งกับสายตาที่ทุกคนมอง จะเป็นแบบไหน
ดิว : “ตัดสินใจออกมาพูด ดิวไม่ได้คิดอะไรเลยว่าทำไมต้องออกมาพูด หนึ่งการที่ดิวออกมาทำงานเป็นหน้าที่ที่ดิวต้องทำ สองดิวต้องตอบแทนคุณเขา เพราะเขาอยู่กับดิวตลอด สามการเจอพี่ๆ นักข่าวก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำอยู่แล้ว สารภาพว่าดิวไม่ได้เกร็งกับการต้องให้สัมภาษณ์ แต่ดิวเกร็งกับสายตาที่ทุกคนจะมองดิวแบบไหน จะรักกันเหมือนเดิมไหมมากกว่า (เสียงสั่นเครือ)”

“ทนายเอี้ยง” เผยเรื่องคดี คาดวันสองวันนี้จะจบ คู่กรณีถอนฟ้องและคืนของที่เหลือให้ “เมย์ วาสนา อินทะแสง” ได้ทั้งหมด
ทนายเอี้ยง : “หลังจากที่รับผิดชอบตั้งแต่ต้น ที่ได้เข้ามาทำคดีนี้ เเห็นความตั้งใจดิวตั้งแต่ต้นเลยเดินต่อ รูปคดีเมื่อวานที่ศาลแขวงปทุมวัน มีการนัดหมาย ก็มีการเคลียร์ยอดครึ่งนึงให้เจ้าของร้านแบรนด์เนมมันนี่ไปแล้ว มีข้อตกลงกันว่า จะมีการทำบันทึกทางแพ่งกันและจะมีการถอนฟ้อง พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้น่าจะเสร็จใจส่วนนี้ ส่วนกระเป๋าสองใบ เจรจาเบื้องต้น เพิ่งได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองปราบและฝ่ายผู้เสียหายว่ายุติตามที่เราเสนอไป จากนี้จะส่งบันทึกเพื่อทำบันทึกกัน น่าจะจบพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ นัดเจอทุกฝ่ายที่กองปราบ เพื่อส่งมอบสร้อยบูการี และกระเป๋าสองใบคืนให้คุณเมย์ น่าจะจบทุกอย่างในส่วนนี้

เรื่องการถอนฟ้อง คุณเมย์เขามีเจตจำนงตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ว่าถ้าคุณดิวเคลียร์ทุกอย่างจบหมด คุณเมย์เขาเห็นใจและเข้าใจคุณดิวว่ายอดเยอะ ก็ให้เวลาคุณดิว ถ้าทุกอย่างจบ คุณเมย์ก็พร้อมถอนฟ้องทั้งหมด

ดิว : “ดิวขอขอบคุณพี่เมย์ด้วย คนอาจเข้าใจว่าเราทะเลาะกัน แต่พี่เมย์เป็นพี่ที่น่ารักมาโดยตลอด ต่อให้ข้างนอกมองยังไงแต่เราคุยกัน พี่เมย์พร้อมจบ เขาเป็นคนดี เขาน่ารักกับดิว ดังนั้นเรื่องถอนฟ้อง เขาบอกว่าสักทีเถอะ นี่คือสิ่งที่เขาพูด”

ทนายเอี้ยง : “สร้อยบูการีเนื่องจากยอดมันเยอะ คุณเมย์ก็มีน้ำใจเขาจะช่วยครึ่งนึง แต่คุณดิวต้องทำหนังสือรับสภาพหนี้และผ่อนชดใช้คุณเมย์ต่อไป คุณเมย์จะได้สร้อยคืนจากแบรนด์เนมมันนี่”

ขอบคุณพี่ชายใจดี เป็นคนกลางช่วยประสานงานให้จนไฮโซเมย์มั่นใจ ลั่นเขาเป็นฮีโร่ของดิว
ดิว : “ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอบคุณพี่ชายใจดีของดิวด้วย ดิวไม่รู้เขาประสงค์ออกนามหรือไม่ออกนาม แต่ถ้าใครเดาได้ ก็อยากให้รู้ว่าเขาเป็นพี่ชายคนนึงที่ดีกับเรา เรื่องนี้จบได้เพราะเขา พี่เมย์จะไม่มั่นใจเลยถ้าไม่มีเขาคนนี้ ดังนั้นมันคือหลายๆ อย่าง

ไม่รู้สะดวกให้พูดชื่อหรือเปล่า แต่พี่ชายคนนี้เขาเป็นพี่ชายที่น่ารักของดิว ไม่ใช่พี่ไผ่ วันพ้อยท์นะคะ บอกไว้ก่อน ดิวพูดประเด็นนี้แค่อยากให้ทุกคนรู้ว่าการเคลียร์หรือการกลับมาของดิว มันไม่ใช่แค่ตัวดิว มันมีทั้งพี่ชาย น้องชาย และใครหลายๆ คนที่ยังรักเราอยู่ เราก็เลยรักตัวเอง

พี่ชายคนนี้เขาโทร.หาหนูเองเลย แปลกมากเลยค่ะ ต้องพูดจริงๆ ว่าดิวไม่เคยโทร.ไปขอความช่วยเหลือจากเขา เพราะดิวกลัวคน บวกกับสถานการณ์ที่มันบีบรัดเรามากๆ เรารู้สึกว่าถ้าเราโทร.หาใครคนต้องขยาดแน่ๆ เลย เราอยู่ของเราเฉยๆ ดีกว่า แต่แปลกที่พี่ชายคนนี้เป็นคนนึงที่ทักมาเพื่อจะช่วย ดังนั้นเราเลยอยากพูดถึงเขา ไม่รู้เขาสะดวกไหมแต่อยากพูดถึงเขา อยากให้คนเดาให้ถูกว่าเขาคือใคร ไปปรบมือให้เขาว่าเขาคือฮีโร่ของดิวเหมือนกัน

เขาไม่ได้ช่วยเรื่องเงิน แต่ช่วยประสานให้ ช่วยไกล่เกลี่ยใดๆ ส่วนเรื่องเงิน ต้องขอบคุณทางดีว่ามากกว่า คนช่วยคือแบรนด์ดีว่าด้วย”

ปัดหนี้สูงถึง 60 ล้าน ประมาณ 20 กว่าล้าน ใช้เงินเกินตัวแต่ไม่ใช่ทั้งหมด สารภาพธุรกิจไม่ได้เป็นไปตามเป้า ยากสุดคือมีภาพบางอย่างต้องประคอง
ดิว : “เรื่องจริงคือดิวไม่ได้เอามา 60 ล้าน มันประมาณ 20 กว่าล้าน ข่าวมันออกไปเป็นมูลค่า แต่เงินที่ดิวจะใช้ไม่ใช่ 60 ล้าน พูดตรงๆ ว่าเหตุผลไม่ใช่ความผิดของใคร มันเป็นความผิดของดิวเอง จะโทษว่าเป็นการใช้เงินเกินตัวด้วยก็ใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ดิวทำธุรกิจหลายอย่าง ดิวมั่นใจมากๆ ลงทุนไปขาดทุนเยอะมาก ดิวไม่เคยหยุดทำ สารภาพตรงๆ ว่าธุรกิจไม่ได้เป็นไปตามเป้า ธุรกิจที่เราทำไปครั้งแรกเรามั่นใจ ฉันทำได้ ฉันอยากทำ มันคือตรงนั้นด้วย

เรื่องใช้เงินเกินตัวก็เป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับผิดกับตัวเองด้วย ชีวิตเรามีหลายๆ มุมที่อยากให้ทุกคนมอง และเข้าใจ ไม่ได้อยากให้มองว่าเอาเงินคนอื่นมาเพื่อซื้อแบรนด์เนมทั้งหมด ไม่มีใครทำแบบนั้นหรอก เรากำลังพูดกันเรื่องจริง แต่มันล้มหลายเรื่องพร้อมๆ กัน และมีภาพบางอย่างที่ต้องประคองมันไว้ นี่คือความยากในสิ่งที่เราเป็น พอมาเป็นวันนี้ เราก็แอบดีใจเหมือนกันว่าการได้เริ่มต้นใหม่ในแบบจริงๆ ของเรา เราไม่ต้องประคองภาพบางอย่าง ก็ทำให้เราสบายตัวและสบายใจดี”

ทนายเอี้ยง : “ยอดทั้งหมดที่ต้องทยอยคืน แยกหลายอย่าง ก่อนหน้านี้สร้อยมรกตโลตัสก็คืนไป ทำบันทึกมีการผ่อนชำระไปบางส่วนแล้ว ประมาณ 20 ล้าน มีการผ่อนชำระไปบางส่วนแล้ว”

ดิว : “บางส่วนพูดยากเพราะต้องคำนวณ ระหว่างทางเรามีจ่ายไปเรื่อยๆ ที่เห็นว่าหายไป ไม่ได้หายไปโดยเราไม่ได้จ่ายใครเลย เราแค่รู้สึกว่าไม่ได้เหมาะสมกับการที่เราจ่ายแล้วแล้วมาพูดว่าฉันจ่ายแล้ว ดิวก็ไม่ได้มีพลังความมั่นใจขนาดนั้นแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยอดโดยรวมคือ 20 ไม่ใช่ 60 ตอนนี้เคลียร์ไปบางส่วนแล้ว ส่วนจบเมื่อไหร่ ดิวอย่าพูดเลยดีกว่า เพราะถ้าพูดจะเป็นการให้ความหวัง แต่ทุกวันดิวพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่ต้องห่วงดิวอยากให้มันจบอย่างเร็วที่สุดอยู่แล้ว”

ร่ำไห้ เลิกสามี “เซบาสเตียน ลี” แล้ว ถ้าอยู่ไทย คงไม่อยากอยู่แล้ว ไปเติมพลังจากสิ่งที่รักที่สุดคือลูก พร้อมเสียสละทุกอย่าง
ดิว : “ก็...(เอามือปิดหน้าร้องไห้) ก็... ลูกๆ ก็มีความสุขดีค่ะ (ร้องไห้) ได้เจอตอนอยู่ที่ต่างประเทศ ได้อยู่ด้วยกันตลอด ส่วนสามี ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว แบบที่เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน การใช้ชีวิตที่ไต้หวันก็ไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน ดิวอยู่กับลูกค่ะ

ต้องอยู่ตัวคนเดียว ถ้าเป็นพี่มันยากไหม ดิวบอกตัวเองทุกวันก็ต้องอยู่กับลูก ถ้าไม่อยู่กับลูกคงไม่อยากอยู่แล้ว พูดตรงๆ จากใจนะ (ร้องไห้) เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะทุกคน อย่าคิดแบบดิว แต่ถ้าเราไม่มีพลังจากลูกเราก็คงท้อมากๆ ไปแล้ว ดังนั้นการที่ทุกคนเห็นว่าดิวทำไมไม่กลับไป เพราะดิวรู้สึกว่าถ้าดิวอยู่ไทย ดิวไม่อยากอยู่แล้ว (ร้องไห้) ดิวขอเวลาไปตั้งหลักหน่อย ดิวต้องไปเติมพลังจากสิ่งที่ดิวรักที่สุดที่อยู่ตรงหน้า ให้ดิวมีพลัง ว่าทำไมดิวถึงต้องอยู่ต่อนะ ใจเราอยากอยู่กับลูกตลอด

ตอนนี้เดินหน้าแบบพ่อแม่ ไม่ได้อยากให้ไปโจมตีเขานะ สุดท้ายแล้วเขาคือคุณพ่อของลูกดิว ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาพยายามทำในรูปแบบพ่อของลูกให้ดีที่สุดแหละ แต่แม้ตัวดิวจะว้าเหว่หรือรู้สึกเผชิญปัญหาอยู่คนเดียว แต่ถ้าลูกๆ ของดิวมีความสุข ลูกๆ ดิวมีอนาคต ดิวยอมเสียสละได้ทุกอย่างแหละ”

ทนายเผยเพิ่งทราบจากกองปราบว่ามีการออกหมายเรียก
ทนายเอี้ยง : “ผมก็ทราบจากกองปราบว่าจะมีการออกหมายเรียก เท่าที่ประสานเบื้องต้น ทางคุณดิวยังไม่ได้รับหมาย จริงๆ แล้วมีหมายเรียกหรือกองปราบประสานมา ทางเราก็ยินดีให้ข้อมูลอยู่แล้ว ผมก็คุยกับเจ้าของสำนวนตลอดว่าสถานการณ์อยู่ประมาณไหน จากที่เห็นเราก็ไปเคลียร์กันเมื่อวาน เหลือแค่นิดเดียวแล้ว ผมเชื่อว่าทุกอย่างน่าจะจบก่อนที่สำนวนจะไปไกลกว่านี้”

ร่ำไห้วอนเห็นใจ ข่าวที่ออกไปไม่ได้ตรงกับเรื่องจริงขนาดนั้น จากลูกที่จะได้มางานศพคุณพ่อตนเองก็ไม่ได้มา
ดิว : “ดังนั้นข่าวที่ออกไป ดิวมีบอกพี่นักข่าวบางคนที่สนิทว่าความจริงไม่ได้ไปไกลถึงขนาดนั้นนะ พอข่าวออกไปพูดตรงๆ บางสิ่งบางอย่างก็ระทบดิวมากเหมือนกัน ดิวต้องสู้ทั้งข้างหน้าและหลังบ้าน (ร้องไห้) บางทีข่าวที่ออกไป มันไม่ได้ตรงกับเรื่องจริงขนาดนั้น จากลูกดิวที่ควรมาหางานศพพ่อดิว ก็ไม่ได้มา (ร้องไห้) จากจะมาสองเหลือมาหนึ่ง ดิวอยากให้เห็นใจดิวนิดนึง ว่าสิ่งที่ดิวเผชิญอยู่ มันทุกๆ ทาง อยากขอพี่ๆ สื่อมวลชนทุกคนเลยว่า อะไรก็ตามที่ทำออกไปหรือพูดออกไป มันทำให้คนที่เขาไม่รู้เรื่องจริงเขากลัว พอเขากลัวดิวก็ต้องรีบไปดักและอธิบายความเป็นจริงว่ามันไม่มีแบบนี้นะ”

ไม่ได้หนี แต่พอจะฮึบสู้ พ่อก็เสีย ไม่มีโอกาสได้ออกมาสักที ไม่อ่านกำลังใจจากใครให้เศร้า เพราะมันทำให้เป็นแม่ที่มีความสุขต่อหน้าลูกลำบาก
ดิว : “ถ้าดิวหนี คงไม่ออกมาไลฟ์ขายของ ข้อสองพอดิวกำลังจะฮึบสู้ คุณพ่อดิวก็เสีย (ร้องไห้) มันทุกอย่าง เหมือนจังหวะไม่มีโอกาสให้เราออกมาสักที มันหลายอย่าง ถ้าให้ดิวมานั่งพูดชีวิตให้ทุกคนฟัง ในเวลาที่ดิวอยากกลับมา คุณพ่อดิวก็เสีย ดิวก็กล้าๆ กลัวๆ กลัวกลับมาแล้วไม่จบ เราอยู่บนความกลัว ดังนั้นมันไม่ใช่หนี เราแค่ตั้งหลักและทลายความกลัวนั้นให้กล้ากลับมา แต่ถามว่าเราเผชิญอยู่บนความเป็นจริงตลอดเวลาไหม เราคุยกับพี่เอี้ยงตลอด เราเผชิญความเป็นจริงกันอยู่ตลอด เราพยายามแก้ไขตลอด สงสารเจ้าหนี้ได้เลย แต่เราไม่ใช่ไม่ทำอะไร เราก็พยายามทำทุกวินาทีของเราให้ดีที่สุดเช่นเดียวกัน

คนที่เชื่อมั่นเรา ต้องพูดจริงๆ หนูไม่ได้อ่านเลยแม้กระทั่งกำลังใจ หรือใคร เพราะหนูเศร้า อ่านกำลังใจก็เสียใจ ยิ่งคำพูดต่างๆ ไม่อ่านอยู่แล้ว แต่ยิ่งอ่านมันยิ่งเศร้า แล้วเราต้องทำหน้าที่แม่อยู่ มันไปต่อไม่ได้ (ร้องไห้) เลยไม่รู้เลย พอรับเข้ามาในใจแล้วมันเศร้า แต่ละวันของเราที่ต้องอยู่ต่อหน้าลูก มันทำหน้าที่แม่ที่มีความสุขได้ลำบาก”

ขอเวลารวบรวมข้อมูล เจ้าหนี้รายใหม่โผล่ 20 ล้าน
ทนายเอี้ยง : “ประเด็นนี้ผมก็เพิ่งทราบเหมือนกัน ต้องขอใช้เวลารวบรวมข้อเท็จจริง และมีการประสานคุยกันอยู่ว่าข้อเท็จจริงประมาณไหน เรื่องนี้เดี๋ยวจะแจ้งอีกที ยังไม่รู้ข้อมูลเชิงลึก เท่าที่ทราบไม่ใช่ตามนั้น มันมีอะไรที่มากกว่านี้ เดี๋ยวต้องคุยกันอีกที ว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร อยู่ระหว่างรวบรวมนิดนึง เดี๋ยวแจ้งอีกที”

ไม่กลับเป็นดิวเหมือนเดิม แต่จะต้องเป็นดิวที่ดีกว่าเดิม
ดิว : “ดิวคิดว่าคงไม่ได้กลับมาเป็นดิวคนเดิมหรอก เพราะ ณ วันนี้เรายังไม่มีพลังความมั่นใจในตัวเองขนาดนั้น แต่เราก็จะพยายามทำตัวเราให้ดีขึ้นกว่าเดิม ถ้าจะเป็นดิว อริสรา ก็ต้องเป็นดิว อริสราที่ดีกว่าเดิม แบบที่ไม่เหมือนเดิม ถ้าใครที่จะยังรักเรา เขาต้องรักเราในแบบที่เราเป็น จากพฤติกรรมของเรา ไม่ใช่อายุของเราด้วย เราเปลี่ยนแปลงนะคนที่เขาให้กำลังใจเรา หรือซัปพอร์ตเรา เขาอยู่ตรงนั้น เราก็ไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง”

รับทุกโอกาสในการแสดง
ดิว : “ใครให้โอกาสดิว ดิวรับทุกโอกาสแน่นอน ถ้ายังเหลือพื้นที่ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ หรือแค่ไหนให้ดิวยืน ดิวก็ยืนอยู่แล้ว เพราะดิวก็ไม่เคยไปไหนอยู่แล้ว”

ลั่นประเทศไทยคือบ้าน อยากอยู่ที่นี่
ดิว : “พอกลับมาที่นี่ก็คือบ้านหนู หนูก็อยากอยู่ประเทศไทย ถ้าทุกอย่างคลี่คลายขึ้น ความสบายใจของหนูในการอยู่ประเทศไทยมันก็มีมากขึ้น ยังไงประเทศไทยก็คือบ้านเรา”

ยัน “ไฮโซเมย์” น่ารักมาก ไม่ได้เป็นไปตามที่ใครๆ พูด
ดิว : “พี่เมย์น่ารักมากๆ ถ้ามีโอกาสก็เจอกันอยู่แล้ว หนูโทร.ไปเขารับ เราคุยกัน มีอะไรเขาโทร.มา หลายๆ อย่างไม่ได้เป็นตามที่ใครๆ พูด เช่นดิวกลับมา พี่เมย์ไม่รู้สึกอะไร แค่ต้องการได้ของคืน ไม่ใช่ พี่เมย์ส่งข้อความมาหาหนูว่าพี่ดีใจนะดิว สู้ๆ นะน้อง มันกำลังจะผ่านไปแล้ว เขาเป็นคนน่ารัก หนูยังแอบงงเลยว่าทำไมคนอื่นถึงพูดถึงพี่เมย์อยางนั้น ยังพูดกับพี่เมย์อยู่เลย พี่เมย์บอกว่าไม่เป็นไร บางสิ่งบางอย่างพอถูกถ่ายทอดผ่านๆ กันไป มันก็เปลี่ยน พี่เมย์เป็นคนที่น่ารัก และให้กำลังใจ มันจะจบแล้วเนอะ มันจะผ่านแล้ว เริ่มต้นกันใหม่ ทำมาหากินกัน ฮึบ นี่คือเขา”

เหตุการณ์นี้สอนให้เห็นตัวเอง ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน
ดิว : “เหตุการณ์นี้สอนเยอะเลย เอาเป็นว่าเหตุการณ์นี้สอนหลายๆ อย่างในชีวิต สอนให้เห็นตัวเองว่าเป็นยังไง เห็นทุกๆ อย่าง เห็นว่าชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอน บนความแน่นอนหรือบางอย่างที่เรามองข้าม คนๆ นั้นก็เป็นพลังให้เรา เชื่อไหม พลังของดิวเป็นพลังง่ายๆ เลย การกลับมาเจอช่างหน้าช่างผม ทำให้ดิวรู้สึกว่าดิวอยากกลับมาอยู่ประเทศไทย ทั้งที่เขาเป็นแค่ช่างหน้าช่างทำผม เข้าใจความหมายไหม หรือดิวมองพี่ๆ มันก็เป็นกำลังใจ (ร้องไห้) มันก็แค่นั้นแหละ”

กลัวคนลดลง ไม่อยากไปไหนแล้ว
ดิว : “วันนี้ความกลัวลดลงเยอะนะ และอยากอยู่ประเทศไทย ไม่ได้อยากไปไหนแล้ว ผิดพลาดพร้อมปรับปรุง เมื่อวานไปเดินบรรทัดทอง ก็ยังมีคนเข้ามากอด เข้ามาถ่ายรูป คนให้กำลังใจ บางคนอยากให้น้ำกินฟรี พอเราได้รับพลังแบบนี้ก็ทำให้เห็นว่าคนไทยก็คือคนไทยจริงๆ ซึ่งพอเราโดนอะไรหนักๆ เราลืมไปว่าคนไทยเป็นคนยังไง (ร้องไห้)ทำให้เรากลัวไปหมด แต่พอวันนี้เรากลับมารับความรู้สึกนั้นแล้ว ก็ทำให้เราใจฟูขึ้น กล้าอยู่ขึ้นและกล้าทำอะไรขึ้น

จริงๆ แล้วอยากขอบคุณทุกๆ คนในชีวิต ที่ยังอยู่ในชีวิตตอนนี้ ขอบคุณพี่เอี้ยงด้วย เพราะเขาไม่เคยทอดทิ้งหนูไปไหนเลยนะ เขาทำให้หนูด้วยใจจริงๆ ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคน พี่ๆ ทุกคน ไม่รู้เขาสะดวกให้เอ่ยชื่อไหม แต่ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่อยู่กับหนู หนูเชื่อว่าเขารู้ว่าหนูหมายถึงพวกเขา ขอบคุณทุกๆ แฟนคลับ ขอบคุณพี่ช่างหน้าช่างผม พี่ๆ นักข่าว ขอบคุณครอบครัว และขอบคุณทางครอบครัวสามีเก่าด้วย ที่ยังให้เราได้เจอลูก หรืออยู่กับลูกด้วย ดังนั้นขอขอบคุณทุกคน และทุกกำลังใจมากๆ จริงๆ ค่ะ”




















กำลังโหลดความคิดเห็น