หากคุณคิดว่าได้ผ่านความสยองขวัญในรูปแบบต่าง ๆ มาจนหมดสิ้นแล้ว Weapons คือบททดสอบใหม่ที่พร้อมจะฉีกทุกกรอบความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับภาพยนตร์สยองขวัญไปอย่างสิ้นเชิง นี่คือผลงานที่ไม่ได้แค่ต้องการทำให้คุณตกใจด้วยจังหวะตุ้งแช่ แต่ต้องการสะกดจิตให้คุณดำดิ่งไปกับความบ้าคลั่งที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ และในท้ายที่สุดก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงแบบเหนือความคาดเดา
Weapons กำกับโดย แซ็ค เครกเกอร์ (Zach Cregger) ผู้กำกับที่สร้างปรากฏการณ์สยองขวัญสุดเซอร์ไพรส์กับ Barbarian ในปี 2022 ผลงานสร้างชื่อของเขาซึ่งผสมผสานแนวทางที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยเฉพาะการใช้มุกตลกร้าย (Dark Comedy) ที่จิกกัดสังคมในจังหวะที่คาดไม่ถึง และการเล่าเรื่องที่หักมุมจนคนดูต้องกลับไปคิดใหม่ตั้งแต่ต้น ความเป็นเอกลักษณ์ของเครกเกอร์คือการสร้างบรรยากาศที่น่าอึดอัดและไม่น่าไว้วางใจตั้งแต่ต้นเรื่อง และนำเสนอเรื่องราวผ่านมุมมองของตัวละครที่หลากหลาย ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนกำลังต่อจิ๊กซอว์ปริศนาไปด้วยกัน
เรื่องราวในหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ชีวิตของผู้คนดำเนินไปตามปกติสุข จนกระทั่งคืนหนึ่ง เด็กนักเรียนในชั้นเรียนเดียวกัน 17 คนได้หายตัวไปอย่างลึกลับ มีเพียงเด็กชายคนเดียวคือ “อเล็กซ์” ที่ยังคงอยู่และครูผู้สอนของพวกเขาที่ชื่อ “จัสติน” ทำให้ทั้งเมืองตกอยู่ในความสับสนและหวาดกลัว ขณะที่ “อาร์เชอร์” พ่อของเด็กคนหนึ่งที่หายไป พยายามค้นหาคำตอบ เรื่องราวจะค่อย ๆ เปิดเผยปริศนาอันดำมืดเบื้องหลังการหายตัวไปครั้งนี้ ซึ่งเป็นความจริงที่ทั้งน่าสะพรึงและน่าขนลุกจนเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
Weapons โดดเด่นด้วยบทภาพยนตร์ของที่มาพร้อมกับโครงสร้างการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนแต่ทรงพลัง เครกเกอร์เลือกที่จะแบ่งเรื่องราวออกเป็นหลายพาร์ท โดยให้แต่ละพาร์ทเป็นมุมมองของตัวละครแต่ละตัว ซึ่งช่วยให้ผู้ชมค่อย ๆ ได้รับข้อมูลและเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดจากหลายมิติ
บทหนังไม่ได้ใช้วิธีการแบบ “ราโชมอน” (Rashomon) ที่เล่าเหตุการณ์เดียวกันจากมุมมองที่ต่างกันไป แต่ใช้วิธีการที่ทำให้เรื่องราวค่อย ๆ คลี่คลายและเผยความจริงที่ซ่อนอยู่ไปทีละน้อย โครงสร้างการเล่าเรื่องแบบนี้เคยถูกใช้ในภาพยนตร์ชั้นครูอย่าง Magnolia และ 21 Grams ที่เชื่อมโยงชะตากรรมของตัวละครเข้าหากันอย่างแยบยล และ Weapons ก็ได้นำมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความตื่นเต้นและปริศนาที่เข้มข้นยิ่งขึ้น
ขณะที่ทีมนักแสดงนำต่างก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น “จอช โบรลิน” (Josh Brolin) ในบทพ่อที่สิ้นหวัง เขาสามารถถ่ายทอดความโศกเศร้าและความคลั่งแค้นออกมาได้อย่างทรงพลัง ด้าน “จูเลีย การ์เนอร์” (Julia Garner) ในบทครูที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยก็แสดงให้เห็นถึงการแบกรับแรงกดดันและความสับสนทางอารมณ์ได้อย่างน่าเชื่อถือ ส่วน “แครี่ คริสโตเฟอร์” (Cary Christopher) ในบทเด็กชายอเล็กซ์ก็นับเป็นนักแสดงเด็กที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะเขาสามารถสร้างบรรยากาศที่ทั้งน่าสงสารและน่าขนลุกไปพร้อม ๆ กันได้ ในขณะที่ “เบเนดิคท์ หว่อง” (Benedict Wong) ในบทผู้บริหารโรงเรียนก็ช่วยเติมเต็มความตึงเครียดของเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์
ทั้งนี้ แม้จะเป็นภาพยนตร์สยองขวัญ แต่ Weapons ก็สอดแทรกประเด็นทางสังคมและแง่มุมที่ลึกซึ้งไว้มากมาย หนังไม่ได้แค่เล่าเรื่องการหายตัวไปของเด็ก ๆ แต่ยังสะท้อนถึงความหวาดระแวงในสังคมเล็ก ๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น รวมถึงการตั้งคำถามต่อความเชื่อ ความหวัง และการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นปีศาจได้ในพริบตา
คำว่า Weapons ที่เป็นชื่อหนัง แปลว่าอาวุธ ซึ่งโดยนัยยะสำคัญที่หนังหยิบคำนี้มาใช้ คล้ายต้องการจะสื่อสารว่า ในบางครั้ง “อาวุธ” ที่น่ากลัวที่สุดอาจไม่ใช่สิ่งที่จับต้องได้ แต่อาจเป็นความกลัวและความสิ้นหวังที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของมนุษย์แต่ละคน
Weapons เป็นภาพยนตร์ที่คู่ควรอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่สดใหม่และแตกต่าง นี่คือผลงานที่มาพร้อมกับความระทึกขวัญที่คาดเดาไม่ได้ บทภาพยนตร์ที่ลึกซึ้ง และการแสดงที่ไร้ที่ติ หนังเรื่องนี้ไม่ได้แค่ทำให้คุณกลัว แต่จะทำให้คุณต้องขบคิดถึงความมืดมิดที่ซ่อนอยู่ในตัวมนุษย์และสังคมไปอีกนานหลังดูจบ นี่ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์สยองขวัญ แต่เป็นงานศิลปะที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและท้าทายอย่างแท้จริง
