xs
xsm
sm
md
lg

ถอดความลับสวรรค์ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” ชวนตั้งคำถามก่อนจะเป็นไอดอล ครูบาอาจารย์ เขาคนนั้นอาจไม่ได้บริสุทธิ์ 100%?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นอยู่ๆ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” เจ้าของเพจ งมงายสไตล์หมอบี ออกมาอัดคลิปความลับสวรรค์ 1 ในคลิปแรกหมอบี ได้เล่าปริศนาธรรม เป็นการตั้งคำถามกับเรื่องราว ผู้คน ในการเปรียบเทียบคนนั้นคนนี้ดีไม่ดีอย่างไรนั้นเกิดจากการที่เราตาบอด เลือกตัดสินคนๆ นั้นจากสิ่งที่เห็นโดยไม่มองให้รอบด้าน

-ผมไม่เคยตั้งตัวสอนใคร ไม่เคยตั้งตัวเป็นครูบาอาจารย์ใครทั้งสิ้น สิ่งที่เอามาเล่าให้ฟังก็เอามาจากคนอื่นอีกที จะบอกว่าไปก็อปปี้มา ไปอ่านมาแล้วเอามาเล่าให้ฟัง ก็ใช่แบบนั้นเลย ผมเอามาย่อยให้ฟังมากกว่า

-พูดถึงครูบาอาจารย์หรือใครก็ตามที่เราเคารพรัก จะผู้หญิงหรือผู้ชาย เป็นไอดอล เป็นดาราของเรา เรามีการตั้งคำถามไหม เช่น หลวงปู่มั่น พระที่หลายคนเคารพรักและนับถือในสายปฎิบัติ จะมีใครกล้าถามท่านไหมว่าก่อนที่ท่านจะมาเป็นพระอรหันต์ เป็นครูบาอาจารย์ต้นสายแบบนี้ ก่อนหน้านี้ท่านบริสุทธิ์ไหม ท่านบริสุทธิ์ขนาดไหน แปลว่าตอนที่ท่านยังไม่เป็นพระอรหันต์ ท่านอาจจะไม่บริสุทธิ์100% สิ เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ

-เราไม่ควรตั้งคำถามแบบนี้แต่จริงๆ มันก็มีประโยชน์นะ อย่างพระพุทธเจ้า เคยมีคนตั้งคำถามไหมตอนที่ท่านเป็นเด็กๆ ท่านอาจจะบริสุทธิ์แบบไม่เกลี้ยง น่าสนใจนะ บริสุทธิ์สำคัญอย่างไร ก่อนหน้าที่เราจะสะอาด ก่อนหน้าที่เราจะไปอาบน้ำ เราสกปรกหรือไม่ แปลว่าเราจะอาบน้ำต่อเมื่อเราสกปรกหรือ ต่อให้เราไม่สกปรกเราก็ต้องอาบน้ำ

-บุคคลที่มองไม่เห็นความสุขสว่างของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือไม่มอง หรือมองไม่ครบ หรือไม่ได้มองให้เห็นในตัวบุคคลคนๆ นั้นให้ครบทุกด้าน ล้างจานยังต้องล้านด้านหลังเลย เราเห็นคนๆ นึงที่มีความผิด มีความเลวร้าย เราได้เห็นข้างหลังเขาไหม ได้เห็นข้างๆ รึเปล่า ได้มองจากข้างล่าง ได้มองจากข้างบนไหม เราเห็นไม่หมด 

-เราเห็นคนที่เราคิดว่าเขาบริสุทธิ์ ดีงามมากเลย เราได้เห็นด้านหลัง หรือทุกๆ ด้านของเขาหรือยัง ฉะนั้นความสุขสว่าง ความดำมืด ความไม่ดี ของคนๆ นั้น มันเป็นความผิดของเขาหรือของเราเองที่มองไม่เห็น จริงๆ แล้วมันก็เป็นของมันอย่างนั้นแหละ เพียงแต่เราไม่ได้ไปรู้ไปเห็น แต่เราไปตัดสินในสิ่งที่เราเห็นด้านหน้า ว่าคนๆนี้เดินมาวันนึงเขาเคยทำดีกับเรา แปลว่าเขาต้องเป็นแบบนี้ แต่เราไม่ได้เห็นระหว่างการเดินมาว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงของบุคคลคนนั้นหรือสิ่งๆนั้น แปลว่าคนที่ไม่ได้เห็นแสงสว่างของดวงอาทิตย์ ไม่ได้แปลว่ามองไม่เห็นความผิดของดวงอาทิตย์ แต่เป็นความผิดของตัวเราเองที่เรามองไม่เห็นในมุมอื่นๆของเขาแล้วไปตัดสินว่าเขาเป็นแบบนั้นแบบนี้

เราไม่รู้หรอกว่าคนๆ นั้นเป็นอย่างไร ดีงามอย่างไรก่อนจะมาเป็นพระอรหันต์ มันก็มีหลายมุมมอง เขาไม่ได้ผิด เราเองต่างหากที่ผิดที่ไปมองมุมเดียวแล้วตัดสินว่าเขาเป็นแบบนั้น ถ้าเรายังไม่ได้รู้อะไรจริง ยังไม่เข้าใจจริงๆว่าสิ่งนั้นคืออะไร ทำหน้าที่อะไร ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินในสิ่งๆ นั้น

-กว่าจะมานั่งคุยกันตรงนี้ได้ ไม่มีใครรู้ว่าแต่ละคนผ่านอะไรมา มีใครบ้างไม่เคยทำผิดพลาด จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่เราไปดูภาพสุดท้ายของการเห็นในปัจจุบัน เช่น เห็นว่าคนนี้ประสบความสำเร็จ เห็นว่าคนนี้ชั่วช้าทำไม่ดี แต่ก่อนหน้านี้เขาทำดีรึเปล่า บางทีในชีวิตเขา 20-30-40 ปี เขาอาจเคยทำผิดพลาดครั้งเดียว ทุกคนก็รุมประณาม รุมด่า แต่ก่อนหน้านั้น 30 ปี เขาอาจจะทำดีมาตลอด กลับบางคนทำชั่วช้ามาตลอด 30 ปี เพิ่งจะมาทำดี แต่ คนก็กลับไปให้ค่าคนๆ นั้นว่าดี เราเห็นแค่เรื่องเดียวไงแล้วเราก็ไปตัดสิน แต่จริงๆ แล้วทุกสิ่งล้วนเสมอภาค เราเป็นเพียงคนตาบอดเลยมองไม่เห็นในความเป็นจริงของสวรรค์

-ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมครับ









กำลังโหลดความคิดเห็น