หลายคนอาจมองว่าการรีไฟแนนซ์บ้านเป็นเรื่องยุ่งยาก ซับซ้อน และเต็มไปด้วยเอกสาร แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากคุณเข้าใจหลักการและเตรียมตัวให้พร้อม การรีไฟแนนซ์บ้านก็ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด แถมยังเป็นโอกาสดีที่จะช่วยลดภาระดอกเบี้ย ประหยัดค่าใช้จ่าย และทำให้คุณมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น บทความนี้จะมาบอกข้อควรรู้เพื่อให้คุณไม่พลาดการอนุมัติ
รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร และทำไมคุณถึงควรทำ ?
รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) คือ การย้ายสินเชื่อบ้านจากธนาคารเดิมไปยังธนาคารใหม่ เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการผ่อนชำระที่ดีขึ้น โดยทั่วไปแล้ว มักจะทำเมื่อผ่อนชำระกับธนาคารเดิมครบ 3 ปี หรือตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา
ประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์มีอะไรบ้าง ?
• ลดภาระดอกเบี้ย : เป็นเหตุผลหลักที่คนส่วนใหญ่รีไฟแนนซ์ เพราะอัตราดอกเบี้ยของธนาคารใหม่มักจะถูกกว่าธนาคารเดิมในช่วงปีแรก ๆ ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง หรือจ่ายเท่าเดิมแต่เงินต้นลดลงเร็วขึ้น
• ลดจำนวนเงินที่ต้องผ่อนต่อเดือน : หากเลือกอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง หรือขยายระยะเวลาผ่อนชำระให้ยาวขึ้น ก็จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนลงได้
• เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน : บางครั้งการรีไฟแนนซ์บ้านสามารถขอวงเงินเพิ่มเพื่อนำไปใช้จ่ายจำเป็น หรือรวมหนี้สินอื่นๆ ได้
• เปลี่ยนเงื่อนไขสัญญาให้ยืดหยุ่นขึ้น : เช่น เปลี่ยนจากดอกเบี้ยลอยตัวเป็นดอกเบี้ยคงที่ เพื่อบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น
วิธีการรีไฟแนนซ์บ้าน: ทำอย่างไรให้ง่ายและรวดเร็ว ?
กระบวนการรีไฟแนนซ์บ้านมีขั้นตอนหลักๆ คล้ายกับการขอสินเชื่อบ้านครั้งแรก เพียงแต่ต้องมีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อเดิมเพิ่มเข้ามา โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
• ศึกษาและเปรียบเทียบข้อเสนอ : เริ่มต้นด้วยการหาข้อมูลอัตราดอกเบี้ยและโปรโมชั่นของธนาคารต่างๆ ในตลาด บางธนาคารอาจมีเงื่อนไขพิเศษสำหรับลูกค้าที่ย้ายมาใหม่
• เตรียมเอกสารให้พร้อม: นี่คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การอนุมัติเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว เอกสารที่ต้องเตรียมแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ
o เอกสารส่วนบุคคล: สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาทะเบียนสมรส/หย่า (ถ้ามี), สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
o เอกสารทางการเงิน: สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน, หนังสือรับรองเงินเดือน, Statement ย้อนหลัง 6 เดือน, หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ทวิ 50) หรือเอกสารแสดงรายได้อื่นๆ (สำหรับเจ้าของกิจการ)
o เอกสารหลักประกัน (บ้าน/คอนโด): สำเนาโฉนดที่ดิน/หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด, สัญญาเงินกู้เดิมกับธนาคารปัจจุบัน, ใบเสร็จผ่อนชำระย้อนหลัง 12 เดือน, สัญญาจะซื้อจะขาย (ถ้ามี)
• ยื่นเอกสารกับธนาคารใหม่ : เมื่อเลือกธนาคารได้แล้ว ก็นำเอกสารทั้งหมดไปยื่น
• รอผลอนุมัติ : ธนาคารจะพิจารณาอนุมัติ โดยอาจมีการประเมินหลักประกันเพิ่มเติม
• ทำสัญญาและจดจำนองใหม่ : หากได้รับการอนุมัติ ก็จะมีการนัดทำสัญญาเงินกู้กับธนาคารใหม่ และดำเนินการจดจำนองกับกรมที่ดิน
เคล็ดลับที่ทำให้การอนุมัติเป็นเรื่องง่าย
• ประวัติเครดิตบูโรดีเยี่ยม : นี่คือปัจจัยสำคัญที่สุดที่ธนาคารใช้พิจารณา การมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่เคยค้างชำระ หรือมีหนี้เสีย จะเพิ่มโอกาสในการอนุมัติอย่างมาก
• รักษาความสามารถในการผ่อนชำระ : ธนาคารจะพิจารณาจากรายได้และภาระหนี้สินรวมของคุณ หากภาระหนี้เดิมลดลง หรือรายได้เพิ่มขึ้น จะเป็นผลดีอย่างยิ่ง
• เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้อง : การจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนตั้งแต่แรกจะช่วยลดความล่าช้าในการพิจารณา และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวคุณ
• ปรึกษาเจ้าหน้าที่ธนาคาร : หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเอกสารหรือเงื่อนไขต่างๆ อย่าลังเลที่จะปรึกษาเจ้าหน้าที่ธนาคาร พวกเขาสามารถให้คำแนะนำและช่วยอำนวยความสะดวกได้
• เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายแฝง : นอกจากดอกเบี้ยแล้ว ให้พิจารณาค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรีไฟแนนซ์บ้าน เช่น ค่าประเมินหลักประกัน, ค่าจดจำนอง, ค่าอากรแสตมป์ และค่าปรับหากปิดยอดก่อนกำหนดกับธนาคารเดิม เพื่อให้มั่นใจว่าคุ้มค่าจริง
การรีไฟแนนซ์บ้านคือโอกาสดีที่คุณไม่ควรมองข้าม หากเตรียมตัวดี เข้าใจขั้นตอน และรู้เคล็ดลับสำคัญเหล่านี้ การอนุมัติก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป คุณก็จะได้บ้านในฝันพร้อมเงื่อนไขสินเชื่อที่ดีที่สุดอย่างที่ตั้งใจ
