xs
xsm
sm
md
lg

“บอย ปกรณ์” สุดกลั้นน้ำตา มอบเงินจากงานศพ “แม่งามทิพย์” 1.2 ล้าน ให้รพ.รามาฯ ชาติหน้าจะได้กลับมาใช้บุญร่วมกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บอย ปกรณ์” กลั้นน้ำตาไม่อยู่ คิดถึงแม่ นำเงินทำบุญงานศพ “แม่งามทิพย์” กว่า 1.2 ล้าน บริจาคมูลนิธิรามาธิบดี ช่วยผู้ป่วยขาดโอกาส พร้อมมอบยา-อุปกรณ์แพทย์ เผยพาอัฐิพ่อมาอยู่กับแม่ที่บ้าน ดีใจได้กลับมาอยู่ด้วยกันครบ 6 คนอีกครั้ง ลั่นตั้งใจใส่บาตรทุกวันครบ 99 วัน จะได้เป็นเสบียงให้คุณแม่ได้นำติดตัวไปอีกภพภูมิหนึ่ง

นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ของครอบครัวฉัตรบริรักษ์ เมื่อพระเอกหนุ่ม “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” พร้อมด้วยน้องๆ หน่อง ธนา ฉัตรบริรักษ์, ภัทร์ ฉัตรบริรักษ์ และ น้องวันใหม่ ฉัตรบริรักษ์ ไปร่วมกันนำเงินทำบุญจากงานฌาปนกิจ “คุณแม่งามทิพย์ ฉัตรบริรักษ์” มอบให้กับมูลนิธิรามาธิบดี รวมทั้งหมดกว่า 1,273,000 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดโอกาส อีกทั้งยังนำยาและอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ ของคุณแม่ที่ไม่ได้ใช้แล้วมามอบให้แก่โรงพยาบาลอีกด้วย

ล่าสุด บอย ปกรณ์ มาร่วมงานแถลงข่าว DRAGON BALL HEROES RISE ASIA TOUR IN THAILAND ณ Attraction Hall ชั้น 6 ไอคอนสยาม ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาเผยทั้งน้ำตาหลังมอบเงินให้ทางมูลนิธิรามาฯ 1.2 ล้าน เผยยังคิดถึงแม่อยู่เสมอ

“เมื่อวานไปทำบุญมาก็เอาเงินที่ทุกๆ คนที่มาร่วมงานตอนงานคุณแม่ใส่ซอง รวมถึงสแกนคิวอาร์โค้ดหน้างาน อย่างที่ประกาศไว้ในงานจะนำเงินไปบริจาคให้กับมูลนิธิรามาธิบดี ซึ่งก็เป็นโรงพยาบาลที่คุณแม่รักษาตัวอยู่ คุณแม่ก็ทำบุญกับที่มูลนิธินี้มาตลอด ยอด 1,237,000 บาท อันนี้ก็มอบให้กับมูลนิธิไปช่วยให้กับผู้ป่วยที่เขายังขาดโอกาสเรื่องกำลังทรัพย์ก็ให้มูลนิธิไปจัดการ ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านด้วยนะครับ สาธุ

ก็จะมีอุปกรณ์การแพทย์ของคุณแม่เช่น ไม้พยุง เครื่องช่วยหายใจและมีพวกยาต่างๆ เพราะว่าเอาจริงๆ คุณแม่กินยาเยอะมากเป็นตะกร้าเลยครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นยาค่อนข้างมีราคา ที่นี้พอไม่ได้ใช้แล้วก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรก็เอาไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลเผื่อเขาเอาไปบริจาคต่อ สำหรับคนที่ต้องการใช้ยา”

พาอัฐิพ่อมาอยู่กับแม่ที่บ้าน
“ความจริงคือบอกแม่ตั้งแต่จากที่บ้านแล้ว ความจริงวันนั้นทำหลายอย่างก็คือตอนเช้าไปรับอัฐิคุณพ่อก่อนที่วัด คืออัฐิคุณพ่อเก็บไว้ที่วัดตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว แต่ว่าตอนคุณแม่เขามีบอกไว้ว่า ของแม่ให้เก็บอัฐิแม่ไว้ที่บ้าน โอเคงั้นเราก็ไปพาคุณพ่อกลับมาอยู่ที่บ้านด้วยกับแม่ ก็บอกคุณแม่ไปตั้งแต่เช้าแล้วว่าวันนี้จะพาอัฐิพ่อกลับมาอยู่ที่บ้านนะ แล้วเดี๋ยวก็จะนำเงินไปบริจาค ทุกๆ คนมาทำบุญร่วมกับแม่เลย แล้วแม่ก็มารับบุญไปด้วย ก็ไปบริจาคเงินไปบริจาคอุปกรณ์การแพทย์ ก็ไปตามแผนกต่างๆ ที่คุณแม่เคยรักษา เอากระเช้าไปขอบคุณคุณหมอพยาบาลที่ดูแล เพราะว่าเอาจริงๆ ก็อยู่กับตรงนั้นนานหลายปี

ก็รู้สึกขอบคุณจริงๆ เพราะว่าคนเราทุกคนแหละเมื่อไหร่ก็ตามที่ยังไม่เจอเหตุการณ์ที่รู้สึกว่าต้องดูแลร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นตัวเองหรือว่าคนใกล้ตัว จะไม่มีทางที่รู้สึกระวังหรือว่ากลัว แต่ว่าจนวันหนึ่งที่มีคนใกล้ตัวหรือว่าตัวเองประสบกับเหตุนั้นจริงๆ จะค่อยมารู้สึกว่ารักตัวเองแล้วก็ต้องดูแลตัวเองมากกว่านี้เห็นความสำคัญของตรงนี้อะไรแบบนี้ ซึ่งเรารู้สึกว่าทางครอบครัวเราต้องขอบคุณทางโรงพยาบาลรามาธิบดีมากๆ ที่ดูแลคุณแม่อย่างดีมาตลอด ไม่ว่าเวลาคุณแม่มีเหตุอะไรก็คือเราก็ประสานไปทางโรงพยาบาลก็คือดูแลคุณแม่อย่างดีมาตลอด 6-7 ปี นี้เลย ก็รู้สึกขอบคุณ”

ตั้งใจแต่แรกเพื่อจะนำเงินก้อนนี้มามอบให้กับมูลนิธิรามาฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดโอกาส
“ตอนคุณพ่อเรายังไม่ได้โตมาก แต่พอมาตอนคุณแม่เราอายุเริ่มเยอะแล้ว มันก็เลยทำให้เรามองย้อนกลับมาที่ตัวเองด้วย เราก็ต้องดูแลตัวเองด้วย ณ วันนี้เราก็เป็นเหมือนหัวหน้าครอบครัวแทนแม่ไปแล้ว เราก็เป็นเหมือนอีกหนึ่งที่พึ่งของคนในครอบครัว

คือคุยกันแต่แรกเลยว่าเงินทำบุญที่ทุกคนนำมาทำบุญให้ตอนงานคุณแม่เราจะนำเงินไปบริจาคให้กับมูลนิธิรามาธิบดี ตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าหนึ่งคือเอาบุญให้แม่ด้วย แล้วก็สองคือให้ทุกคนที่รักคุณแม่แล้วมาร่วมงานคุณแม่เหมือนได้ทำบุญไปกับแม่ พบหน้าพบต่อๆ ไปจะได้กลับมาใช้บุญร่วมกันใหม่

ความรู้สึกอย่างแรกทำให้แม่ก็รู้สึกดีด้วย หวังว่ามันอาจจะเป็นอะไรที่คนเห็น ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าก็ดีเหมือนกันนะเอาเงินบุญตรงนี้ช่วยคน อย่างน้อยถ้าเราได้เป็นตัวอย่างที่ดีๆ สักเล็กน้อยก็ถือว่าดีมากๆ แล้วครับ การที่ได้ส่งต่อให้คนอื่นเป็นอะไรที่ดีมากๆ เลย ความจริงก็ไม่ได้อยากมาพูดถึงเรื่องตัวเงินอะไรมากมาย แต่ว่าเวลาคนเราล้มป่วยใช้เงินเยอะจริงๆ ไม่ได้ทุกคนที่เขามีโอกาสหรือว่าแบบพร้อมทุกๆ คน เพราะฉะนั้นก็มีคนที่ไม่พร้อมและเผชิญกับความยากลำบาก อะไรที่เราช่วยได้เราก็ช่วยเพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ดูแลรักษาสุขภาพตัวเองแบบนี้ดีที่สุดเลย”

ตั้งใจใส่บาตรทุกวันครบ 99 วัน
“ความจริงแล้วไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าธรรมเนียมปฏิบัติเหรอ ของที่บ้านเขาจะบอกว่าจะให้ใส่ให้ครบ 49 วัน ช่วงนี้เป็นเหมือนช่วงที่ใส่แล้วก็เป็นเสบียงที่ตุนเอาไว้ให้แม่บรรทุกไปใช้ในภพภูมิของคุณแม่ แต่ว่าเราก็คุยกับที่บ้านครบ 49 วันแล้วเร็วจัง ทำต่อแล้วกันทำไปให้ครบ 99 วันไปเลย ก็เลยคุยกันว่าตักบาตรให้ครบ 99 วัน ทุกวันนี้ที่ทำอยู่ทุกวันเลยก็คือ ตักบาตรทุกวันตอนเช้า ทำอาหารให้แม่ 1 ชุด แล้วก็ให้กับคุณพ่อ 1 ชุด เสิร์ฟคุณแม่กับคุณพ่อทุกวัน วันละ 1 ชุด ก็ทำแบบนี้ทุกๆ วัน ก็จะทำให้ครบ 99 วัน พอครบ 99 วัน หลังจากนั้นค่อยมาว่ากันว่าจะทำ 1 อาทิตย์ทีนึงหรืออะไรก็ว่ากันไป ตอนนี้ทำทุกวันก่อน”

น้ำตาซึม คิดถึงแม่
“คือเราไม่ได้ฝันเป็นแบบกิจจะลักษณะขนาดนั้น มีฝันแว็บๆ (ร้องไห้) เพราะว่าช่วงนี้ก็ไม่รู้ทำไมนึกถึงแม่ไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ก็มีฝันครับ อย่างล่าสุดก็ฝันว่าเขามาอยู่ตรงแขนแล้วก็หอมหัวเขาฝันแว็บๆ (ปาดน้ำตา) คือช่วงนี้ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เราก็คิดว่าเราค่อยๆ ดีขึ้น ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น แต่กลายเป็นว่าช่วงก่อนครบ 49 วัน เป็นช่วงที่เหมือนกลับมาดิ่งๆ ใหม่ แต่หมายถึงว่าพอออกนอกบ้านไปทำงานก็ยังใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม ยังเฮฮาอะไรเหมือนเดิม แต่พอกลับบ้านเปิดคลิปดูนานๆ ไม่ค่อยได้ เอาจริงๆ พูดแบบไม่อายเมื่อคืนยังดูรูปแม่น้ำตาไหลอยู่เลย ไม่รู้ว่าช่วงนี้ทำไม

ไม่เกี่ยวว่าเราเหนื่อย กลายเป็นว่าเป็นเหมือนกันทุกคน หมายถึงว่าทั้งเรา หน่อง ภัทร์ เพราะเป็นเราก็จะระบายลงไปในกลุ่ม เขาก็จะบอกว่าเป็นเหมือนกันเลย อาจจะเพราะว่าพอพ้นช่วงงานคุณแม่ไป เราก็พยายามฮีลใจตัวเองด้วย แล้วก็กลับมาทำงานตัวเองที่คั่งค้าง พอมาช่วงนี้เป็นเหมือนจังหวะให้เราอยู่ดีๆ ก็กลับมาคิดถึงแม่เยอะๆ ก่อนหน้านี้ดูคลิปแม่นานๆ ได้ แต่ช่วงนี้ดูคลิปแม่ได้แป๊บเดียวต้องรีบปิดเลย เพราะว่าดูแล้วไม่ไหวรู้ตัวอีกทีคือน้ำตามาอยู่ที่แก้มแล้ว

เวลาดิ่งเราเราไม่ทำยังไง บางครั้งก็ปล่อยเลย ปล่อยให้ร้องโฮไปเลยเอาออกมาให้หมด บางครั้งก็รีบปิดแล้วก็นอนคิดถึงแม่ เมื่อวานที่ไปโรงพยาบาลแล้วก็ไปขอบคุณที่แผนกห้องไอซียู เราก็มองไปที่ห้องที่แม่เคยนอน เราก็ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องจริงเหรอ ยังรู้สึกว่ายังอยากเดินเข้าไปเยี่ยมแม่อยู่เลย สรุปแล้วมันคือไม่ใช่ทำใจไม่ได้มันน่าจะเป็นกันทุกคนหมายถึง เพราะว่ามันมีหลายคอมเมนต์เลยครับ ที่มาพิมพ์บอกว่ามันจะเป็นแบบนี้แหละ ต่อไปอีก 2 ปี 3 ปี คือก็ยังคิดถึง อาจจะเป็นเพราะว่าเราผูกพันมากๆ เวลาคิดถึงมันก็ทรมานแหละ แต่ว่ามันก็เป็นความคิดถึงความทรงจำดีๆ ไม่ได้ไปทำให้เราถึงขั้นดิ่ง คิดถึงแล้วก็โอเคน้ำตาไหลเสียใจคิดถึงอยากเจอ เราก็คิดถึงความทรงจำดีๆ”

ดีใจได้กลับมาอยู่พร้อมกัน 6 คนอีกครั้งในบ้าน
“ก็ดีความจริงแล้วเราก็สนิทกับคุณพ่อมากเลย แต่ว่า ณ ตอนนั้นเราก็แค่ว่าอยากให้อัฐิของคุณพ่ออยู่ที่วัด คือช่องที่ฝังอัฐิคุณพ่อเข้ากำแพงอยู่ตรงข้ามพระก็เลยคุยกันว่าดีเหมือนกันเนอะว่าให้คุณพ่อได้ไหว้พระทุกวัน แล้วเราก็เอากระถางธูปกับรูปคุณพ่อมาอยู่บ้าน พอครบรอบเราก็ไปที่วัดไปทำบุญไปไหว้ แต่คือว่าคุณแม่เขาพูดกับเราไว้ตั้งแต่ช่วงที่ไม่สบายแล้ว เอาจริงๆ แม่จะไม่ค่อยได้มีโอกาสใช้คำว่าสั่งเสีย ไม่ค่อยมี น้อยเพราะว่าที่บ้านการพูดสั่งเสียหรือแม้แต่การไปถามที่บ้านกลัวเป็นลางไม่ดีก็เลยไม่ค่อยกล้าคุย

นี่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่คุณแม่พูดทิ้งไว้ว่าวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้นพาอัฐิแม่มาไว้ที่บ้าน เราก็เลยคิดว่าโอเคถ้าอัฐิแม่อยู่ที่บ้านเราไปพาอัฐิป่ะป๊ามาอยู่กับแม่ด้วยแล้วกันแค่นั้นเลยก็จะได้อยู่ด้วยกัน คือทุกวันนี้เวลาเราทำบุญเราตักบาตร คนอื่นไม่รู้แต่ตัวเราเองเราตักบาตรเอาขวดน้ำเราก็เรียกชื่อแม่ชื่อพ่อเราก็มักจะจินตนาการว่าแม่กับพ่อยืนอยู่ข้างๆ ด้วยกันแล้วก็รับบุญไป ก็ดีครับเหมือนกับทำให้ครอบครัวของเรากลับมาอยู่ด้วยกัน 6 คน”

รับเจอแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทร.มาบ่อย ลงไว้เพื่อเตือนภัย แนะใครที่รู้ว่าใช่รีบด่าแล้วรีบวาง
คือ call center ทุกคนโดนหมดแหละ เราเองก็โดนบ่อย แต่ว่ารอบนั้นบังเอิญว่ามีโทรศัพท์เครื่องรับงานอยู่ข้างๆ ตัวพอดีก็เลยถ่ายสักหน่อย อยากคุยเล่นด้วยอยากปั่นเพราะเขาโทร.มาเราก็รู้เลย แต่คือจะบอกว่าที่ลงไม่ใช่แค่ว่าจะเอาฮา ความตั้งใจจริงคือที่ลงเพื่ออยากให้คนที่เขาไม่รู้ เพราะว่าหลายๆ คนที่ดูตอนนี้อาจจะบอกว่าใครๆ ก็รู้ แต่เชื่อไหมว่ามีคนไม่รู้อีกเยอะเลย เพราะว่าทุกวันนี้คนรอบตัวเรายังโดนอยู่เลย คนรอบตัวที่เป็นทั้งแฟนคลับ ญาติ ที่ดูแล้วเรายังพูดอยู่เลยว่าไม่รู้ได้ยังไง เพราะว่าจังหวะนั้นเขาก็มีจิตวิทยาในการพูดให้เรากลัวจริงๆ เราเชื่อว่ายังมีอีกเยอะเลยที่ได้ยินแบบนี้ก็คิดว่าเรื่องจริง

เพราะฉะนั้นแล้วก็เลยอยากลงเพื่อให้ทุกคนรู้ว่า แบบนี้ของปลอมต่อให้จะพูดอะไรเป็นหลักการ เพราะว่ามันน่ากลัวจริงอย่างเช่นที่เขาพูดกับเราในคลิปถึงผู้ต้องหา มันก็เป็นผู้ต้องหาจริงที่โดนคดีนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้นแล้วก็เตือนภัยด้วย ความจริงมีคนเตือนเราว่าอย่าไปคุยเยอะ เพราะว่าเดี๋ยวมันจะดูดเสียงเราไปใช้ เราก็เลยรู้สึกว่าเสียงเรามันออกสื่ออยู่แล้ว เราเลยรู้สึกว่าช่างแม่xเล่นกับเขาสักหน่อย เราเห็นเขาหงุดหงิดด้วยแล้วยิ่งสนุก บางทีก็โทร.มาดึกๆ บอกมาจาก tiktok thailand เราก็บอกว่าเราเป็นผู้บริหารติ๊กต๊อกเลยนะ เราก็ชอบคุยไปเรื่อย ก็สนุกปั่นๆ ไปสุดท้ายก็หาจังหวะด่าไปทีนึง แนะนำว่าใครที่รู้ว่าใช่รีบด่าแล้วรีบวางไปเลยดีกว่าอย่าคุยนาน"



















กำลังโหลดความคิดเห็น