วันที่ 22 กรกฎาคม 2025 ถือเป็นวันสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการดนตรี เมื่อ “ออสซี่ ออสบอร์น” นักร้องนำแห่งวง Black Sabbath เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 76 ปี ท่ามกลางครอบครัวและคนที่รัก คำไว้อาลัยหลั่งไหลจากทั่วโลก ทั้งจากแฟนเพลง ศิลปินร่วมรุ่น ไปจนถึงกลุ่มสิทธิสัตว์อย่าง PETA ที่ออกแถลงการณ์ยกย่อง “ด้านอ่อนโยนของออสซี่” ที่คนส่วนใหญ่มองข้าม
แม้จะโด่งดังจากบุคลิกสุดโต่งจนได้รับฉายา “เจ้าชายแห่งความมืด” แต่ออสซี่ก็เป็นผู้เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์วงการเพลง ด้วยผลงานทรงพลัง ทั้งในฐานะสมาชิกวง Black Sabbath และศิลปินเดี่ยวอัลบั้มขายดี เขามีเสียงร้องเฉพาะตัว สไตล์แสดงสดจัดจ้าน และบุคลิกที่ใครก็ลืมไม่ลง
แม้การกัดหัวค้างคาวจะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ชื่อของออสซี่กลายเป็นที่โจษจันในปี 1982 และถูกหยิบยกมาเล่าซ้ำไม่รู้จบ แต่ในมุมของ PETA กลับเลือกจดจำเขาในฐานะผู้ใช้ชื่อเสียงเรียกร้องสิทธิสัตว์ โดยเฉพาะการรณรงค์ต่อต้านการตัดเล็บแมวในสหรัฐฯ ปี 2020
PETA เผยผ่านแถลงการณ์ว่า “ออสซี่ ออสบอร์นคือตำนาน และเป็นผู้ท้าทายสังคม แต่เราจะจดจำเขาในฐานะบุคคลที่มีหัวใจอ่อนโยนต่อสัตว์ โดยเฉพาะแมว ซึ่งเขาเคยร่วมรณรงค์กับเราอย่างกล้าหาญ”
แคมเปญในปีนั้น ออสซี่ได้ปรากฏตัวพร้อมภาพมือเปื้อนเลือด และคำโปรยว่า “มันคือการตัดแขน ไม่ใช่การทำเล็บ” พร้อมกล่าวด้วยตนเองว่า “หากโซฟาของคุณสำคัญกว่าสุขภาพแมว คุณไม่ควรมีสัตว์เลี้ยงเลยด้วยซ้ำ”
เขาอาจจะกัดหัวค้างคาวในอดีต แต่เขาก็ใช้ชื่อเสียงเพื่อปกป้องสัตว์ในแบบที่ไม่เคยคาดคิด
เส้นทางแห่งความคลั่งที่กลายเป็นตำนาน: 7 เหตุการณ์สุดโต่งของออสซี่ ออสบอร์น
แม้ออสซี่จะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่เหตุการณ์ต่อไปนี้ยังคงอยู่ในความทรงจำของคนทั่วโลก เหตุการณ์ที่ทำให้เขากลายเป็น "เจ้าชายแห่งความมืด" อย่างแท้จริง
คืนวันที่ 20 มกราคม 1982 ระหว่างคอนเสิร์ตที่รัฐไอโอวา แฟนเพลงคนหนึ่งโยนค้างคาวลงบนเวที โดยออสซี่เข้าใจว่าเป็นของปลอม จึงหยิบขึ้นมากัดเข้าเต็มปาก กลับพบว่าเป็นค้างคาวจริง! เขาต้องเข้ารับวัคซีนพิษสุนัขบ้าทันที และเหตุการณ์นี้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเขานับแต่นั้น
มีนาคม 1981 ในการประชุมกับผู้บริหาร CBS Records ออสซี่ตั้งใจจะปล่อยนกพิราบขาวเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ แต่เนื่องจากมึนเมา เขากลับคว้าตัวนกแล้วกัดหัวออก ก่อนจะพ่นเศษซากใส่โต๊ะประชุม สร้างความตกตะลึงแก่ทุกคนจนต้องพาเขาออกไปทันที ซึ่งกลับกลายเป็นว่าช่วยให้ชื่อเสียงของเขายิ่งพุ่งทะยาน
ช่วงทัวร์ "Diary of a Madman" ปีเดียวกัน ออสซี่สั่งให้ส่งฉลามตายตัวหนึ่งเข้าห้องพัก เขาชำแหละสัตว์นั้นแล้วพ่นเลือดใส่ผนังและเฟอร์นิเจอร์ กลายเป็นเรื่องเล่าขานในวงการร็อกถึงความวิกลจริต
ในการให้สัมภาษณ์ปี 2007 ออสซี่ยอมรับว่า ในช่วงที่เสพยาอย่างหนักในยุค 80 เขาฆ่าแมวของครอบครัวทั้งหมด 17 ตัวด้วยปืน โดยบอกว่าเป็น “ช่วงเวลามืดมนที่สุดในชีวิต” และแสดงความสำนึกผิดอย่างยิ่ง
ปี 2013 ที่บ้านในลอสแอนเจลิส เทียนในแก้วเกิดระเบิด จุดไฟลุกใส่ผ้าม่าน ออสซี่พยายามดับไฟแต่กลับทำให้ผมยาวประจำตัวไหม้เกรียม โชคดีที่ภรรยาและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าช่วยไว้ได้ทัน แม้ไม่บาดเจ็บหนัก แต่เขาต้องตัดผมสั้นไปพักใหญ่
ระหว่างทัวร์กับวง Mötley Crüe ในปี 1984 ออสซี่พยายามทำสิ่ง “เหนือชั้น” กว่าสมาชิกวงคู่แข่ง เขาจึงแกล้งสูดมดจากพื้นถนนราวกับเป็นโคเคน เรื่องราวนี้ถูกเล่าซ้ำโดยมือกลองทอมมี่ ลี ซึ่งยืนยันว่า “ไม่มีใครบ้าเท่าออสซี่อีกแล้ว”
ในช่วงกักตัวปี 2020 ออสซี่เผยว่าเขาใช้ปืนลมยิงนกที่บินเข้ามาในสวนหลังบ้าน ด้วยอารมณ์หงุดหงิดและความเหงา เขายืนยันว่าไม่ได้ต้องการให้สัตว์บาดเจ็บ และรู้สึกเสียใจกับการกระทำดังกล่าว
เสียงสะท้อนจากคนบันเทิง
การจากไปของออสซี่ได้รับความอาลัยจากศิลปินทั่วโลก เอลตัน จอห์น, ร็อด สจ๊วร์ต, และรอนนี่ วูด ต่างออกมาไว้อาลัยต่อบุคคลที่พวกเขายกให้เป็น “ไอคอนของวงการร็อก”
วง Metallica ระบุว่า “เป็นไปไม่ได้ที่จะสรุปว่าออสซี่มีความหมายต่อเรามากแค่ไหน ทั้งในฐานะฮีโร่ ไอดอล และเพื่อนผู้เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ เขาสอนเราให้เล่นในลีกใหญ่ พร้อมเปิดประตูให้กับรุ่นน้อง”
ตลอดเส้นทางชีวิต ออสซี่คือผู้เดินบนเส้นแบ่งระหว่างอัจฉริยะและบ้าคลั่ง เขาคือภาพสะท้อนของความขบถ ความบ้าระห่ำ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสามี พ่อ และผู้รักสัตว์
แม้โลกจะจดจำเขาจากเสียงคำราม กีตาร์แตกกระจาย และเวทีร้อนแรง แต่ในสายตาของกลุ่มสิทธิสัตว์ ออสซี่คือชายผู้กล้าใช้ชื่อเสียงเพื่อส่งเสียงแทนผู้ไร้เสียง
และแม้เขาจะกัดหัวค้างคาว แต่เขาก็ไม่เคยหยุดรักสัตว์ “Ozzy จะถูกจดจำโดยผู้พิทักษ์สัตว์ทั่วโลก” – PETA
