ยังคงเป็นเรื่องวนเวียนอยู่ในวงการบันเทิงไทย กับประเด็นเอาดารามาพากย์เสียงในภาพยนตร์ฮอลลีวูด รวมไปถึง #คืนอาชีพให้นักพากย์ มาเป็นเวลากว่า 10 ปี ที่ไม่ว่าจะเป็นดาราคนไหนที่เข้ามารับงานพากย์เสียง ก็มักจะมีทั้งบ่นมากกว่าคำชม และเรื่องนี้ไม่ได้เกิดเพียงวงการบันเทิงไทย ในประเทศอื่น รวมถึงฮอลลีวูด ก็เจอปัญหานี้เช่นกัน คล้ายๆ ปัญหาโลกแตก และที่กำลังถกเถียงกันสนั่นจนถูกมองว่าวิจารณ์จนล้ำเส้นเกินไปมาก ก็คือกรณี “เอม สรรเพชญ์ คุณากร” กับการมารับบทพากย์เสียงภาพยนตร์ระดับเอลิสต์สุดยิ่งใหญ่ “Superman” ตัวละครฝังในใจผู้คนมาหลายสิบปี
แน่นอนว่าเป็นภาพยนตร์ที่ผู้ชมคาดหวังสูง และเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของ เอม สรรเพชญ์ เช่นกัน การตอบตกลงรับงานชิ้นนี้จึงกลายเป็นภาระหนักอึ้งไม่น้อย เพราะเอมยังใหม่และประสบการณ์น้อย แต่การที่เอมได้รับเลือก ค่าย Warner Bros. ก็ต้องเห็นศักยภาพบางอย่างในตัวเอมด้วยเช่นกัน
กว่าจะได้รับคัดเลือกมาพากย์เสียง
กว่าจะได้คนพากย์เสียงเป็นตัวละครในภาพยนตร์ซักคน แน่นอนว่าต้องผ่านการแคสติ้ง โดยผู้กำกับเสียงจะเป็นคนคัดเลือกเสียงนักแสดงนักพากย์ ประมาณ 3-5 คนส่งไปยังบริษัทแม่ ซึ่งบริษัทแม่จะเป็นคนเคาะบุคคลที่เหมาะสมที่สุด หากทั้ง 3-5 คนที่ส่งไป บริษัทแม่ไม่ผ่าน ก็ต้องส่งไปใหม่ เรียกว่า รีแคส บางเรื่องรีแคสกัน 5-6 รอบก็มี
จุดเปลี่ยนที่ทำให้เกิดดรามาในหลายๆ เคส มาจากในช่วงหลังๆ ทางค่ายหนังนิยมเลือกคนพากย์เสียงที่มีภาพลักษณ์ที่เอาไปอ้างอิงกับตัวละครที่พากย์ จึงได้คนพากย์เสียงเป็นดารามากกว่านักพากย์มืออาชีพ จนเกิดประเด็นวิจารณ์สุดโต่งเรื่อยมา
และการตีความของ superman ภาคนี้ ผู้กำกับอยากให้ภาพจำของ superman มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ต่างจาก superman ในอดีตที่โดนอะไรก็ไม่สะทกสะท้าน จึงทำให้การคัดเลือกเสียงคนพากย์ใกล้เคียงกับเสียงต้นฉบับที่สุด ในประเทศไทย หวยจึงออกที่ เอม สรรเพชญ์
คราวนี้ทำดรามาถาโถมมาที่เอม ถูกกล่าวหาว่าเป็นไอ้เด็กเส้น แย่งอาชีพนักพากย์ ซึ่ง เอม ยอมรับได้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าตนเป็นเด็กเส้น ซึ่งมองได้ทั้งสองมุม ทั้งดีและไม่ดี….“ผมยอมรับว่ามันสำคัญมาก สำหรับพวก nepo baby ทุกคน ที่จะต้องยอมรับมันและทำงานให้หนักพอเพื่อพิสูจน์ตัวเอง มันมีแรงกดดันอยู่แน่นอน แต่ถ้าไม่พิสูจน์ว่าเราทำได้ เราก็อยู่ไม่ได้อยู่ดี ถ้าจะอยู่ตรงนั้นแล้วไม่เหมาะจริงๆ มันก็ไปต่อไม่ได้อยู่ดี โดยเฉพาะในวงการนี้ที่อะไรก็ขึ้นอยู่กับความเห็นของคน ถ้าได้โอกาสนั้นแล้วคุณทำงานได้จริง นั่นหมายความว่าเราสมควรที่จะได้อยู่ตรงนั้นแล้ว มันอาจพาเราไปถึงหน้าประตู แต่จะอยู่ต่อได้ไหมมันขึ้นอยู่กับเราและความสามารถของเราล้วนๆ“
ดารากับการพากย์เสียง
งานพากย์เสียง เป็นงานที่ต้องยอมรับว่าไม่ใช่แค่การแปลบทเป็นภาษาต่างๆ เพื่อให้คนเข้าใจและหนังได้ง่ายขึ้น และการนำพลังของดาราไปใส่ในหนังฮอลลีวูดเพื่อเป็นจุดขาย ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องเสี่ยงดวงพอสมควร ซึ่งเสียงสุดโต่งคนทั่วโลกยังคงไม่ค่อยถูกใจสิ่งนี้ กับการนำ ดารา หรือ อินฟลูฯ มาพากย์เสียงภาพยนตร์ ดาราแม้จะโด่งดังเป็นที่รักมากแค่ไหนไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับการไฟเขียวจากประชาชนหรือแฟนๆ ซึ่งแฟนๆ จะชี้วัดจากอินเนอร์การเป็นตัวละครและน้ำเสียง ซึ่งแน่นอนว่า ดารา เทียบไม่ได้อยู่แล้วกับนักพากย์มืออาชีพ ที่พากย์แล้วผู้ชมรู้สึกว่าได้รับอรรถรสมากกว่า
แต่การเลือกดารามาร่วมพากย์เสียงก็จะได้ผลประโยชน์ในเรื่องของการตลาด ทำให้ปัจจุบันเราจะเห็น ดารา หรือ อินฟลูฯ จะได้รับบทพากย์เป็นตัวหลักของเรื่อง และนักพากย์มืออาชีพเป็นตัวรองที่คอยโอบอุ้มกันไปให้งานออกมากลมกล่อมมากที่สุด ลงตัวทั้งเนื้องานและการตลาดขับเคลื่อนรายได้หนังและคุณภาพงาน
แต่ไม่ใช่ว่าคนดูจะไม่ให้โอกาสดาราในงานพากย์เสียงเลย ในประเทศไทยจะเห็นได้ว่าดาราที่ได้รับการชื่นชมจนก้าวเข้ามาเป็นนักพากย์ อาทิ สันติสุข พรหมศิริ ที่พากย์เสียงมาแล้วหลายงานจนก้าวเข้าสู่อาชีพนักพากย์ หรือจะเป็นล่าสุด โบว์ เมลดา สุศรี ที่กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกกับการพากย์เสียง สโนว์ไวท์ ที่แม้แต่ต่างชาติยังชื่นชมว่าเธอคือสโนว์ไวท์ที่ตรงจริตกับสโนว์ไวท์ในอุดมคติ โบว์บอกว่านักแสดงกับนักพากย์ คล้ายกันมากและสามารถฝึกฝนกันได้…
“โบว์รู้สึกว่ามันไม่ได้ไกลตัว นักแสดงกับนักพากย์ จริงๆ ก็มีความคล้ายกันเลย เวลาเราพากย์เสียงเราคือภาคการแสดงเหมือนกัน ถ้าเราไม่รู้สึกเราก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ มันเป็นอะไรที่ทุกคนสามารถฝึกฝนกันได้”
หรือแม้จะเป็นน้องใหม่ในวงการพากย์มากๆ บางคนกลับได้รับคำชมมากมายอย่างในเรื่อง How To Train Your Dragon 2025 พากย์ไทย “ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน” พากย์เสียง ฮิคคัพ ก่อนหน้านี้เคยพากย์เสียงเกม Overwatch 2 มาก่อน แต่สำหรับการพากย์เสียงตัวหลักในหนังใหญ่เรื่องแรก ถือว่าเอาอยู่หมัด ดูแล้วเชื่อ ฟังแล้วอิน และ “สยาโม” พากย์เสียง แอสทริด ไม่เคยผ่านการพากย์ใดๆ มาเลย แต่กลับทำได้ดีไม่มีข้อกังขา ทั้งเสียงและอารมณ์เข้ากับตัวละครแบบพอเหมาะพอดี
ดาราที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วงการนักพากย์
ในเวลานี้ดาราที่กำลังเติบโต พัฒนาตัวเองหวังก้าวเข้าสู่วงการนักพากย์มืออาชีพ ได้แก่ ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่ตอนนี้ขึ้นแท่นเป็นนักพากย์หน้าใหม่ที่กำลังศึกษางานพากย์เสียง ณเดชน์ผ่านการฝึกฝน จากการพากย์เสียงตัวเองทั้งในภาพยนตร์ และลงเสียงสปอร์ตโฆษณา และเลื่อนระดับมาเป็นการพากย์เสียงแอนิเมชั่น การ์ตูน ไลฟ์แอ็กชั่น จนมาถึงผลงานล่าสุด กับการพากย์เสียงคน ที่ณเดชน์ให้เสียงพากย์เป็น ดร.เฮนรี่ ลูมิส ในเรื่อง Jurassic World Rebirth ณเดชน์ เล่าถึงงานพากย์ว่า…
“ผมเป็นน้องใหม่ในวงการพากย์ครับ งานพากย์เป็นงานที่ยากจริงๆ โดยเฉพาะการพากย์เสียงคน ยิ่งพากย์งานที่ทุกคนรอคอยมันก็มีกดดัน งานพากย์กับนักแสดบางครั้งมันก็เป็นโอกาสที่ดีของนักแสดง ทางค่ายเขาก็ต้องมั่นใจในระดับนึงแหละว่าเราพอจะมีความสามารถ ยิ่งเราได้ทำงานกับทีมนักพากย์เก่งๆเราก็จะยิ่งมีประสบการณ์มากขึ้น คนเราไม่สามารถเก่งได้ตั้งแต่วันแรก แต่เราสามารถฝึกฝนไปเรื่อยๆ ได้จนวันนึงเราอาจจะมีความสามารถใกล้เคียงกับนักพากย์มืออาชีพได้
กับคำชมที่ผ่านมา ตัวผมเองมีครูดีที่คอยเคี่ยวเข็ญทำให้เราสบายใจเวลาทำงาน ไม่ทำให้เราเครียดจนเกินไป พองานออกมาดีก็เป็นกำลังกับผู้ชมรวมถึงตัวผมเอง ยังไงก็ให้โอกาสนักพากย์หน้าใหม่คนนี้ด้วยนะครับ ให้เวลาผมได้พัฒนาต่อไป”
เอาจริง งานพากย์เสียงก็ถือเป็นอีกชาเลนจ์ของดาราเหมือนกัน หากตัดสินใจจะมาลงเล่นเกมนี้แล้ว ควรคิดมาให้รอบคอบก่อนว่าคุ้มที่จะเอาชื่อเสียงมาเสี่ยง?
